บทสัมภาษณ์ในสมิหลาไทมส์

by หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก @5 ส.ค.50 17.52 ( IP : 125...119 ) | Tags : บทสัมภาษณ์

76 บทกวีจากนักเขียนทั่วฟ้าเมืองไทยส่งเข้าประกวด “ชิงรางวัลซีไรท์”ประจำปี 2550 หนึ่งในจำนวนนั้นมีบทกวีร่วมสมัย “โลกในดวงตาข้าพเจ้า”ของ “มนตรี ศรียงค์”กวีหมี่เป็ดชาวสงขลา ผ่านการคัดสรรจากคณะกรรมการทะลุเข้ารอบสุดท้าย... เหลือเพียง 8 เล่ม มีสิทธิ์ลุ้น!และจะมีการประกาศผลรางวัลซีไรท์ประจำปี ในวันที่ 28 สิงหาคม 2550 “โลกในดวงตาข้าพเจ้า”เป็นตัวเต็งคว้าซีไรท์ในปีนี้

ถนนนักเขียนของเขา ผ่านการสั่งสมประสบการณ์ ขีดและเขียนผ่านคมเลนส์ อย่างไม่หยุดยั้ง ดังที่เขาบอกว่า “ข้าพเจ้าถอดแว่น ล้างแล้วเช็ดด้วยผ้าสำลี คาดหวังเอาไว้ว่าเมื่อสวมมันอีกครั้ง ข้าพเจ้าจักมองเห็นดอกไม้สักดอกหนึ่งบานจากเรตินาของข้าพเจ้า” ร่วมค้นหา “โลกในดวงตาข้าพเจ้า”กับ มนตรี ศรียงค์ ว่าที่กวีซีไรท์ที่ชาวสงขลาจะต้องภาคภูมิใจ ....

เส้นทางกวีหมี่เป็ด

เกิดที่หาดใหญ่ อาศัยอยู่ย่านใจกลางเมือง(กิมหยง) เดินผ่านและแวะเข้าห้องสมุดประชาชนทุกวันในช่วงประถม เข้าเรียนที่อำนวยวิทย์ม.1-ม.3 จากนั้นไปเรียนที่มหาวิราวุธ เช่าบ้านอยู่กับเพื่อนจนจบม. 6 โปรแกรมพลานามัย แต่ไม่ได้ดีในแวดวงกีฬา ตั้งเป้าเข้ารามฯปี 2529 เศษๆตีตั๋วรถไฟขึ้นไปเรียนรามคำแหงคณะมนุษยศาสตร์ เลือกเอกภาษาไทย ทั้งที่รักการอ่านการเขียนแต่กลับสอบตกซ้ำซากวิชาร้อยกรอง-วรรณวิจารณ์ เลยตัดสินใจเปลี่ยนคณะมาลง รัฐศาสตร์ การเมืองการปกครอง ทำท่าจะไปได้ดี 3 ปีแรกทำได้ 84 หน่วยกิต(ทั้งที่เข้าเรียนน้อยถึงน้อยที่สุด)แต่เก็บกี่ยวประสบการณ์ใช้ชีวิตในเมืองหลวงมามากมาย ช่วงนั้นแม่เรียกกลับบ้าน มาช่วยกิจการหมี่เป็ดที่ร้านศิริวัฒน์ฯถนนละม้ายสงเคราะห์ หาดใหญ่ ที่ขายดิบขายดีมาจนถึงวันนี้

“ผมเป็นคนชอบอ่านมาแต่เด็ก สมัยเรียนประถมป. 4-5เดินผ่านห้องสมุดประชาชนทุกวันจะแวะอ่าน พล นิกร กิมหงวน เป็นหนังสือที่อ่านแล้วขำอ่านแล้วติด และมีอิทธิพลต่อการมองโลกให้ขำมาจนถึงปัจจุบันและพลอยให้ชอบการอ่านหนังสือแนวอื่นๆตามมา พอย่างเข้าวัยรุ่นก็อ่านมากขึ้นนักเขียนในดวงใจมีตั้งแต่จอห์น สไตน์เบค หลู่ซิ่น แมกซิม กอร์กี้ ไม้เมืองเดิม ยาขอบ รมย์ รติวัน ส่วนใหญ่จะเป็นแนวเพื่อชีวิต..

แรงบันดาลใจจับปากกา

เริ่มจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬปี 2535 ทำให้อยากพูดอะไรออกไปในสิ่งที่เราคิดออกไปสู่สาธารณะบ้าง เลยเขียน เป็นบทกวี ส่งไปตีพิมพ์ตามนิตยสารต่างๆที่ลงบ่อยคือ หนังสือข่าวพิเศษ ของพี่ ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ จากนั้นก็เขียนมาเรื่อย เป็นการเริ่มต้นเอาจริงเอาจังทางด้านนักเขียน และเริ่มเขียนแบบมีเป้าหมาย คือการหาที่อยู่ที่ยืนในวงการวรรณกรรม คือการสร้างชื่อ การจะสร้างชื่อได้ในถนนวรรณกรรมไม่ใช่แค่การไปพบปะนักเขียน แต่จะต้องผลิตผลงานตีพิมพ์ออกมาอย่างสม่ำเสมอ ผลงานมีคุณภาพ มีคนกล่าวถึง จึงจะมีตัวตน

“ผมใช้เวลาไม่นานนักประมาณ 1 ปี ก็เริ่มมีคนพูดถึง งานผมจะมี 3 กลุ่ม หนึ่งเป็นงานสถานการณ์ที่เขียนด้วยอารมณ์ทันทีทันใดที่เห็นเหตุการณ์นั้นๆ สอง งานภาษาสวยๆภาพสวยๆ เป็นงานโรแมนติกปรัชญา ใช้คำสวยๆภาพสวยๆ และสาม คืองานที่ใช้ภาษาพูดธรรมดา ในการประดิดประดอยคำแต่นำภาษามาใช้จัดวางให้ลงตัว จากเรื่องราวที่มากระทบกับตัวเราเอง โดยใช้ภาษาง่ายๆ อ่านแล้วเข้าใจ เพราะกวีจะใช้คำฟุ่มเฟือยไม่ได้”

มนตรีบอกเล่าผ่านปลายปากกาเกี่ยวกับสายตาของเขาในบันทึกจากคนเขียนว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกตัวว่าสายตาไม่ปกติเมื่อสัก 20 ปีที่ผ่านมา(วันนี้อายุย่าง 40 ปี)เป็น 20 ปีที่ใบหน้าข้าพเจ้าประดับด้วยแว่นสายตามาโดยตลอด มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของใบหน้าเมื่อใดที่ข้าพเจ้าถอดแว่นจะรู้สึกถึงความไม่มั่นใจในตัวเอง หวาดหวั่นต่อการมองเห็น

โลกของข้าพเจ้าคือโลกที่มองผ่านเลนส์สายตา มันถูกกลึงเลนส์ให้มีโฟกัสที่เหมาะที่สุดกับสายตาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าพยายามครุ่นคิดหาคำตอบว่า แท้แล้วโลกโดนการกลึงเพื่อให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่หรือข้าพเจ้าต่างหากที่ปรับสายตาตนเองให้อยู่ในโลกให้ได้ …เด็กน้อยคนหนึ่งถามข้าพเจ้าสายตาสั้นหรือ?...ข้าพเจ้าก็เฝ้าครุ่นคำนึงคำถามนี้ต่อตนเอง และได้คำตอบเมื่อวันวานนี้ ไม่หรอก แท้แล้วข้าพเจ้ามีสายตาปกติ แต่โลกใบนี้ต่างหากที่เบี้ยวบุบผิดรูปทรงไป”


ไขเคล็ดวิชากวี

“มนตรี”บอกว่าใครอยากเป็นกวี มีหนทางเดียวไปสู่เส้นทางนี้คือการอ่าน อ่าน อ่าน และ เขียน เขียน เขียน กวีต้องขยันอ่านและเก็บรายละเอียดจดจำไว้ในสมองเพื่อเป็นขุมคลังวัตถดิบในการเขียน การเขียนสามารถเขียนได้ตลอดเวลาที่นึกขึ้นได้เป็นการเขียนไว้ในสมองแล้วจดบันทึกไว้ในสมุดกันลืม วันหนึ่งสามารถนำมาใช้ได้ในงานเขียน และสิ่งสำคัญของการเป็นนักกวีคือ กวีจักต้องใช้คำให้น้อยที่สุดแต่ให้คำจำกัดความมากที่สุดและคำนั้นจะกระทบใจและโดนใจ เป็นการใช้คำง่ายๆที่ให้คนคิดต่อได้เองไม่ต้องอรรถาธิบายความมาก

มนตรีแนะน้องๆที่สนใจเป็นนักเขียนว่าถ้าคุณไม่อ่านหนังสือคุณไม่มีทางเป็นนักเขียนได้ ไม่มีคำว่าพรสวรรค์มีแต่ความพยายามแล้วพยายามเล่าจึงจะเป็นนักเขียนได้


ถนนวรรณกรรมเปิดกว้าง

ถนนนักเขียนจะว่ายากก็ยากจะว่าง่ายก็ง่าย ทุกวันนี้มีอินเตอร์เน็ตนักเขียนรุ่นใหม่สามารถเข้าไปในเว็บ ผลิตงานเขียนในเว็บบอร์ดต่างๆนำเสนอผลงานได้ หรือสามารถส่งงานเขียนไปยังสำนักพิมพ์ได้หากงานนั้นมีคุณค่าจะได้รับการพิจารณาตีพิมพ์ ส่วนเรื่องของชื่อเสียงก็มีส่วน นักเขียนต้องพยายามสร้างชื่อมีตัวตนให้วงการจะแจ้งเกิดหรือมีคนกล่าวถึงงานของเรา จะเป็นใบเบิกทางไปสู่ความสำเร็จได้ ถนนนักเขียนวัดกันที่คุณภาพของงานไม่ต้องเอาหน้าตามาขาย

“วันนี้มันมีสนามมากพอที่เด็กจะเอางานไปนำเสนอมีช่องทางที่เปิดกว้าง ในโลกของอินเตอร์เน็ต แต่ปัญหาคือไม่มีระบบบรรณาธิการในการกลั่นกรอง ถ้าเป็นนักเขียนหน้าใหม่เมื่อไม่มีบก.ก็ไม่รู้ว่างานตัวเองดีแค่ไหน เสียงที่ชื่นชมหรือติติงในเว็บบอร์ด เราไม่รู้ว่าคนที่วิจารณ์งานของเราเขามีภูมิความรู้ในการวิจารณ์หรือไม่ หรือเขาชมโดยมารยาท ชมแบบเกรงใจ ขาดการวิจารณ์ที่ถูกหลักวิชา

(สามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ นสพ.สมิหลา ไทมส์ ฉ.274 วันที่ 4 - 10 สิงหาคม 2550)

โดย โบโบ๋ - 2007-08-04 15:07:38


www.samilatimes.co.th/read.php?newid=265






ช่วงนี้อ้วนอะ 

Comment #1
Posted @5 ส.ค.50 17.56 ip : 125...119

มนตรีบอกเล่าผ่านปลายปากกาเกี่ยวกับสายตาของเขาในบันทึกจากคนเขียนว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกตัวว่าสายตาไม่ปกติเมื่อสัก 20 ปีที่ผ่านมา(วันนี้อายุย่าง 40 ปี)


แล้วมันจะบอกไปทำขี้เกลืออะไรวะเนี่ย 

Comment #2
วรภ วรภา (Not Member)
Posted @5 ส.ค.50 19.19 ip : 61...125

มันบอกเพื่อให้รู้ว่า  กำลังใกล้จะ 'สลาย' ไปเป็นขี้เกลือแล้ว ไงล่ะ

Comment #3
Posted @5 ส.ค.50 22.44 ip : 203...200

ย่าง 40  ล่ะ ฮืมมมมมมม

คุณป้อออออหมี่คับ

Comment #4
นายทิวา (Not Member)
Posted @6 ส.ค.50 0.39 ip : 202...126

สวัสดี ขอรับ น้าหมี่ที่รัก แวะมาทักทาย

ปล. อันนี้

"ช่วงนี้อ้วนอะ"

เดินสายบ่อย อีกหน่อยจะลดหรือเพิ่มดีหว่า อิอิ

Comment #5
ผีเสื้อปีกบางฯ (Not Member)
Posted @6 ส.ค.50 6.12 ip : 203...234

ต่อไปควรจะเรียกน้าหมี่ดีป่ะ 

Comment #6
Posted @6 ส.ค.50 10.34 ip : 202...74

เห็นสัมภาษณ์หลายคนที่เข้ารอบ เขาเป็นพ่อลูกอ่อนกันนะพี่

จะแพ้เขาก็อีตรงนี้แหละ 


ให้ยืมเจ้าตัวเล็กเอามะ
เสร็จงานเมื่อไหร่ค่อยส่งคืน

Comment #7
Posted @9 ส.ค.50 16.41 ip : 61...225

วันนี้..เปิดสกุลไทยอ่าน
คอลัมน์ ขียนแนะนำหนังสือกวีนิพนธ์ที่เข้ารอบชิงรางวัลซีไรต์ปีนี้
หนึ่งในนั้น .. มี โลกในดวงตาข้าพเจ้า
เอ๊ะ เล่มนี้ คุ้นๆ เหมือนเรามี อิอิ .... ดีใจจังคับ รอลุ้นๆ ...

Comment #8
Posted @9 ส.ค.50 16.44 ip : 203...251

อ่านแล้วซึ้งจริง ๆ .

Comment #9
พันธกานท์ ตฤณราษฎร์ (Not Member)
Posted @13 ส.ค.50 11.40 ip : 203...9

เออ...หมี่เป็ดโว้ย.. ตามมาอ่านเว็ปนี่ด้วย ไม่ได้เข้ามานานตั้งแต่สมัครสมาชิกตั้งแต่ปีมะโว้ ไม่รู้ว่าสมาชิกภาพ"ขาดแล้วม่าย"

แสดงความคิดเห็น

« 3575
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 25 user(s)

User count is 2281211 person(s) and 9183756 hit(s) since 30 เม.ย. 2567 , Total 550 member(s).