เหตุแห่งกวี!
๑.)
แปดโมงเช้าเข้าแถวเป็นแนวยาว
ไตรรงค์,น้ำเงิน - ขาว บนเสาใหญ่
ลมโบกสายพัดสะบัดไกว
รับเสียงเพลงชาติไทย - ไชโย
แว่วเสียงสนเสียงคลื่นที่ตื่นตก
ตระหนกเสียงเร้าแต่เช้าโข
พลันมาร์ชสถาบันอันใหญ่โต
ก็อวดความอ่าโอ่ลั่นโลกา
นั่นใครก็ไม่รู้ - เดินอยู่โน่น
ตัวโยนเหงื่อเค็มก็เต็มหน้า
หนีบสมุดเดินกรากเหน็บปากกา
สับขาก้าวสวบสวบสวบเท้า
๒.)
คาบแรก คาบสองและคาบสาม
แดดสายยามสายสายเกินใดเท่า
ตัดตึกทึบทึมที่ทอดเงา
เงาทอดสั้นเข้าเข้าทุกที
นักเรียนทำความเคารพ
มาครับมาค่ะครบกันถ้วนถี่
ลมร้อนวูบมาละคราที
คาบสี่ก็หายไปหลายคน
หอมกลิ่นเก่าเก่าของเยาว์วัย
ไม้เอนทิ้งใบร่วงหล่น
นวลเมฆขาวเรืองเบื้องบน
ขับฟ้าเหนือทิวสนให้สดนัก
ได้กลิ่นเค็มกล้าแห่งมหาสมุทร
หอมสุดสูดลึกสืดหนัก
จนตะวันเดือดกล้า - เพลาพัก
เดี๋ยวอีกสักครู่ออดจะออดดัง
๓.)
แล้วกระถินณรงค์ก็ทอดเงาไปตะวันออก
รวงดอกดื่นดกเหนือม้านั่ง
แดดเปรี้ยงใบดกก็ปรกบัง
บ่ายที่แดดกำลังถะถั่งร้อน
ร้อนเสียจนตาปรือจนมือตก
ลมแดดก็วกมาอ่อนอ่อน
หลังมื้อเที่ยงอบอ้าวย่อมหาวนอน
ครูจะสอนอะไรก็ไม่รู้
มันง่วงมันหาวมันอ้าวอบ
นกที่คบชะเมาก็ร้องกู่
ยกมือขออนุญาติครับครู
แล้วก้าวข้ามธรณีประตูไปสู่ทาง
บนทางที่ทอดตลอดเส้น
เป็นซีเมนต์เนื้อหนา - หน้ากว้าง
มือหนึ่งล้วงกระเป๋าหนึ่งเกาคาง
มองฟ้าพลางผิวปากเดินลากเท้า
ปลดทุกข์เบาหนักกันสักที
นิ้วคีบบุหรี่ - ดีดขี้เถ้า
ร่มเมฆยามบ่ายระบายเงา
สันโดษและว่างเปล่า - เหงาเหงาดี
๔.)
บางครั้งความไร้สาระของชีวิต
ก็ศักดิ์สิทธิ์ขลังเข้มอยู่เต็มปรี่
ในความว่างเปล่าไร้ความไม่มี
บางที - ก็ขนัดอยู่อัดล้น
ทางเดินกลับบ้านจากโรงเรียน
ยามฟ้าเจียนจะพลบ - พระลบหม่น
ผ่านหน้าบ้านบางหลังใครบางคน
เดินช้าจนคล้ายคล้ายพักชายคา
แกล้งผูกเชือกรองเท้า - กระเป๋าหล่น
ตาก็ค้นเขม้นจะเห็นหน้า
ขอเพียงแค่ได้พบได้สบตา
ได้รู้ค่านิยามของความรัก
บางครั้งความไร้สาระของชีวิต
นั้นศักดิ์สิทธิ์เหลือแสนทั้งแน่นหนัก
เป็นชีวิตหวานหอมที่พร้อมพรัก
อันเคี่ยวคลักอันข้นแข้นอันแสนดี!
๕.)
หอมกลิ่นเก่าเก่าของเยาว์วัย
หอมหวานสดใสเหลือที่
มากกว่าความเปล่าไร้ - ความไม่มี
วันนี้กลับอัดขนัดล้น
ตึกสูงในเขตขอบในกรอบบริเวณ
เสียงคลื่นเต้นฟองพรายเสียงใบสน
หว่างบ้านแหละโรงเรียนที่เวียนวน
หล่อหลอมจนวันนี้อย่างที่เป็น
๖.)
แต่นกที่คบชะเมายังร้องกู่
หัวใจผู้ตันตื้นยังตื่นเต้น
กับความไร้สาระไร้ประเด็น
มาเป็นกวีได้ด้วยเหตุนี้!