บทสัมภาษณ์ใน วารสารโรงเรียนนางรองพิทยาคม
๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๐
เรียน อาจารย์..............ที่เคารพ
ต้องขออภัยอาจารย์มา ณ โอกาสนี้ครับ ที่วันนั้นผมไม่ได้อยู่บ้าน เนื่องด้วยติดภารกิจต่างๆของรางวัลซีไรต์ และขอขอบพระคุณอาจารย์ณรงค์ที่กรุณามาเยี่ยมเยียนถึงบ้าน ผมยินดียิ่งครับกับการตอบสัมภาษณ์ในครั้งนี้ แต่หากมีคำตอบใดไม่ควร ผมขออภัยมาล่วงหน้าครับ
ผมเกิดเมื่อ ๖ มีนาคม ๒๕๑๑ เติบโตที่หาดใหญ่มาโดยตลอด มีบ้างบางช่วงเวลาที่ไปอยู่ที่อื่น แต่ก็เป็นช่วงระยะสั้นๆ ได้รับการเลี้ยงดูมาท่ามกลางสองวัฒนธรรม โดยเตี่ยผู้มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ และแม่ที่มาจากชนบทล้าหลังของอำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช เรียนประถมเตรียมถึงประถม ๒ ที่โรงเรียนหาดใหญ่กิตติวิทย์ ที่นี่ทุกมื้อเที่ยง ผมจะต้องนั่งพนมมือเบื้องหน้าข้าวเที่ยงท่องบทอาขยานบทหนึ่งที่ยังจำได้กระท่อนกระแท่นมาจนทุกวันนี้ ข้าวเอ๋ยข้าวสุก เราต้องกินทุกบ้านทุกฐานถิ่น กว่าจะได้ข้าวมาให้เรากิน ชาวนาสิ้นกำลังเกือบทั้งปี ต้องทนแดดทนฝนทนลมหนาว กว่าได้ข้าวมาให้เราถึงที่ ................... ชาวนามีบุญคุณต่อเราเอย จากนั้นก็ย้ายโรงเรียนตามพี่สาวอีกสองคนไปที่โรงเรียนหาดใหญ่อำนายวิทย์ อันเป็นโรงเรียนที่บ่มเพาะให้การท่องอาขยานตราตรึงอยู่ในความทรงจำอีกหลายต่อหลายบท และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผมหลงรักบทกวี มันเป็นช่วงเวลาที่แสนวิเศษช่วงหนึ่งของผม จบมัธยมสามก็สอบเข้าโปรแกรมพลานามัย โรงเรียนมหาวชิราวุธ สงขลา ที่โรงเรียนริมทะเลแห่งนี้ผมได้เห็นโลกที่กว้างขึ้น พบปะผู้คนหลากหลายมากขึ้น และเรียนรู้การอยู่ร่วมในสังคมที่กว้างกว่าเคยอยู่ จากนั้นจึงไปเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาไทย ก่อนจะหันไปเรียนคณะรัฐศาสตร์ แพลนเอ-การเมืองการปกครอง เรียนได้ไม่กี่ปีก็กลับบ้าน และยึดอาชีพขายหมี่เป็ดมาโดยตลอด
ผมอ่านหนังสือมาตั้งแต่ยังเด็ก ควบคู่ไปกับการฟังเพลงทางวิทยุเอเอ็ม ผมได้อ่านพลนิกรกิมหงวนจากการไปยืมห้องสมุดประชาชน อ่านนิตยสารวัยหวาน,เธอกับฉัน,สตาร์ซอกเกอร์ อ่านนิยายของต๊ะ ท่าอิฐ อ่านคู่สร้างคู่สม,ศาลาคนเศร้าของน้า อ่านทุกอย่างที่แผงหนังสือเล็กๆใกล้บ้านมีวางขาย ก่อนหน้านั้นก็ได้ฟังแม่ท่องวรรณคดีบางบทให้ฟัง แม่ร้องเพลงกล่อมตอนยังแบเบาะ น้าๆเล่าเรื่องราวอันแสนระทึกตื่นเต้นของไอ้เสือต่างๆ และสายัณห์ สัญญา,ฉัตรทอง มงคลทอง,สาลิกา กิ่งทอง ที่ขณะนั้นกำลังเจิดจรัสฟ้าเมืองไทย โดยที่เพลงของ ทูน ทองใจ,สุรพล สมบัติเจริญ,ชาตรี ศรีชล,คำรณ สัมบุญณานนท์,ศักดิ์สยาม เพชรชมพู,ดาว บ้านดอน,เทพพร เพชรอุบล และอีกมากมายช่วงก่อนหน้านั้น ก็ยังคงได้ฟังอย่างไม่ขาดสาย รวมไปถึงเพลงลูกกรุงอย่างของ สุเทพ วงษ์กำแหง,ชรินทร์ นันทนาคร และอีกมากมาย ได้ฟังท่วงทำนองของเพลงดิสโก้ยุค ๘๐ ติดตามเพลง rock ยุค ๖๐-๘๐ ได้รู้จักคาราวาน,กรรมาชน,โคมฉาย,คุรุชนและวงดนตรียุค ๑๔ ตุลา ๑๖ กับหลัง ๖ ตุลา ๑๙ อย่างการะเกด ได้อ่านวรรณกรรมที่ไม่เคยคิดว่ามันจะมีอยู่ในโลกใบนี้ อย่าง ปีศาจและความรักของวัลยา ของ เสนีย์ เสาวพงศ์ ทุกจังหวะก้าวย่างของชีวิต มันสั่งสมมาโดยตลอด และผมเลือกที่จะเขียนมันออกมาเป็นบทกวี ในขณะที่คนอื่นๆอาจจะเลือกไม่จดจำหรือไม่เป็นแรงบันดาลใจ เหตุการณ์พฤษภาทมิฬคือจุดก่อตัว ผมเริ่มส่งงานไปตามนิตยสารต่างๆ และจากวันนั้นจนถึงวันนี้กระทั่งไปถึงวันหน้า ผมเขียนหนังสือไม่เคยคาดหวังเรื่องรางวัลแต่อย่างใด ผมเขียนเพราะอยากสื่อกับผู้คนในประเทศนี้ ว่าผมกำลังคิดอะไรต่อเรื่องนั้นๆอยู่ ได้หรือไม่ได้รางวัลไม่ใช่หน้าที่ของผม มันเป็นหน้าที่ของกรรมการและคนอื่นๆที่จะตัดสิน
ผมขายหมี่เป็ด การงานอันแสนหนักหน่วงนี้มันไม่อนุญาตให้ผมมีเวลามากมาย ตื่นแต่ตี ๕ เก็บร้านเสร็จก็เกือบ ๕ โมงเย็น และต้องรีบนอนเพื่อที่จะตื่นมาตี ๕ ของอีกวัน ดังนั้นถ้าผมอยากเขียนหนังสือ อยากเป็นกวีเป็นนักเขียน ผมจะต้องทำงานสองอย่างนี้ไปพร้อมกัน ผมไม่ทราบว่ามันเป็นอุปสรรคหรือส่งเสริมการเขียน ผมรู้เพียงว่าผมต้องทำมันทั้งสองอย่างไปพร้อมกันให้ได้ นั่นคือในขณะขายหมี่ ในหัวของผมก็ต้องทำงานเขียนไปด้วย ผมจะสร้างเรื่องราวเป็นภาพเคลื่อนไหวในหัว และหาประเด็นมุมมองที่จะเอามาเขียน ซึ่งจากการงานที่ไม่ได้เดินทางไปไหน ผมจึงมีข้อจำกัดในเรื่องของฉากและผู้คน ผมจึงหยิบฉาก-ผู้คนที่พบเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันมาใช้ เมื่อยามว่างจากลูกค้า ผมก็จะนั่งเขียนเป็นบทกวีในเดี๋ยวนั้น ก่อนจะเอามาขัดเกลาในภายหลัง
จิตสำนึกต่อประเทศชาติ มันควรเป็นเรื่องที่เราไม่ต้องเรียกร้องเรียกหาเอาจากใคร มันควรจะมีขึ้นมาเองจากการอบรมสั่งสอนถ่ายทอด จิตสำนึกต่อส่วนรวมควรเป็นเรื่องที่แต่ละคนตระหนักไว้ทุกลมหายใจ มันอาจฟังดูอุดมคติเพ้อฝัน โรแมนติกเพ้อเจ้อ แต่มันควรเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้จริง ความพิกลพิการจิตสำนึกที่เกิดในสังคมไทย มันกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียอย่างนั้น เราจอดรถไว้ที่หัวมุมถนน เพราะเราหาที่จอดที่อยู่ใกล้จุดหมายเราไม่ได้ เราจอดรถแถวสองซ้อนคันแล้วกะพริบไฟ เพราะเราต้องการลงไปซื้อของสักอย่าง ดีดก้นบุหรี่ลงบนถนน เพราะหากทิ้งถังขยะก็เกรงว่ามันจะติดไฟ พฤติกรรมเล็กๆที่กลายเป็นเรื่องธรรมดาแบบนี้ยังเกิดขึ้นสม่ำเสมอ ก็คงยากที่จะหาจิตสำนึกในเรื่องใหญ่โตอย่างประเทศชาติบ้านเมือง เราขาดความเคารพตนเอง เราจึงไม่เคารพผู้อื่น เราหวงแหนสิทธิของตัวเอง แต่ไม่แยแสสิทธิของผู้ใด โลกเฉพาะของเราที่เป็นวงกลม มันจึงมีอาณาเส้นรอบวงชนกัน ชนกันอยู่ในวงกลมใหญ่ที่เราสังกัด อัดเอียดเยียดยัดกันอย่างกล้ำกลืน ถ้าเราให้เกิดการออสโมซิสขึ้นมาได้ วงกลมมากมายที่แออัดนั้นก็จะเป็นเพียงหนึ่ง มันยาก ฟังดูอุดมคติเพ้อฝันโรแมนติกเพ้อเจ้อ แต่มันสวยงามและควรจะเป็น เอาเพียงแค่เราอย่าทำร้ายกันก็พอ และถ้าจะต้องทำร้าย ก็เอาเพียงแค่หอมปากหอมคอ และถ้าจะต้องเกินเลยกว่านั้น เราควรไปพบจิตแพทย์
สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นดินแดนที่ยืดเยื้อเรื้อรังมานมนาน และยังไม่เคยเห็นมาตรการใดที่จะเยียวยามันอย่างได้ผลแม้สักมาตรการเดียว อย่าไปพูดถึงเหตุแห่งความวุ่นวาย หรือเรากำลังรบกับใครอยู่เลย เพราะรัฐบาลเองก็ไม่เคยมีหลักฐานว่าใครเป็นผู้ก่อการที่แท้จริง เราทั้งหลายก็ยากที่จะรู้ได้แม้ว่าอยากจะรู้จนเนื้อเต้นริกๆก็ตามที ผมยังยืนยันว่าเชื่อว่านี่เป็นสงครามแบ่งแยกดินแดนแล้วปกครองให้เป็นรัฐมุสลิม เพราะรัฐบาลบอกเรา แต่ผมก็สงสัยครามครัน ว่าแล้วเหตุใดมันจึงมีการฆ่าไม่เว้นพุทธหรือมุสลิม ทั้งที่สงครามเช่นนั้นเป็นสงครามอุดมการณ์ และจำเป็นต้องอาศัยมวลชนเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งความขัดแย้งในเรื่องศาสนานั้น มันไม่มีมานมนานแล้ว ดูวัดช้างไห้วัดตุยงวัดทรายขาวในปัตตานี วัดเมืองวัดลำพญาในยะลา วัดอีกหลายวัดในนราธิวาส ล้วนแล้วอยู่ท่ามกลางมุสลิมทั้งนั้น สุเหร่ามัสยิดของมุสลิมก็อยู่ทั่วไปในดินแดนแห่งนั้น พุทธกับมุสลิมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขช้านาน จริงอยู่ที่ความคิดแบ่งแยกดินแดนมันยังคงมี แต่ความเป็นจริงก็คือมันมีเพียงความคิด ไม่ได้มีศักยภาพอันใดเลย คำถามต่อมาคือทำไมขบวนการจึงมีระเบิดใช้ไม่หมด? เอากระสุนมาจากไหน? เหตุการณ์ปล้นค่ายทหารที่นราธิวาส มีทหารตาย ๔ นาย ปล้นปืนไปหลายร้อยกระบอก และตามข่าวบอกว่าไม่มีทหารใดเลยอยู่ในค่าย ทำไมทหารจึงทิ้งค่าย? ผมจนปัญญาจะหาคำตอบ มีแต่คำถามสงสัยเต็มไปหมด และทำไมการแบ่งแยกดินแดนจึงไม่มีการประกาศรับผิดชอบของผู้ก่อการ เพื่อความชอบธรรมในการปกครองหากแบ่งแยกได้สำเร็จ? ทำไมไม่มีแถลงการณ์บอกอุดมการณ์ถึงเหตุแห่งการก่อการและจะทำอย่างไรภายหลังจากนั้น? ผมมีเพียงความรู้สึกเศร้าและเสียใจ มันมีคนตายทุกวัน อย่าไปพูดถึงเศรษฐกิจของที่นั่นเลย มันวินาศสันตะโรเสียจนไม่รู้ว่าอีกกี่ปีจึงจะฟื้น การเหยียดเชื้อชาติศาสนาที่มีอยู่ระหว่างพุทธกับมุสลิมมันมีอยู่จริง แต่มันถูกกลบหายไปตามกาลเวลา และรอเพียงวันไม่นานเลยที่จะสมานแผลลึกนั้นให้แนบสนิท แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันกลับไปรื้อฟื้นทัศนะต่อกันนี้เข้าอย่างรุนแรง เราอาจไม่รู้ตัวว่าเรากำลังเหยียด แต่มันสำแดงชัดเจนออกมาเมื่อเราได้ข่าวความวุ่นวายของดินแดนแถบนั้น เสียงก่นด่าให้ร้ายเสียงสาปแช่ง การแสดงความคิดอย่างรุนแรงในลักษณะเหมารวมมุสลิม เรากำลังขยายความชิงชังต่อกันให้ถ่างวงออกไป จะรู้ตัวหรือไม่ก็ตามที แต่มันเกิดขึ้นแล้วจริง และจริงอยู่ ที่มุสลิมเองก็เหยียดหยามพุทธ เพราะประวัติศาสตร์เพียงไม่กี่ร้อยปี มันไม่ใช่จะยาวนานจนไม่สามารถถ่ายทอดกันได้ ดูจากการที่เราเรียนประวัติศาสตร์แล้วยังรู้สึกเกลียดชังพม่า หรือกรณีชาวกัมพูชาเผาสถานทูตไทย
ชายแดนใต้ก็เช่นกัน เขายังฝังจำเรื่องราวของกองทัพสยามที่รุกรานย่ำยีจนวายวอด ต้อนครัวมุสลิมจนกระจัดกระจายไปเป็นทาสเป็นไพร่ เพียงแต่ที่ผ่านมามันถูกกลบหายไป ผมเสียดายที่การกลบหายนั้นชะงักงัน ซ้ำมันยังยิ่งเร่งเร้าความเกลียดชังนั้นให้ลุกฮือขึ้นมาอีก น่าเสียดาย
ตอนมัธยมต้น สอนวิชาภาษาไทยที่โรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์ ชื่อครูสุเพ็ญญา ชวดุรงค์ เป็นครูที่สนิทกับเด็กมาก ปากร้ายใจดีหยิกเจ็บ แต่ดูแลนักเรียนเหมือนลูก อีกคนที่โรงเรียนมหาวชิราวุธ สงขลา ชื่ออาจารย์หม่อมหลวงปาณฑิต จำนามสกุลท่านไม่ได้ ผมเป็นเด็กโปรแกรมพลานามัย วันๆอยู่แต่ในสนามกีฬา ผนวกกับการไม่อยากเรียนหนังสือ การเรียนของผมมันเลยยิ่งแย่ เย็นหนึ่งอาจารย์บอกให้ผมอย่าเพิ่งกลับบ้าน ให้ไปพบท่านที่ห้องเรียน เมื่อไปถึงก็พบเพื่อนนักเรียนที่เรียนอ่อนนั่งอยู่สิบกว่าคน แล้วอาจารย์ก็สอนพิเศษให้เดี๋ยวนั้น ทุกวันจนกว่าพวกเราจะเข้าใจบทเรียน เป็นการสอนพิเศษที่ไม่คิดเงินแต่อย่างใด อาจารย์บอกผมว่าเพราะอาจารย์สอนไม่ดีเองเด็กจึงไม่เข้าใจ หน้าที่ของครูคือทำอย่างไรก็ได้ให้เด็กเข้าใจบทเรียน ถ้าทำไม่ได้นั่นหมายความถึงความผิดความบกพร่องของคนเป็นครู หันมามองปัจจุบันผมพบว่าเรามีครูที่รับจ้างสอนเยอะเกินไป เราขาดแคลนครูที่มีจิตวิญญาณครูอย่างมาก ครูสอนกั๊กในห้องเรียน เพื่อให้เด็กเสียเงินไปเรียนพิเศษกับครู มันเกิดอะไรขึ้น? เด็กของเราต้องเรียนพิเศษต้องติวกันทุกระดับชั้น กระทั่งอนุบาลขึ้นชั้น ป.๑ ก็ยังต้องสอบแข่งขัน นั่นหมายความว่าเด็กอนุบาลก็ต้องไปติว เรามีสถาบันกวดวิชามากมายเหลือเกิน จนผมสงสัยว่าทำไมเราไม่ยุบโรงเรียนทิ้งซะ แล้วให้เด็กไปเรียนที่สถาบันกวดวิชาอย่างจริงจัง ไม่ก็ไปติดต่อติวเตอร์ขอเช่าลิขสิทธิ์วีดีโอให้เด็กเรียนที่บ้านแทน เพราะข้อเท็จจริงมันบอกเราว่า เด็กที่เรียนทางวีดีโอกับติวเตอร์จะมีความสามารถในการสอบแข่งขันมากกว่า ถ้าเราใช้มาตรของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นตัวตัดสิน
ผมพยายามนึกหาสาเหตุแห่งความล้มเหลวนี้ แน่ล่ะที่มันต้องว่ากันไปถึงระดับกระทรวงศึกษาธิการ ที่มุ่งเน้นป้อนความรู้เป็นแท่งให้เด็ก เพื่อเด็กจะได้จบมาทำงานได้เลยราวกับบะหมี่สำเร็จรูปเพียงลวกน้ำร้อน ๓ นาที การเรียนการสอนของเรามุ่งเน้นแต่ให้เด็กฉลาดในวิชาชีพตน แล้วละเลยหลงลืมกฎแห่งการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ ผมไม่แปลกใจที่อาชีพแพทย์,วิศวกรจะเป็นอาชีพในฝันของเด็ก เพราะมันพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นแล้วว่าเป็นอาชีพที่สร้างรายได้งดงามอย่างยิ่ง ไม่แปลกที่เด็กผู้ชายอยากเป็นนายตำรวจนายทหาร เพราะพิสูจน์แล้วว่าประเทศนี้อำนาจยังคงอยู่ที่กระบอกปืน ไม่แปลกที่เด็กผู้หญิงอยากเป็นดารานางแบบ เพราะพิสูจน์แล้วว่าเป็นอาชีพที่ได้รับการชื่นชมจากสังคม แต่แปลกที่ไม่ค่อยได้ยินเด็กบอกว่าอยากเป็นครู จุดนี้ทำให้ผมสงสัยต่อมาว่าเพราะเหตุนี้ใช่หรือไม่ เราจึงมีครูที่ไม่ได้อยากเป็นครูเต็มไปหมด คณะที่เด็กๆต้องการมันหมายถึงการแย่งชิง พวกที่ติวมาอย่างดีก็จะมีโอกาสมากกว่า ติวน้อยหน่อยก็ได้คณะในฝันที่รองลงมา มันจึงเกิดปรากฏการณ์เลือกครูเป็นอันดับสุดท้าย หรือสอบเข้าที่ไหนไม่ได้ก็ไปเรียนครู และเรียนไปอย่างจำเจไร้ชีวิตชีวา ครั้นจบออกมาก็มาสอนเด็กๆผู้โชคร้ายของเรา ในเมื่อแม่พิมพ์ของเด็กเป็นเช่นนี้แล้ว เด็กของเราจะมีคุณภาพและใส่ใจในเพื่อนมนุษย์ได้อย่างไร? ผมไม่แปลกใจที่เห็นเด็กฆ่าตัวตายเพียงสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ อกหัก, ถูกเพื่อนล้อ อะไรอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่บอกเราว่าเด็กของเราไม่มีความสามารถในการมีชีวิตอยู่ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่เป็น และขาดความอดทน ข่าวเด็กหนุ่มอายุ ๑๐ กว่าขวบ ข่มขืนแล้วฆ่าเด็กหญิงรุ่นใกล้เคียงกัน เพียงเพราะตามจีบเธอไม่ได้ ย่อมสะท้อนภาวะสิ้นหวังของสังคมปัจจุบันได้ดี และเด็กรุ่นนี้แหละที่ต่อไปจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ บริหารบ้านเมืองปกครองสังคมที่เราสังกัด เป็นเด็กรุ่นที่เกิดจากผลิตผลของคนรุ่นเราทั้งนั้น แน่นอนที่ครูไม่ได้เลวร้ายทุกคน แต่ข่าวครูข่มขืนเด็กนักเรียน ซื้อบริการเด็กนักเรียน ขู่บังคับแลกเกรดเอากับนักเรียน มันยังคงมีออกมาอย่างต่อเนื่องไม่จบไม่สิ้น นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเรามีครูที่ไร้สิ้นจิตวิญญาณครู แล้วมันจะคืออะไร? และเพราะเหตุใดเด็กจึงไม่อยากเรียนในคณะที่จบมาเป็นครู? ผมพูดเสมอว่าหากต้องการให้ประเทศชาติเราเจริญและมีสติ เราควรยุบกระทรวงศึกษาธิการทิ้ง เพราะมันเป็นกระทรวงที่สำคัญที่สุด การสร้างชาติสร้างคนต้องอาศัยกระทรวงนี้เท่านั้น แต่เมื่อผมได้รับคำถามจากผู้จบปริญญาตรีมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ว่าหนองคายอยู่ภาคไหนของไทย ผมก็สิ้นหวังแล้วกับกระทรวงนี้ ยิ่งเมื่อผมตอบแบบประชดประชันว่าอยู่ภาคเหนือ ปริญญาตรีคนนั้นก็เชื่ออย่างจริงจัง ผมยิ่งเชื่อว่าผมคิดถูกแล้วที่ต้องยุบกระทรวงศึกษาธิการ ไม่นานมานี้ผมก็ถามเรื่องสมองคนเรามีกี่ส่วน แต่ละส่วนทำหน้าที่อะไรบ้าง เด็กหนุ่มมัธยม ๖ คนหนึ่งก็ตอบได้อย่างละเอียดลออ พร้อมอธิบายจนเข้าใจได้อย่างดี ครั้นผมถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่ชายแดนใต้ เขามีสีหน้ามึนงง ถามผมกลับว่าอะไร? ทำไม? ก่อนจะบอกผมว่าไม่ใช่เรื่องของเขา ปัจจุบันเด็กหนุ่มคนนี้กำลังเรียนคณะแพทย์
การเขียนหนังสือของผมเป็นไปอย่างเสรี ผมเขียนเพียงเพราะอยากพูดกับผู้คนในเรื่องแต่ละเรื่องในพื้นที่และเวลาหนึ่ง ไม่มุ่งหวังว่ามันจะทำรางวัลหรือได้รับเสียงเยินยอ เขียนเพราะอยากเขียนเท่านั้น
ต้องอ่านครับ อ่านอย่างจริงจังอย่างหนักหน่วง เท่านั้น ไม่เคยมีนักเขียนในโลกนี้คนใดที่จะไม่เป็นนักอ่านมาก่อน
หากพูดอะไรออกไปแล้วไม่ควร ผมกราบขออภัยมา ณ ที่นี่ครับ
..........................
เป็นบทสัมภาษณ์จากโรงเรียนแห่งนั้น และได้ตอบไปตามที่ผมคิดผมเชื่อผมรุ้สึก อาจอ่านไม่รุถ้เรื่อง เพราะคำถามสัมภาษณ์นั้นมาทางจดหมาย และผมขี้เกียจพิมพ์ซ้ำลงในคอมฯ เมื่อโพสต์ลงเวบก็เอาหัวข้อออกซะ ซึ่งน่าจะง่ายในการเข้าใจมากกว่าครับ
Relate topics
- บทสัมภาษณ์จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของมาเลเซีย
- บทวิจาร์ณโลกในดวงตาข้าพเจ้า โดย สุภาพ พิมพ์ชน
- บทสัมภาษณ์ต่อปัญหาภาคใต้
- มี ก อ ง วั ส ดุ บ น ไ ห ล่ ท า ง
- การสร้างสรรค์วรรณกรรมในภาวะวิกฤติสังคมไทย: บทวิเคราะห์กรณีศึกษาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมในอังกฤษ,บ้านทรายทองและปีศาจ
- สุดดิน เพลงปลุกใจที่ยังอยู่ในความทรงจำ
- บทสัมภาษณ์ใน ศิลปวัฒนธรรม
- บทวิจาร์โลกในดวงตาข้าพเจ้า โดย ภาคย์ จินตนมัย
- บทสัมภาษณ์ใน the nation.
- บทสัมภาษณ์ในสกุลไทย