บทสัมภาษณ์กับเวบประพันธ์สาส์น (หนังสือเล่มโปรด)

by หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก @4 ธ.ค.49 22.07 ( IP : 203...38 ) | Tags : บทสัมภาษณ์

มนตรี ศรียงค์  …งานของเสนีย์ เสาวพงศ์ไม่ได้ช่วยให้ผมกลายเป็นนักเขียนในทันที



โดย  วิรุฬหกกลับ



            มนตรี ศรียงค์ หันเหชีวิตมาเป็นกวี-นักเขียนได้ก็เพราะหนังสือของเสนีย์ เสาวพงศ์  เพียงสองเล่มเท่านั้น  แม้มันไม่ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทันทีเมื่อหน้าสุดท้ายของหนังสือถูกอ่านผ่านตา ตัวละครและเรื่องราวในหนังสือกลับแล่นไปกระทุ้งความนึกคิดของผู้รับสารอย่างมนตรี ศรียงค์เข้าอย่างจัง  ร่องรอยและการย่ำเดินที่แปลกเปลี่ยวเหล่านั้นต่างหากเล่าที่เฝ้ารอโอกาส  สร้างวิธีคิดและผลักดันให้มนตรี ศรียงค์ อ่านๆๆ แล้วก็อ่าน จนถึงขั้นจับปากกาลองเขียนดูกับเขาบ้างง

เมื่อเราถามถึงประสบการณ์การอ่านของเขา

“ผมนึกถึงวงการพระเครื่องเลยครับ  ประมาณว่าพระรุ่นนี้คล้องแล้วมีประสบการณ์อะไรบ้าง  แต่อ่านหนังสือคงไม่มีปาฏิหาริย์เช่นที่เป็นข่าว  ประสบการณ์การอ่านมันจึงคงเป็นเพียงการเก็บทุกเม็ดของหนังสือแต่ละเล่ม  แล้วกองถมพะเนินอยู่ในเบื้องลึกของเรา  อ่าน ๑๐ เล่ม ๒๐ เล่ม    อ่าน ๑๐๐ เล่ม ๑๐๐๐ เล่ม  ทุกเม็ดของหนังสือทั้งเล่มมันตกตะกอนอยู่ในตัวเรา  แล้วก่อตัวขึ้นมาเป็นวิธีคิด  วิธีคิดที่จะกำหนดพฤติกรรมของเรา  หนังสือล้านๆเล่มก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอันใดให้เราได้หรอก    มันไม่ใช่การถามตอบเป็นข้อๆว่าเมื่อเกิดปัญหาหนึ่งหนังสือเล่มใดจะช่วยบอกวิธีแก้ปัญหาให้ได้ แม้แต่หนังสือทางศาสนาก็ตามที  ไม่เคยมีเล่มใดที่อ่านแล้วเรานิพพานได้เลย  แต่ตะกอนที่นอนก้นอยู่นี่แหละ  ที่เมื่อเกิดปัญหาใดขึ้นมา  มันจะค่อยๆก่อตัวเป็นวิธีคิดให้เราจัดการเป็นระบบกับปัญหานั้น  เหมือนทีปีศาจและความรักของวัลยาไม่ได้ช่วยให้ผมกลายเป็นนักเขียนในทันที แต่มันเป็นเม็ด ๒ เม็ดที่นอนตะกอนอยู่เบื้องลึกรอการพะเนินอีกหลายๆเม็ดของหนังสือที่เราย่อยแล้ว”


สำหรับแนวหนังสือที่มนตรี ศรียงค์อ่านเขาบอกว่าอ่านได้ทุกแนวนอกจากแนวประโลมโลกย์

“แนวที่ไม่ใช่ประโลมโลกย์ครับ  นอกนั้นชอบอ่านทุกแนว  แต่ประโลมโลกย์นี่ผมก็อ่านนะครับ  เพียงแต่ไม่ได้ชื่นชอบมากนัก  เมื่อ ๑๐ ปีก่อนผมเน้นเรื่องการเมือง – สังคม  แนวเพื่อชีวิต  โดยเฉพาะงานเขียน – วรรณกรรมของฝ่ายซ้าย  ต่อมาก็คลี่คลายไปสู่แนวอื่นๆ”


            ครับมาดูกันว่าหนังสือเล่มไหนเป็น 5 เล่มในดวงใจของกวีหมี่เป็ด มนตรี ศรียงค์

“ผมเป็นคนไม่ค่อยจำด้วยสิครับ  และว่าไปแล้วมันมีเยอะมากที่เคยขนาดไปไหนก็หนีบเอาไปด้วย  และปัจจุบันหนังสือของผมอยู่ในลังเหล็กที่ถูกกองถมทับด้วยข้าวของเครื่องใช้ในร้าน  ไม่มีที่เก็บไม่มีห้องหนังสือไม่มีพื้นที่จะให้วางชั้นหนังสือเลยครับ  ที่ยังพอให้หยิบมาอ่านได้ตอนนี้ก็เพราะเป็นเล่มที่ยังไม่ได้อ่าน  เอาเป็นว่า ๕ เล่มนี้ผมยกเท่าที่ผมนึกออกนะครับว่าเล่มไหนบ้าง


๑- ไอ้เขี้ยวขาว  แจ๊ค ลอนดอน เขียน สำนวนแปลของ อดิศร เทพปรีชา เรื่องราวของหมาป่าที่ชะตาให้มาผูกพันกับมนุษย์  พบความดีงามความเลวร้ายของมนุษย์มาอย่างเต็มที่  พบเห็นการกระทำอันป่าเถื่อนและสูงส่งของมนุษย์  สัญชาติญาณดั้งเดิมของมัน  และความเชื่อของผู้เขียนที่ว่าความดีงามมันมีอยู่จริง  ความดีงามที่จะสามารถสลายล้างสัญชาติญาณเถื่อนของสัตว์ป่าได้ราบคาบ  และมันไม่ได้หมายถึงเพียงแค่สัญชาติญาณของสัตว์ป่าเท่านั้น


๒- จอห์นนี่ไปรบ  ของ ดอลตัน ทัมโบ    แปลโดย มโนภาษ เนาวรังษี    จอห์นนี่ไปรบเป็นเหรียญอีกด้านกับแนวรบด้านตะวันตก เหตุการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง  ของ เอริช มาเรีย เรอมาร์ก  สงครามโลกครั้งที่ ๑ สร้างความวอดวายแก่มนุษยชาติในยุคสมัยนั้นอย่างโหดร้ายทารุณ  เหตุการณ์ด้านตะวันตกฯพูดถึงสงครามด้วยน้ำเสียงแสนเศร้า  แต่จอห์นนี่ไปรบกลับให้ภาพที่เกรี้ยวกราดของความโหดร้ายนั้น  เป็นความเกรี้ยวกราดอันน่าสะพรึงกลัวยิ่ง  ตัวละครเอกถูกสงครามทำให้ร่างกายพิการไปทุกส่วน  ไม่มีส่วนไหนที่จะสื่อสารกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้เลย  นอกจากการกะพริบตา  ผมจำได้คร่าวๆนะครับว่ากะพริบตา  ไม่แน่ใจว่าเปลือกตาของเขาได้ถูกทำลายไปไหม  เขาไม่มีแขนขาไม่มีหูไม่มีปาก  เหลืออยู่เพียงการสื่อสารกับเพื่อนมนุษย์ด้วยการส่งสัญญาณที่ผมจำไม่ได้แล้วว่าเขาเรียกว่าอะไร  แต่มันเป็นความโหดร้ายอย่างยิ่งของคนคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม


๓- ปีศาจ  ของเสนีย์ เสาวพงศ์    หนังสือแนวอุดมคติที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งของไทยเล่มนี้  สร้างความตื่นตะลึงให้กับผมอย่างยิ่ง  เด็กหนุ่มนักศึกษาคนหนึ่งที่มีอุดมการณ์อันมั่นแน่ว  ฝ่าฟันและต่อสู้ทุกสิ่งทุกอย่างอย่างไม่ย่อท้อ  ไคลแมกซ์ของเรื่องอยู่ที่การเผชิญหน้ากันระหว่างเขากับครอบครัวสูงศักดิ์ของสาวคนรัก  การยืดอกอย่างทระนง  การประกาศความเชื่อมั่นอันเปี่ยมอุดมคติ  สำหรับผมในปี ๒๕๒๙ – ๒๕๓๐ นั้นมันคืออะไรที่เหลือเชื่อ  และปรารถนาจะเป็น    ผมชอบทุกเล่มของเสนีย์    นี่เป็นนักเขียนในดวงใจของผมคนหนึ่งเช่นเดียวกับ ไม้ เมืองเดิม , จอห์น สไตน์เบค , หลู่ซิ่น , แมกซิม กอร์กี้ , มิฆาเอล เอนเด้ , และอีกหลายชื่อที่ตอนนี้นึกไม่ออก


๔- จินตนาการไม่รู้จบ  ของ มิฆาเอล เอนเด้  จำชื่อคนแปลไม่ได้  และจำเนื้อหาของเรื่องไม่ได้เลย ด้วยอ่านมามากกว่า ๑๐ ปีแล้ว  รู้เพียงว่านี่เป็นหนังสือเยาวชนที่เขียนให้ผู้ใหญ่อ่าน  ออกแนวแฟนตาซี  และมีอะไรๆให้ขบคิดมากมาย  นี่เป็นเล่มที่ผมพยายามยัดเยียดให้ใครต่อใครที่ผมรู้สึกดีด้วยได้อ่าน


๕- กูคือนิสิตนักศึกษา  ของสองกุมารสยาม สุจิตต์ วงษ์เทศกับขรรค์ชัย บุญปาน    ด้วยภาษาสำนวนใกล้เคียงกับ ไม้ เมืองเดิม    บทกวีของสองกุมารสยามนี้ทำให้ผมเชื่อว่าเราสามรรถใช้ถ้อยคำธรรมดาของภาษาพูดปกติของเราได้ในงานบทกวี  และผมพยายามทำมัน”


จากที่นี่ครับ

www.praphansarn.com/new/c_link/detail.asp?id=186

Comment #1
Posted @6 ธ.ค.49 9.47 ip : 202...10

^ ^ ^ ไม่เคยเห็นสักเล่ม  กั่กๆๆๆๆๆ ถ้าชอบแนวนี้ ขออนุญาตแนะนำเรื่องนี้ให้พี่หมี่ เผื่อจะชอบ  หญิงก็ยังบ่เคยอ่านเหมือนกัน รอซื้อมือสอง กับรอรับบริจาค แล้วแต่อันไหนจะได้ก่อนกัน อิอิอิ ตามนี้นะจ๊ะ

http://www.nationweekend.com/2005/11/11/NW12_231.php

Comment #2
Posted @7 ธ.ค.49 20.01 ip : 203...123

สรุป  นั่นคือลูกชายของพนมเทียน?

เออแฮะ  เราอยู่กับอิน้เทอร์เนตมากเกินไปไหมหว่า?

แสดงความคิดเห็น

« 3575
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 31 user(s)

User count is 2281087 person(s) and 9181766 hit(s) since 30 เม.ย. 2567 , Total 550 member(s).