คืนหนาว
๑).
ค่ำคืนนี้เหน็บหนาว-ดาวพราวดวง
เกลื่อนห้วงเวิ้งฟ้ากระจะจ่าง
เหมยไหมสไบหมอกดอกน้ำค้าง
หนาวเหน็บจนเจ็บร่างทุกย่างเท้า
รื้อฟื้นความทรงจำคลำหาทิศ
กอบเก็บเศษชีวิตหาทิศเก่า
อุ่นลมหายใจเพียงแผ่วเบา
ดั่งลมฟุ้งฝุ่นเถ้าเป่ากระจาย
เคยตั้งคำถามถึงความรัก
ทวงทักถึงนิยามและความหมาย
ดั่งเดินตีนปีนรุ้งที่พุ่งพราย
พุ่งหายพุ่งหายจากใจคน
ไขว่คว้าเพียงอากาศมิอาจจับ
ที่ปรากฏก็หายวับให้สับสน
วาดว่ายเวิ้งหวังเวี่ยวังวน
เหนื่อยที่จะเสาะค้นในวงเวียน
๒).
ที่นี่มีไหมใจดวงซื่อ?
เมื่อมือถือแส้คอยหวดเฆี่ยน
ที่นี่มีไหมเพียงไฟเทียน?
ส่องเสี้ยนแหลมหนามที่ตำเท้า
เหมือนตะโกนถามหากลางป่าเปลี่ยว
สะท้อนเพียงเสียงเสี้ยวแล้วเงียบเหงา
เยือกลึกในวิญญาณสะท้านเงา
เปลี่ยวเปล่าร้าวรานสะท้านทรวง
คือเหตุผลในการดำรงอยู่
การแปรเปลี่ยนให้เรียนรู้จนลุล่วง
ดาวเคยพรายวาววับ-มีดับดวง
เสียงทักท้วงห่วงหา-มีพร่าเครือ
ลมหายใจใช่เพียงลมที่พรมแผ่ว
ที่พัดผ่านพานแผ้วเพียงแผ่วเหงื่อ
หากไปผ่าวอ้าวไอให้อุ่นเนื้อ
อุ่นไอให้เพื่อเอื้อชีวิต
เป็นเหตุผลในการดำรงอยู่
การรับรู้เพียงตัวตน-ถูกหรือผิด?
ลมหายใจได้หรือจากมือมิตร
แต่ยาพิษเห็นชัดจากศัตรู
เมื่อหวังใดไม่ได้จากใจคน
จึงนี่คือเหตุผลเพื่อตนอยู่
ใครเป็นใครไม่เห็น-กูเป็นกู
รับหรือให้ไม่รู้-แต่กูรับ!!
๓).
ที่นี่มิมีให้ใจดวงซื่อ
มีแต่มือถือแส้คอยเฆี่ยนขวับ
ที่นี่มิมีให้ไฟวะวับ
มีแต่ความมืดดับชั่วกัปกาล
มิเคยได้ข่าวคราวของความรัก
เงียบหายคล้ายรู้จักแล้วพ้นผ่าน
สูญลับดับแดนนานแสนนาน
ทนอยู่อย่างทรมานแหละรานร้าว
รื้อฟื้นความทรงจำคลำหาทิศ
กอบเก็บเศษชีวิตหาทิศก้าว
เย็นเยียบเงียบเหงาใต้เงาดาว
ค่ำคืนนี้เหน็บหนาว-หนอยาวนาน!