เรือกลางทะเล
เรือกลางทะเล
๑).
ลิบลิบโน่นแน่ะเส้นขอบฟ้า
เรือลำน้อยบ่ายหน้าแล่นฝ่าคลื่น
คลื่นครามยามลมได้โครมครืน
ก็แตกดอกออกดื่นเหนือผืนน้ำ
ปรากฏเป็นดวงเก็จราวเพชรระยับ
หายวับ-แล้วแตกเก็จเป็นเม็ดฉ่ำ
เรือลำน้อยน้อยยังลอยลำ
รอค่ำร่ำลมจะพรมเรือ
เกรียมแดดเกรียมฟ้ากลางมหาสมุทร
มนุษย์-ผู้มั่นในความเชื่อ
คาวเค็มนั้นยังคงกรังเกลือ
เลือดเนื้อเหงื่อหลั่งก็กรังคาว
สองมือจ้วงพายว่ายแหวก
คลื่นแหลกแตกฟองฟ่องขาว
เสียงฮึบแต่ละฮึบนั้นฮึบยาว
แกร่งและกร้าวทุกคำเพื่อนำเรือ
ตัดคลื่นไปสู่เส้นขอบฟ้า
ดวงตาสีเข้มยังสุกเรื่อ
แขนที่จับพายกำคือกล้ามเนื้อ
งาดเงื้อแล้วจ้วงให้ล่วงไป
พิสูจน์เส้นขอบฟ้าเบื้องหน้าโน่น
คลื่นจะโยนเรือบึ่งไปถึงไหน
การจ้วงแต่ละจ้ำบอกความไกล
เวิ้งว้างว่างไร้และไม่มี
เห็นแต่ภาพซากซ้ำซึ่งจำเจ
ทะเลเหมือนกับอยู่กับที่
ผ่านคืนผ่านวันเพื่อผ่านปี
โลกทะเลที่มีเพียงสีเดียว
๒).
ปาจิบกาแฟรสแก่จัด
มองตัดพรายแดดที่แผดเกรี้ยว
กลิ่นแล้งเกรอะกรังทั่วทางเทียว
ถนนสายเปลี่ยวยิ่งเดียวดาย
ควันบุหรี่อวลอบก่อนลบเลือน
ลอยตัวเคลื่อนบางบางจนจางสาย
ปาจิบกาแฟจิบสุดท้าย
แล้วเคลื่อนกายกำยำไปทำงาน
๓).
คือวันคืนคืบเคลื่อนเป็นเดือนปี
จักรราศีหมุนเวียนมาเปลี่ยนผ่าน
ฤดูหนึ่งเปลี่ยนไปสู่อีกฤดูกาล
เวิ้งน่านน้ำเขียวอันเดียวดาย
มิเห็นฝั่งก็หวังสักฝั่งฟาก
แรงกรากคลื่นเกรียวนั้นเชี่ยวหลาย
ยังคัดท้ายพายอยู่-ลูกผู้ชาย
ท่ามกลางอันตรายสารพัน
เรือน้อยลอยลำไปตามพาย
เหวี่ยงวาดผาดผายมิได้หวั่น
อาจปลากระโดงขาว-เงามัน
อวดพรรณรูปงามว่ายตามมา
เป็นเรือเล็กพายจ้วงกลางห้วงสมุทร
มนุษย์-ผู้มุ่งมาดปรารถนา
จากวัยหนึ่งสู่วัยที่ไล่มา
ฟากท่าสักฝั่งก็ยังไกล
ลมแรงคลื่นโยนจนโหนตัว
ฟ้ามัวฝนสาดมิหวาดไหว
สองแขนเกร็งกล้ามเนื้อนำเรือไป
ซากซ้ำจำเจ-ทะเลคลื่น
ค่ำคืนดื่นดาวพราวขลิบ
ไร้ปาฏิหารย์ใดใดทั้งไร้ทิพย์
มีแต่สิบนิ้วล่ำที่กำพาย
ค่อยอ่อนแรงลงไปทีละน้อย
โกลนเรือค่อยผุชื้นเป็นผื่นสาย
เรือเล็กลำโดดเดี่ยวผู้เดียวดาย
ลูกผู้ชายหนึ่งคน-ก็ชรา!
๔).
เกือบเกือบศตวรรษ-ปีผลัดปี
ดวงตาสีสนิมเหล็กก็ฝาดฝ้า
ปาหายใจเบาบางอย่างช้าช้า
เลื่อนลอยดวงตาสู่ฟ้าไกล
มองยังเส้นขอบฟ้าเบื้องหน้าโน่น
ไกลโพ้น-มิรู้ว่าอยู่ไหน
บทพิสูจน์จากอายุที่ลุวัย
คำตอบมีไว้ในดวงดาว
๕).
ลอยลำเท้งเต้งเคลงโคลง
พลันปลาฮุบโผง-กระโดงขาว
สาดเรืองแสงเกล็ดเป็นเม็ดพราว
วับวาวเหนือน้ำ-แล้วดำไป!
เนชั่นสุดสัปดาห์