บทสัมภาษณ์จากเวบฮาร์ททอล์คแมกกาซีน ของ วาดดวลี
Interview คุยกับ กวีหมี่เป็ด "มนตรี ศรียงค์"
์โดย กานต์
คุยกับกวีหมี่เป็ด "มนตรี ศรียงค์"
4 ปีที่แล้ว
บนแผงหนังสือมีโอกาสต้อนรับ รวมบทกวีที่ชื่อ
"ดอกฝัน : ฤดูฝนที่แสนธรรมดา" พิมพ์โดย แพรวสำนักพิมพ์
ซึ่งเขียนโดย มนตรี ศรียงค์ นักเขียนหนุ่มจากแดนใต้
เขาเป็นคนจังหวัดสงขลา เริ่มเขียนบทกวีในช่วงพฤษภาทมิฬ และเป็นที่รู้จักจากผลงานในหน้ากวีของนิตยสารการเมืองรายสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็น สยามรัฐ รายสัปดาห์,นิตยสารอาทิตย์ รายสัปดาห์
และหลายปีต่อมานับจากนั้น แม้จะไม่มีผลงานรวมเล่มให้เห็นกันบ่อย แต่ในหน้ากระดาษของชายหนุ่มคนนี้ ยังบรรจุบทกวีเอาไว้อีกหลายบท แถมยังมีนิยายหรือเรื่องราว ที่เขาเขียนมานานนับ 6 ปี รอการขีดเขียนต่อเติม
บางคนที่รู้จักอาจจะกำลังคิดว่า ชายหนุ่มคนนี้อยู่ที่ไหน เขาคิดฝันอะไร และทำอะไรอยู่ ส่วนคนที่ยังไม่รู้จัก เราอยากบอกว่า นับเป็นโอกาสดี ที่คุณมนตรี ศรียงค์ หรือ "กวีหมี่เป็ด" ได้มาพูดคุยกับ Hearttalk Magazine เพราะนี่คือบทสัมภาษณ์ที่ไม่อยากให้คุณพลาด
สวัสดีค่ะ เอ่ยทักทายหน่อยค่ะ ?
สวัสดีครับคนสวย
ตอนนี้พี่หมี่ทำอะไรอยู่บ้างคะ เกี่ยวกับงานปัจจุบัน?
อาชีพหลักผมขายบะหมี่เป็ดครับ อยู่ที่ถนนละม้ายสงเคราะห์ หาดใหญ่ สงขลา ครับ เปิดขายตั้งแต่ 6 โมงเช้ายันบ่าย 3 โดยประมาณครับ
เป็นธุรกิจส่วนตัวใช่ไหมคะ มาทำงานนี้ได้ยังไงคะ?
รับมาทำเองจริงๆก็ไม่กี่ปีหรอก ก่อนหน้านั้นก็ยังช่วยแม่อยู่ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างผมเป็นคนทำเองหมด มีทุนสักก้อนก็เปิดร้านต่างหากได้อีกร้าน เตี่ยกับแม่หัดให้ผมขายของตั้งแต่ยังเด็กเล็กๆโน่นแหละ เดินโต๊ะ เก็บถ้วย แล้วค่อยๆไปทีละอย่างๆ พออายุสัก 16 เตี่ยก็สอนให้ทำเส้นบะหมี่ อันเป็นหัวใจของร้านเลยครับ
พี่หมี่เรียนหนังสือที่ไหนคะ?
เรียนรามฯครับ เรียนได้ 3 ปี ได้มา 84 หน่วย หากกัดฟันอีกสัก 3 ปี ก็ได้มาอีก 84 หน่วย จบ (ฮา)
ทำไมถึงเลือกที่จะมีอาชีพเขียนหนังสือ แล้วคิดยังไงกับอาชีพเขียนหนังสือ? ผมไม่ได้ประกอบอาชีพเขียนหนังสือหรอกครับ แต่ผมเรียกมันว่างานแห่งจิตวิญญาณ ดูเก๋ดี ผมเขียนเพียงบทกวี ชิ้นละ 200-300 จะยังชีพอยู่ได้ยังไง? บางที่บางแห่งได้ตีพิมพ์ก็ไม่ได้ค่าเรื่อง ครั้นจะทวงถามก็รู้สึกอาย (หัวเราะ) บางที่ให้ชิ้นละ 1000 ก็นับว่าสูงพอควร แต่เขาก็มีนักเขียนมีกวีในสังกัดอยู่แล้ว การจะแทรกเข้าไปนั้นยากมาก ขืนเขียนบทกวีอย่างเดียวก็อดตายพอดีครับ
พี่หมี่เขียนถึงอะไรบ้าง แล้วชอบเขียนงานในรูปแบบไหนบ้างคะ? เขียนบทกวีนี่แหละ เรื่อยๆ ไม่เร่งไม่ร้อน ชิ้นนึงอาจใช้เวลาเป็นปี หรือข้ามปีแล้วค่อยเอามาคิดเขียนกันอีกครั้ง แต่หากเป็นเพลงยาวฯทั้งหลายแหล่นี่ ผมใช้เวลาไม่กี่นาทีครับ เพราะเพลงยาวฯของผม ผมตั้งใจเขียนไว้สำหรับกัด ด่า จิก เหน็บ และกวนโอ๊ย ชาวบ้านเล่น อย่างเพลงยาวถึง Around Here เพลงยาวถึงหยองกรอด พวกนี้ผมเขียนเพื่อโพสต์ลงบอร์ด ด่าเพื่อนเล่นๆพอสบายใจครับ
แบ่งเวลาขายบะหมี่ และเวลาเขียนหนังสือยังไงบ้าง ในแต่ละวัน?
ช่วงไหนลูกค้าว่าง ถ้าไม่อ่านหนังสือก็เขียนบทกวีนี่แหละครับ เมื่อก่อนพลังล้นเหลือ ว่างเป็นเขียน ว่างเป็นเขียน ทำเส้นบะหมี่ไปพลางเขียนไปพลาง หลังๆนี่ไม่ได้ทำเส้นเอง มีน้องมาช่วยงานที่ร้าน ผมก็ขยับไปยืนอยู่หน้าร้านเรียกลูกค้า พอว่างๆก็นั่งเปิดหนังสือเปิดสมุด
เรื่อยๆเปื่อยๆไปตามเรื่องครับ
แต่ละวันใช้ชีวิตยังไงคะ? ก็ฉีกขี้ตาตื่นก็ทำงานเรื่อยไป ตั้งแต่ตี 5 กว่าๆจน 5 โมงเย็นจึงเก็บร้านเสร็จ แต่งานจริงๆเสร็จก็ประมาณ 2-3 ทุ่มครับ ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก เพราะเป็นงานที่ซ้ำซากจำเจในทุกๆวัน
พี่หมี่ชอบอ่านงานแนวไหนบ้างคะ? ชอบบทกวีมากที่สุด ถ้าเป็นร้อยแก้วก็อ่านได้ทุกเรื่องทุกแนว แต่ถ้าชอบนั้นก็คงอยู่ในพวกสายเพื่อชีวิต สายปรัชญา สายประวัติศาสตร์ การเมือง รวมๆแล้วก็เป็นสายที่มีสาระค่อนข้างหนัก เข้าใจบ้างไม่บ้างก็ว่ากันไป แต่สายที่ถูกเรียกในปัจจุบันว่าสุขนิยมนี่ ไม่ค่อยชอบอ่านนัก ไม่ได้รังเกียจรังงอนแต่อย่างไร เพียงแต่มันค่อนข้างเบาและกลวง มุมมองและความคิดยังเป็นเพียงผิวเผิน ซึ่งคงต้องให้เวลากับนักเขียนเหล่านั้น แต่ราคาหนังสือนั้นรู้สึกจะแพงเกินเหตุ อาจเพราะเน้นเรื่องกระดาษ การออกแบบรูปเล่มมากไปก็เป็นได้
แนวทางการเขียนหนังสือของพี่ มีการเปลี่ยนไปมากไหม จากแต่ก่อน? เปลี่ยนครับ เยอะด้วย เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ผมเริ่มต้นงานด้วยบทกวีจำพวกแผดเสียงตวาด ตรงๆไม่อ้อมค้อม ประชดประชัน ด่าทอ ใช้คำดุและค่อนข้างหยาบ เดินเรื่องด้วยมุมมองของเด็กหนุ่มเลือดร้อน เป็นงานปะทะสถานการณ์ ออกทางการเมืองสังคมชีวิต ช่วงนั้นพลังล้นเหลือตามประสาคนเพ่งเข้าวงการใหม่ๆ เขียนบทกวีได้เดือนละ 3-4 ชิ้น และได้ตีพิมพ์ประมาณ 90 % ก็มีคนพูดถึงเอ่ยชื่ออยู่พอควรครับ ช่วงนั้นต้องขอขอบคุณนายพรานผี แห่งอาทิตย์รายสัปดาห์(ข่าวพิเศษ) นับว่าเป็นผู้ตะแกรงผมอย่างแท้จริง ขอขอบคุณมา ณ ที่นี่อีกครั้งครับ
แล้วจุดที่เปลี่ยนเป็นยังไงคะ?
ต่อมาเมื่อเขียนมากเข้า ผมก็เบื่องานลักษณะนั้น อาจเพราะอายุเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ความใจร้อนก็ดูเหมือนจะเหือดหายไปตามอายุ ค่อยๆเขียนงานเชิงสัญญลักษณ์ ออกไปทางโรแมนติค ควบคู่ไปกับแนวลูกทุ่งตามประสาคนบ้านนอกอย่างผม โดยไม่ลืมว่าเนื้อหาและวิธีเล่านั้น คนอ่านจะต้องรับรู้ได้ และต้องไม่ไร้สาระมากจนเกินไปเกินงาม ปัจจุบันก็ยังชอบเขียนงานแบบนี้อยู่ครับ
..........................................................................................................................................................
".......หนังสือทำมือ ทำๆออกมาเถอะ ตราบใดที่ยังไม่ได้ขอเงินใครเขาให้เดือดร้อนมาทำ เป็นการฝึกทำหนังสือไปในตัว แล้วยังฝึกการเขียนฝึกการเป็นบ.ก.ไปด้วย อย่าไปกังวลกับเสียงนกเสียงกามากนัก อันไหนที่เขาติเพื่อก่อก็รับฟัง อันไหนเขาด่าเพราะมันปาก ก็แผ่เมตตาไปก็จบ........"
.........................................................................................................................................................
ได้อ่านงานเก่าๆของพี่หมี่จากเวบไซต์ส่วนตัว ที่รวมบทกวีเอาไว้ จุดเริ่มต้นที่ทำเวบไซต์รวมบทกวีมายังไงคะ? ครับ เวบไซด์นั้นคือ www.geocities.com/meepedstory คุณพีค (Ultraman) แห่งหลุดโลกเป็นผู้ทำให้ครับ คุณพีคเล่นหลุดโลกในวอยซ์แชท(Voice Chat) ซะเป็นส่วนใหญ่ มาพบกับผมที่บอร์ดของ "นิดหน่อยต้องมี" หลังหลุดโลกยุคคลาสสิคได้ล่มสลาย ผมก็เอาบทกวีที่ผ่านการตีพิมพ์มาแล้วไปโพสต์ แรกๆก็สร้างความตื่นตะลึงพอควรอยู่ พอนานเข้าก็กลายเป็นว่าผมต้องมาเขียนคำขวัญแลกกับเวบโป๊(ฮา) เหมือนที่คุณกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ เคยเจอเมื่อครั้นไปอยู่หุบเขาฝนโปรยไพรใหม่ๆนั่นแหละ มีชาวบ้านมาถามว่าเป็นนักเขียนหรือ? พอได้คำตอบว่าใช่ ก็จ้างให้เขียนคัทเอาท์เมนูอาหารรึไงนี่แหละ
แปลว่าก่อนที่จะทำเวบไซต์ พี่หมี่เอางานเก่าๆไปแปะในเวบบอร์ดให้คนอ่านกัน?
ครับ พอบอร์ด"นิดหน่อยต้องมี" ปิดกิจการ คุณซัสเนสก็เข้ามาเทคโอเวอร์ต่อ แล้วก็ทำลิงค์รวมงานเขียนของเพื่อนในบอร์ดเป็นหมวดหมู่ คุณซัสเนสนี่จัดเป็นพ่อมดคอมพิวเตอร์คนนึงเลยล่ะ จนคุณซัสเนสออกธุดงค์เพื่อหวังนิพพาน หายไปจากบอร์ดเพื่อเข้าสู่ความเป็นปรมัตถ์(ฮา) พวกเราก็เสมือนหนึ่งนกที่พลัดรัง ต่างกระจัดกระจายไปสิงบอร์ดต่างๆตามแต่บุญกุศลจะนำไป ผมไปสิงที่บอร์ดของพู่ไหม http://board.dserver.org/cgi-bin/index.pl?phumai+100 และบอร์ดบางกะปิ (ตามลิงค์ของบอร์ดพู่ไหมไปที่สมาคมพ่อบ้านทหารบกได้ครับ) ของคุณ อีริค ช่วงนี้คุณพีคหายไปจากบอร์ด นัยว่าขวัญหายที่อเมริกาโดนถล่ม
คุณพีคเป็นใครคะ? คุณพีคนี่อยู่อเมริกาครับ เล่นอยู่ในบอร์ดหลุดโลก แต่คุณพีคไปเทคโอเวอร์บอร์ดของคุณบัฟฟี่(ตามลิงค์ได้จากบอร์ดพู่ไหมครับ) ชื่อบอร์ด เหงาชิบหายบอร์ด เพราะมันร้างเต็มทน ช่วงนี้แหละที่คุณพีคได้ทำเวบไซด์ให้ผมฟรีๆ โดยไม่รู้ตัวมาก่อน วันหนึ่งคุณพีคคุยกับผมใน msn และบอกว่า "เฮ้ย-กูทำเวบให้มึงเสร็จแล้วนะ" "เวบไร" นี่ผมถามด้วยสำเนียงเด็กกรุงเทพฯ "เวบที่เก็บงานกลอนของมึงนั่นแหละ" คุณพีคตอบมาพร้อมด้วยคำด่าอีกมากมาย แล้วสรุปให้ผมส่งรูปไปให้ด้วย ผมเลยส่งเพลงที่ทำเองไปให้เป็นของแถม ไว้ใส่ในเวบ ถ้าเข้าเวบก็กรุณาเปิดลำโพงด้วยนะครับ
เขากับพี่หมี่รู้จักกับเพียงในอินเตอร์เน็ตเท่านั้นใช่ไหมคะ? นี่แหละครับ น้ำใจของมิตร มิตรผู้ซึ่งผมไม่เคยรู้แม้กระทั่งหน้าตาและชื่อจริงของเขาเลย ขอขอบคุณคุณพีคมา ณ ที่นี่อีกครั้งครับส่วนสมุดเยี่ยมของผมนั้น คุณอาปาเช่-อินเดียนแดงหูดำแห่งหลุดโลกบอร์ดเป็นผู้ทำให้ครับ น้องชายหน้าจืดคนนี้เราได้พบกันก็หลายครั้งอยู่ เป็นผู้ชายน่ารัก แต่ท่าทางจะเป็นเกย์รึไรนี่ ผมไม่กล้าคาดเดาครับ (ฮา) วันที่ผมรู้ว่ามีสมุดเยี่ยมก็เพราะอาปาเช่ได้โทรฯมาหาผม บอกว่าทำสมุดเยี่ยมให้แล้วนะ ไปดูด้วยนะ จากนั้นก็มีเพื่อนๆน้องๆมาเยี่ยมเยียนมากมายครับ ไปอ่านดูได้ครับ ไม่หวง เพราะฮามากๆ ที่ http://book.deserver.org/cgi-bin/view.pl?meeped (บอร์ดอาปาเช่ก็ตามลิงค์ไปจากบอร์ดพู่ไหมนั่นแหละครับ)
ฟังแล้วพี่หมี่เป็นนักท่องเน็ตตัวยงเลยนะคะ เข้าอินเตอร์เน็ตแล้วไปที่ไหนบ้างคะ?
ส่วนใหญ่เข้าแต่บอร์ดครับ ก็มีหลุดโลก บางกะปิ พู่ไหม เป็นส่วนใหญ่ ที่เหลือก็เป็นบอร์ดของน้องๆเพื่อนๆ ซึ่งไม่ค่อยได้เข้าไปมากนัก เพราะเวลาส่วนใหญ่ไม่ค่อยพอ เอาไปแชทใน msn หมดครับ(ฮา)
เข้ามาอ่านงานเขียนต่างๆในอินเตอร์เน็ตด้วยไหม และคิดยังไงบ้างคะ?
คิดว่า นี่คือกระแสงานที่มาแรง เป็นแนวที่ค่อยๆทะยอยออกมาสู่สิ่งพิมพ์ เป็นเรื่องดีครับ เพราะเราได้รู้ทัศนะ มุมมอง ของแต่ละคนออกมา โดยเฉพาะของชนชั้นเนต ซึ่งเป็นชนชั้นกลางส่วนใหญ่ เพราะชนชั้นกลางเป็นผู้ขับเคลื่อนสังคมที่มีพลังเพียงพอ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ การบรรยายเรื่องยังไม่ดีพอ บางครั้งดีแต่คุมน้ำหนักเรื่องไม่ได้ งานในเนตมักจะสั้นๆและขาดความลุ่มลึก ไม่สามารถเขียนออกมาได้น่าอ่าน เป็นการสรุปความคิดรวบยอดในแต่ละท่อนประโยค ซึ่งก็น่าเสียดาย เพราะงานเช่นนั้นไม่สามารถตะล่อมคนอ่านให้ดำดิ่งไปกับเรื่องได้แต่ไม่ใช่ว่างานเช่นนั้นไม่ดี หากมือถึง เอาอยู่ ก็กุมเรื่องได้ ประโยคสั้นๆสรุปรวบยอดความคิดนั้น หากจัดวางไว้ให้ถูกที่ถูกทาง มันก็คือหมัดลุ่นๆดีดีนี่เอง
ทำไมถึงมองว่างานเขียนในอินเตอร์เน็ตเป็นกระแสที่มาแรงคะ? ที่ว่ากระแสนี้มาแรง ก็ด้วยเด็กรุ่นใหม่เติบโตมากับคอมพิวเตอร์ เรียนรู้โปรแกรมต่างๆ ระบบวิธีคิดจึงผูกพันอยู่กับโปรแกรมที่ตนใช้ในประจำวัน เมื่อเขาจะสื่อออกมา อาจเพราะเด็กรุ่นใหม่มีปัญหาในการสื่อสารด้วยภาษาพูดและเขียน จึงใช้ภาษาโปรแกรมอันกลายเป็นภาษาสากลเข้ามาอธิบายเนื้องาน นี่แน่นอนที่ย่อมแตกต่างจากงานเขียนแนวขนบ อีกทั้งเด็กรุ่นใหม่รู้จักอินเตอร์เนตมากกว่าคนรุ่นก่อน การจะสื่องานเขียนออกมาด้วยวิธีโพสต์ มันง่าย และได้ผลกว่าการรอบ.ก.พิจารณางาน
ข้อดีคือ-ตนได้มีงานออกมาเสนอคนอ่าน ข้อเสียคือ-ตนไม่มีคนที่รู้กว่ามาคอยแนะนำ และไม่มีประสบการณ์ในการขัดเกลา เพราะการโพสต์งานในเนตมันต้องเขียนให้สั้นๆกระมัง เพื่อคนอ่านจะได้อ่านได้รวดเร็ว เพราะชม.เนตแพง อันนี้เป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่บอกเราว่า เด็กปัจจุบันไม่มีความอดทนในการรอคอยสักเท่าไหร่ เป็นเพียงข้อสังเกตเล็กๆนะครับ
พี่ได้อ่านหนังสือทำมือบ้างไหมคะ และคิดยังไงกับกระแสหนังสือทำมือ ? ก็อ่านอยู่ มีน้องๆเพื่อนๆส่งมาให้ เช่น bcb' zine บางเล่ม , ละอ่อนสารถี, งานของสนเก้าต้น , จิ้งจกทัก , และอีกเล่มสองเล่มที่จำไม่ได้ครับ ก็เห็นดีเห็นงามครับ ทำๆออกมาเถอะ ตราบใดที่ยังไม่ได้ขอเงินใครเขาให้เดือดร้อนมาทำ เป็นการฝึกทำหนังสือไปในตัว แล้วยังฝึกการเขียนฝึกการเป็นบ.ก.ไปด้วย อย่าไปกังวลกับเสียงนกเสียงกามากนัก อันไหนที่เขาติเพื่อก่อก็รับฟัง อันไหนเขาด่าเพราะมันปาก ก็แผ่เมตตาไปก็จบ
คิดจะลองทำหนังสือทำมือกับเขาบ้างไหมคะ ? ไม่ครับ เพราะไม่รู้เรื่องวิธีทำให้เป็นหนังสือเลย อีกทั้งไม่มีเวลาเพียงพอครับ
คิดยังไงกับซีไรท์ปีนี้คะ? เฉยๆครับ กับปีไหนๆก็เฉยๆมาโดยตลอด ใครได้ก็ยินดีด้วย ใครไม่ได้ก็ยินดีอีกนั่นแหละ สำหรับผมซีไรท์หมายถึงเพียงเงินก้อนโตก้อนหนึ่ง และยังจะตามมาด้วยเงินจากยอดขายอีก การได้เงินมาจากการทำงานเป็นเรื่องน่ายินดี ยิ่งเป็นเงินที่มีคนมอบให้เพราะเหตุผลว่าชื่นชมงาน ก็ยิ่งน่ายินดีนี่ครับ อย่าหาว่าผมเห็นแก่เงินเลย แต่ของพรรค์นี้รู้ๆกันอยู่ ว่าคนมันต้องใช้เงิน และไม่ได้ดูถูกรางวัลแต่อย่างใด แม้ว่าจะมีข้อน่าสังเกตอยู่ทุกปีก็ตามที(ฮา)
พี่หมี่คิดว่า ปีนี้กับปีหน้า ธุรกิจหนังสือจะเป็นยังไงบ้าง? เคาะครับ ผมเขียนอย่างเดียว และขายเพียงหมี่เป็ดอย่างเดียวครับ
มีความฝันอะไรเก็บเอาไว้ไม่เคยบอกใครบ้างไหมคะ อะไรบ้าง? ตอบยาก ตอบยาก หากบอกว่าอยากเป็นนักการเมือง ก็จะโดนหาว่าใฝ่ต่ำ(ฮา) เอาเป็นว่ามีอะไรเมื่อไหร่ ผมจึงจะรู้ก็แล้วกันครับ
อยากรู้ว่า คำถามอะไรสักคำถามที่อยากให้มีคนถามแล้วยังไม่เคยตอบ? รู้สึกเหมือนๆจะเป็นดารา-นักร้องเข้าไปทุกทีแฮะ ขอไม่ตอบครับ
: - )
Copyright by ^ . ^ w a d w a l e e
wadwalee@yahoo.com
ICQ : 143356048
Relate topics
- บทสัมภาษณ์จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของมาเลเซีย
- บทวิจาร์ณโลกในดวงตาข้าพเจ้า โดย สุภาพ พิมพ์ชน
- บทสัมภาษณ์ต่อปัญหาภาคใต้
- มี ก อ ง วั ส ดุ บ น ไ ห ล่ ท า ง
- การสร้างสรรค์วรรณกรรมในภาวะวิกฤติสังคมไทย: บทวิเคราะห์กรณีศึกษาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมในอังกฤษ,บ้านทรายทองและปีศาจ
- สุดดิน เพลงปลุกใจที่ยังอยู่ในความทรงจำ
- บทสัมภาษณ์ใน วารสารโรงเรียนนางรองพิทยาคม
- บทสัมภาษณ์ใน ศิลปวัฒนธรรม
- บทวิจาร์โลกในดวงตาข้าพเจ้า โดย ภาคย์ จินตนมัย
- บทสัมภาษณ์ใน the nation.