ฤดูน้ำป่า
๑).
ฉันรู้ที่รัก-ฉันรู้---
แห่งมวลหมู่ความทุกข์เธอทุกสิ่ง
จากสัมผัสรัดกอดเธอออดอิง
สั่นสะทกอกเธอพิงเป็นยิ่งนัก
แม้เครือเสียงเพียงพร่ำเพียงพำพึม
ก็เงียบขรึมครึ้มโทนคล้ายโดนกัก
แหละทันใดโทนขื่น-เธอสะอื้นฮัก
หลั่งระบายทลายทะลักที่ขยักโทน
ถูกต้องแล้ว-น้ำป่าที่บ่าสาย
นั้นรินถ่ายเกรี้ยวกราดเกลียวผาดโผน
ไปสู่ลาดหาดลุ่มจนชุ่มโคลน
ไปสู่โตนโตดลำจนฉ่ำภู
จนน้ำป่าที่บ่าสายได้คลายคลั่ง
แม้ขอบดินตลิ่งพัง-ก็ยังอยู่
นั่นคือฤดูกาลเปิดบานประตู
เป็นฤดูใดก็ให้สู่ฤดูนั้น
ถูกต้องแล้ว-น้ำตาที่บ่าราย
เมื่อจะพรายหน่วยแต้มแต่งแก้มหนั่น
จงให้พรายงามสวยทุกหน่วยอัน
เป็นสายขื่นยืนยันความรันทด
เพื่อรู้ว่า-น้ำป่าที่บ่าสาย
เมื่อคลั่งถ่ายโลมภูยังรู้หมด
นี่เพียงสายน้ำหลั่งเธอถั่งรด
ก็เพื่อพรูเพื่อรู้รสเพื่อทดทุกข์!!
๒).
แล้วจงนิ่งและเงียบเพื่อเรียบเรียง
โน่น-ตะเกียงแห่งหาวยังพราวสุก
ฟ้ายังพราวดาวยังแจ่มแม้แรมรุก
คืนเดือนดับดาวจะปลุกเธอทุกครั้ง
ให้ลืมตามองเห็นความเป็นไป
ความสวยงามที่เคลื่อนไหวสองชายฝั่ง
และแก่งเกาะละเมาะไม้-ละม้ายกระมัง?
กับรากที่ลากหยั่งของชีวิต
จึงดูนั่นพันธุ์ไม้หลากหลายพันธุ์
ที่ร่วมกันอิงแอบแนบสนิท
นั่นคือการอยู่ร่วมของมวลมิตร
ท่ามทิศทางเทียวของเงี้ยวงู
แหละเช่นนั้นที่รัก-ปรากฏการณ์
เธอพบพานพบเห็นทั้งเป็นอยู่
ความดีร้ายหลายหลากที่กรากกรู
เพียงผ่านมาชั่วครู่ในชั่วยาม
เธอยังคงยังมีชีวิตอยู่
จะยังเห็นฤดูน้ำป่าได้บ่าหลาม
แต่ใช่ไหม?-ดวงดาวยังวาววาม
อวดแสงจ้าท้าถามมวลความทุกข์
ว่าทุกข์สักเพียงใด-น้ำไหลบ่า
จงลืมตาดูสายน้ำไหลบุก
จะเห็นเราทรงร่างอยู่กลางยุค
ยังหยัดยืนยังขืนลุกอยู่ทุกครั้ง
นั่นแหละ-ความงดงามของมนุษย์
ซึ่งที่สุดคนย่อมพรายประกายหวัง
เช่นแสงดาวพราวพราย-ละม้ายกระมัง?
กับแสงปลั่งเปล่งดวง-ขับช่วงงาม
๓).
แหละด้วยเธอหนาวเนื้อจึงเอื้ออก
ให้เธอกอดสอดกกและถกถาม
ฟังเถิดเสียงบ่าน้ำที่คำราม
แม้โครมครามคลั่งฤดูยังรู้ลด
โลกงดงามที่สุดแล้ว-ที่รัก
ยิ่งงามนักหากเธอกล้าจะปรากฏ
ยิ้มอันแย้มแก้มอิ่มไปพริ้มรส
มวลรันทดความทุกข์-ได้ทุกฤดู!!
ดอกเบี้ยการเมือง