บทสัมภาษณ์ในโพสต์ทูเดย์

by หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก @11 ส.ค.50 17.48 ( IP : 125...234 ) | Tags : บทสัมภาษณ์

บันทึกท้ายบรรทัด โลกในดวงตา (สั้นและเอียง) ของกวีหมี่เป็ด ‘มนตรี ศรียงค์’ เรื่อง : กุลณรี



ร้านบะหมี่เป็ดศิริวัฒน์ ถนนละม้ายสงเคราะห์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คือฐานทัพในการทำมาหาเลี้ยงชีพที่ “มนตรี ศรียงค์” ได้รับสูตรการทำเส้นบะหมี่เป็นมรดกตกทอดมาจากรุ่นพ่อ ที่เดียวกันนี้ยังเป็นแหล่งวัตถุดิบชั้นดีที่เจ้าของฉายา “กวีหมี่เป็ด” กวาดเก็บรายละเอียดผ่านนัยน์ตาสีสนิมเหล็ก ส่งต่อให้จิตวิญญาณกลั่นกรองออกมาเป็นบทกวีร่วมสมัย “โลกในดวงตาข้าพเจ้า” ซึ่งกลายเป็น 1 ใน 8 กวีนิพนธ์ที่เข้ารอบสุดท้ายรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน หรือ “ซีไรต์” ประจำปีนี้

“ดีใจที่ผ่านเข้ารอบ ส่วนผลการตัดสินเป็นหน้าที่ของกรรมการ” มนตรีบอกความรู้สึกที่มีผลงานติดทำเนียบซีไรต์เป็นครั้งแรกในชีวิต ทั้งยังแสดงความเห็นว่า บทกวีทั้ง 8 เล่มจากนักเขียน 7 คน ล้วนเป็นกวีหนุ่มที่มีลีลาเฉพาะตัว แต่มีจุดร่วมตรงกันคือการเขียนงานในเชิงปัจเจก


“ทุกคนเขียนกวีออกมาในมุมที่ตัวเองมองเห็น รู้และเข้าใจ ไม่ได้เขียนในลักษณะภาพกว้างของสังคม ซึ่งงานแต่ละชิ้นของนักเขียนแต่ละคนเปรียบเสมือนจิ๊กซอว์ที่สามารถนำมาต่อเป็นภาพใหญ่แล้วสะท้อนให้เห็นสังคมในมุมกว้างได้”


อย่างเช่นตัวมนตรี เขาต้องตื่นเช้าไปตลาดตั้งแต่ตี 5 ก่อนกลับมาเปิดร้านขายบะหมี่เป็ดตั้งแต่ 6 โมงเช้า-3 โมงเย็น กว่าจะทำทุกอย่างเสร็จสิ้น (เก็บร้าน ออกกำลังกาย ร่ำสุรา) ก็ปาเข้าไปค่ำมืดเป็นประจำทุกวัน อาจดูเป็นกิจวัตรที่จำเจและไม่น่าสนใจนัก แต่ทุกสิ่งอย่างที่อยู่รายล้อมตัวเขาล้วนสามารถแปรรูปเป็นบทกวี และกวีทุกบทที่เขียนล้วนปะติดปะต่อให้เห็นภาพสังคมที่ดำรงอยู่ได้ทั้งสิ้น


“ถามว่าการทำบะหมี่เกี่ยวยังไงกับงานกวี สำหรับผมมันเป็นสิ่งที่สามารถทำควบคู่กันได้ อย่างเวลาที่ทำเส้นบะหมี่อยู่หลังร้าน ไม่ต้องพบปะกับใคร ผมจะมีสมุดกับปากกาไว้จดยามที่ความคิดผุดขึ้นมา แต่พอไปหน้าร้านเราต้องขายของ ต้องเจอคนมากมายได้เห็นโน่นเห็นนี่ มันก็กลายเป็นข้อมูลให้เอามาเขียนได้อีกเหมือนกัน ลูกค้าจะคุ้นกับการที่เรานั่งเขียนกวีอยู่หน้าร้าน วันก่อนมีคนเห็นในทีวีว่าผมเข้ารอบซีไรต์ ก็ยังมาบอกว่าดูไม่ออกเลยนะว่าจะเขียนได้ (หัวเราะ)”


เจ้าของฉายากวีหมี่เป็ด ที่ทำหน้าที่สะท้อนความเป็นไปของโลกเบื้องหน้าผ่านงานเขียน ยังแสดงความเป็นห่วงถึงสังคมไทยในปัจจุบัน ที่นับวันจะมีร่องรอยของความแตกแยกลุกลามมากขึ้น คนฝ่ายหนึ่งพร้อมจะทำลายล้างอีกฝ่ายให้ย่อยยับลงโดยไม่สนใจว่าทำไมต้องทำกันขนาดนั้น


“กรณีชายแดนใต้ที่เกิดขึ้นเท่าที่ได้ยินมา ส่วนใหญ่จะโกรธและเกลียดมุสลิมชายแดนใต้ โดยไม่คิดย้อนว่าทำไมต้องเกลียดหรือโกรธเขาอย่างนั้น เหล่านี้ใช่ไหมที่ทำให้เขาต้องร่นถอยไปอยู่ในพื้นที่ของเขา และกลายเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ กลายเป็นพื้นที่ต้องห้าม ที่ยิ่งนานยิ่งห่าง กลายเป็นความไม่เข้าใจ ก่นด่า ฆ่าฟันรุนแรง


“สังคมการเมืองก็ไม่ต่างกัน มีการถือพรรคถือพวก โลกมีแต่ขาวกับดำ ซ้ายกับขวา แล้วคนที่เหลือซึ่งไม่ใช่ขาวหรือดำ ไม่ใช่ซ้ายหรือขวาก็เคว้งคว้าง สุดท้ายก็ถูกถีบให้ไปอยู่ข้างใดข้างหนึ่งแม้ไม่เต็มใจ พอสังคมเต็มด้วยความรุนแรง มีแต่ความน่ากลัว จะเข้าไปพึ่งพระ พระก็เปลี่ยนมาเป็นเจ้าพิธีซะ ที่สุดแล้วเราคงต้องพึ่งและเชื่อในสติปัญญาของตัวเองเท่านั้น”


ผลงานชิ้นนี้ไม่เพียงเป็นการมองปรากฏการณ์เบื้องหน้าผ่านเลนส์สายตา (ตาซ้ายสั้น 75 เอียง 250 ตาขวาสั้น 125 เอียง 300) ของกวีชายวัยย่างเลข 4 ผู้บันทึกไว้ว่า แท้จริงแล้วเขามีสายตาปกติ...แต่โลกใบนี้ต่างหากที่เบี้ยวบุบผิดรูปทรงไปเท่านั้น หากยังเป็นการสำรวจตรวจสอบตัวเขาเองที่ไม่สามารถรักษาบางสิ่งที่ดีเอาไว้ได้ โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับผู้คนที่เคยพบหาจนกลายเป็นแผลที่ยากลบเลือน

“รูปถ่ายขาว-ดำเป็นคราบเหลือง

ความกรอบเก่าเล่าเรื่องอยู่เบื้องหน้า

หนึ่งรูปถ่ายหน้าตรงมองตรงมา

ตัดพ้อต่อว่าและปวดร้าว

ข้าพเจ้าสบตาคนในภาพถ่าย

ใจหายวูบไหวเพิ่งได้ข่าว

เสียงคลื่นซัดกราดเกรี้ยวมาเกรียวกราว

หางดาวหนึ่งดวงดิ่งร่วงน้ำ”


ตัวอย่างเล็กๆ จากรวมกวี “โลกในดวงตาข้าพเจ้า”


สำหรับผู้อ่าน จะได้อะไรจากบทกวีของเขากลับไปบ้างนั้น มนตรี บอกว่า ขึ้นอยู่กับทัศนคติที่แต่ละคนพึงมี

“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า

ซ้าย-ขวา ข้าวมันไก่ทั้งหลายนั่น

จากหนึ่งเป็นสี่มิกี่วัน

ห้าก็มาแย่งปันลูกค้า

เพื่อนบ้านอาคารชิดอยู่ติดกัน

ก็พลันหมางหมองมินองหน้า

จากคนคุ้นเคยที่เคยมา

ก็ยิงไฟดวงตาข้ามอาคาร”


อีกบทกวีจากหนังสือเล่มนี้ที่ย่อมมีบางสิ่งแฝงอยู่มากกว่าร้านข้าวมันไก่ 5 ร้าน แน่นอน


ย้อนกลับไปสำรวจเส้นทางกวี (หมี่เป็ด) ของมนตรี เริ่มจากเป็นคนชอบอ่านบทกลอนมาตั้งแต่เด็ก ฉีกคอลัมน์กลอนในนิตยสารต่างๆ มาเย็บเล่มเก็บไว้ตั้งแต่เรียนประถม 5 พอเรียนมัธยมก็แอบเขียนกลอนเรื่อยมา (ที่ต้องแอบเขียนเพราะส่วนตัวเขาคิดว่าการเขียนกลอนเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทำกัน เด็กผู้ชายน่าจะเล่นเตะต่อยหรือไม่ก็เตะบอลมากกว่า)

“ฉันมิใช่สีแทนที่แสนหวาน

แท้เซซังซมซานมานานแสน

ฉันมิใช่พิรุณหยาดยามขาดแคลน

หากว่าแม้นน้ำใจมีให้เธอ

ฉันมิใช่ดอกไม้งามยามเช้าตรู่

แท้ความจริงหดหู่อยู่เสมอ

ฉันมิใช่คนดีที่เลิศเลอ

แต่ถ้าเธอช้ำบอบฉันปลอบเอง”


นี่เป็นตัวอย่างบทกลอนที่มนตรีเขียนไว้ตอนเรียน ม.5 ที่โรงเรียนมหาวชิราวุธ เพื่อนเห็นแล้วชอบใจเลยขอเอาไปใช้จีบสาว ซึ่งก็ได้ผลดียิ่งนัก จะมีก็แต่เจ้าของกลอนนี่แหละที่ยังเป็นโสดอยู่


ยุคแรกๆ งานเขียนที่มนตรีสนใจจะเป็นแนววัยรุ่นหวานๆ อาทิ นิตยสารวัยหวาน เธอกับฉัน หรือนิยายรักนักศึกษาของศุภักษร กระทั่งเกิดจุดเปลี่ยนในช่วงพฤษภาทมิฬ ปี 2535 ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญที่หล่อหลอมให้เขาผละออกจากโลกแห่งความโรแมนติกเพ้อฝันมาสู่โลกแห่งความจริง โดยการแสดงความคิดผ่านบทกวีแนวเพื่อชีวิต สังคม และการเมือง ส่งตีพิมพ์ตามนิตยสารต่างๆ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่จริงจังของการเขียนบทกวีจวบจนวันนี้ก็ 15 ปีแล้ว


มนตรี เล่าว่า ส่วนที่ยากที่สุดในการเขียนกวีสำหรับเขาคือการเริ่มต้น ขอแค่เริ่มต้นเรื่องให้ได้ดังใจเท่านั้น เนื้อความที่เหลือจะหลั่งไหลตามมาไม่ขาดสายทันที ส่วนเรื่องฉันทลักษณ์นั้น เขาไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก


“ฉันทลักษณ์เป็นแค่ของเล่นของคนโบราณที่เขามีคำอยู่ในหัวมาก โดยเฉพาะคำบาลี-สันสกฤต ก็เลยเอามาต่อเล่นให้เป็นกลบท มีไม่รู้ตั้งกี่กลบท มันจึงเป็นแค่รูปแบบการเล่นคำของคนในยุคหนึ่ง ที่ไม่จำเป็นต้องเอาเป็นแบบอย่างตายตัว เราสามารถเขียนกวีขึ้นมาโดยมีฉันทลักษณ์ที่เกิดจากการเล่นคำเฉพาะแบบของเราก็ได้”


มนตรี กวีหมี่เป็ด บอกอีกว่า แบบอย่างการเล่าเรื่องในงานกวีของเขาได้มาจากบทเพลงลูกทุ่งสมัยก่อน ที่มีเนื้อหาประทับใจจนเห็นภาพ มีมุมมองแบบลูกล่อลูกชน และกล้าหาญในการใช้คำค่อนข้างมาก อาทิ เพลงของสุรพล สมบัติเจริญ และชาย เมืองสิงห์ เป็นต้น แต่เหนืออื่นใด กวีจะไม่สามารถเล่าเรื่องราวใดได้ดี หากไม่เข้าใจสภาพของโลกที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา


“สิ่งสำคัญของการเขียนกวีคือ เราต้องตามโลกให้ทัน ไม่ควรปล่อยให้โลกเดินนำหน้าเร็วเกินไป ต้องเปลี่ยนมุมมองตลอดเวลาเพื่อจะได้มองเห็นโลกได้ครบทุกมุม และทำให้งานของเราไม่ซ้ำกับของคนอื่น ซึ่งเกิดขึ้นได้เสมอในการเขียนบทกวี อย่างเช่น งานกวีเกี่ยวกับเหตุการณ์ 14 ตุลาคม ที่เคยมีคนเขียนไว้แล้วในลักษณะมองประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน และทำได้ดีมากด้วย แต่ก็ยังมีการผลิตซ้ำอยู่มาก หากเรายังเขียนด้วยมุมมองแบบเดิมก็อาจจะจมดินได้”

“ผมจำคุณได้ดี-วีรชน

อีกหนเจอกันในวันใหม่

สามสิบปีเนิ่นนานเลยผ่านไป

ใครลืมใครไม่รู้-คิดดูเอง”


ตัวอย่างงานกวีเกี่ยวกับเหตุการณ์ 14 ตุลาคม ที่กวีหมี่เป็ดใช้มุมมองที่แตกต่างจากผู้อื่นถ่ายทอดออกมา


การที่มนตรีเลือกทำงานเขียนในรูปแบบบทกวี มีเหตุผลมาจากความชื่นชอบเป็นทุนเดิม ขณะที่การจะหาผู้อ่านซึ่งหลงใหลบทกวี หรือแค่เพียงเหลียวมาสนใจเพียงชั่วครู่ ใน พ.ศ. นี้ ทำได้ยากนัก


“สิ่งที่กวีต้องทำคือ หาคำตอบว่ากำลังเขียนอะไรอยู่ ทำไมเขียนแล้วไม่มีคนอ่าน เพราะสังคมไทยเราเป็นสังคมเจ้าบทเจ้ากลอน เกิดมาแม่ก็ใช้กวีร้องกล่อมให้ฟังแล้ว นอกเหนือจากนี้ ก็เป็นเรื่องที่เกินแรงของกวี เช่น โลกปัจจุบันเป็นทุนนิยม คนเร่งรีบมากขึ้น จะอ่านงานเขียนก็ต้องมีตัวช่วยให้ย่อยง่าย ขณะที่บทกวีต้องใช้เวลาพินิจ ต้องอ่านเองย่อยเอง ไม่งั้นจะไม่เข้าใจความหมายที่กวีต้องการสื่อ”


ก่อนจากกัน กวีหมี่เป็ดยังได้ฝากคำแนะนำทิ้งท้ายจากโลกที่กำลังเห็นและเป็นไปผ่านนัยน์ตาสีสนิมเหล็กของเขาว่า เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกร้อนระอุไปด้วยอารมณ์ของความขัดแย้ง...จงไปอาบน้ำให้ตัวเย็นซะ จากนั้นประแป้งไข่จิ้งจกให้หอมกรุ่นเต็มหน้า แล้วกินข้าวให้อิ่มท้อง สุดท้ายอย่าลืมขยันยกมุมปากบ่อยๆ ด้วย (ฮา)


© Copyright โพสต์ Today 2007 ส่งความคิดเห็นถึง เว็บมาสเตอร ์
ติดต่อโฆษณาที่ ฝ่ายขาย

วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2550





www.posttoday.com/newsdet.php?sec=magazine&id=184429  จากหน้านี้ครับ

Comment #1
ปราง (Not Member)
Posted @11 ส.ค.50 22.55 ip : 202...245

เอาอีกแระลุง..

หน้าตาสำนึกผิด สารภาพบาปอีกแระ

เหอๆๆๆ

ความไม่ว่า-ดีอยู่แล้ว รูป-หงั่กๆๆๆ ไม่บอก

Comment #2
กวิสรา (Not Member)
Posted @12 ส.ค.50 2.10 ip : 61...1

กว่าจะว่างได้อ่าน นะเนี้ย ปาเข้าไปตีสอง เห้อออ ดีนะอ่านแล้วไม่ง่วง เวปนี้ขลังเสมอ คิคิ

Comment #3
Posted @12 ส.ค.50 20.23 ip : 203...201

ทำไมดูรูปเหมือนแบบว่า  โดนสอบปากคำซะล่ะครับพี่หมี่

แบบว่า "เ่อ่อ ครับ  ผมเองครับที่เขียนเล่มนี้  ขอสารภาพด้วยความจริงครับ"  ฮาๆๆ

Comment #4
พันธกานท์ ตฤณราษฎร์ (Not Member)
Posted @13 ส.ค.50 11.57 ip : 203...9

เห็นเหมือนคุณแดนไกลฯ หมี่เป็ดโว้ย.....เอาทำหน้ายังกะนั่งหน้าสารวัตรสอบสวนเชียว.. ตอบซิ..ผมเขียนหนังสือโว้ย ไม่ได้ลักเบี้ยใค

Comment #5
Posted @13 ส.ค.50 16.08 ip : 125...108

เวรกรรมจิง


อุตส่าห์นั่งทำหน้าเคร่งขรึมให้ดูมีราศีนะเนี่ย

Comment #6
เด็กหลังราม (Not Member)
Posted @18 ก.ย.50 0.49 ip : 124...205

อยากให้พี่ทำหนังสือชีวปวัติ และรวบรวมผลงานของพี่ออกพิมพ์ครับ อยากได้เก็บไว้

Comment #7
สุดยอด (Not Member)
Posted @11 พ.ย.50 12.52 ip : 61...233

เป็นนักเขียนที่ยอดเยี่ยม
มากหรือเปล่าต้องคอยดูอีกอยากให้มีผลที่มีคุณภาพมาอีกเพื่อการันตีความยอดเยี่ยมของคุณ

แสดงความคิดเห็น

« 3575
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 28 user(s)

User count is 2281121 person(s) and 9182288 hit(s) since 30 เม.ย. 2567 , Total 550 member(s).