บทวิจาร์ณโลกในดวงตาข้าพเจ้า โดย สุภาพ พิมพ์ชน

by หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก @3 มี.ค.52 0.07 ( IP : 118...249 ) | Tags : บทสัมภาษณ์

มหากาพย์บะหมี่เป็ด สีสันในหนังสือ / 'สุภาพ พิมพ์ชน'


[โลกในดวงตาข้าพเจ้า / มนตรี  ศรียงค์ / สำนักพิมพ์สามัญชน, พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2550]

หาก เปรียบเทียบกับหนังสือกวีนิพนธ์รางวัลซีไรต์ที่ผ่านมา "โลกในดวงตาข้าพเจ้า" ของ มนตรี  ศรียงค์ มีจินตภาพเชิงกวีขยับออกจากแบบฉบับอันคุ้นเคยพอสมควร  โดยอาศัยท่าทีประชดประชัน (Irony) เป็นเครื่องมือ

เริ่มเห็นได้จากภาพลักษณ์ในตัวตนของกวี  จากเดิมจะมีอัตลักษณ์อยู่ 3 แบบ  คือ  กวีในฐานะนายช่างผู้เชี่ยวชาญในศิลปะการประพันธ์  กวีในฐานะนักอุดมการณ์ผู้มีความคิดฝันที่ดีงามต่อสังคม  และกวีในฐานะศิลปินผู้อ่อนไหวหรือสร้างสรรค์จินตภาพอันแปลกใหม่  ซึ่งตัวตนเหล่านี้จะผสมหรือเน้นหนักต่างกัน

"เพียงความเคลื่อนไหว" ของ เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์ (ได้รางวัลปี 2523) "ในเวลา" ของ แรคำ  ประโดยคำ (ปี 2541)  และ "บ้านเก่า" ของ โชคชัย  บัณฑิต (ปี 2544)  มีน้ำหนักออกไปทางผู้ชำนาญการในการใช้ภาษาเชิงวรรณศิลป์

"นาฏกรรมบนลานกว้าง" ของ คนทวน  คันธนู (ปี 2526) และ "ใบไม้ที่หายไป" ของ จิระนันท์  พิตรปรีชา (ปี 2532)  มีอารมณ์สะเทือนใจที่ได้มาจากการสะท้อนชีวิตและอุดมคติต่อสังคม

"ปณิธานกวี" ของ อังคาร  กัลยาณพงศ์ (ปี 2529) และ "มือนั้นสีขาว" ของ ศักดิ์สิริ  มีสมสืบ (ปี 2535)  มีลักษณะการทำงานแบบศิลปินที่สร้างสรรค์จินตภาพใหม่อันไม่คุ้นตา  ส่วน "ม้าก้านกล้วย" ของ ไพวรินทร์  ขาวงาม (ปี 2538) และ "แม่น้ำรำลึก" ของ เรวัตร์  พันธุ์พิพัฒน์ (ปี 2547)  มีอารมณ์แบบศิลปินช่างอ่อนไหวท่วมท้นไปด้วยความรู้สึก

อัตลักษณ์ของกวีใน "โลกในดวงตาข้าพเจ้า" ไม่ได้มีบุคลิกของนายช่างทางภาษา  นักอุดมคติ  หรือศิลปิน  แต่กลับเชิดชูความเป็นสามัญชนคนขายหมี่เป็ดแทน  นั่นไม่ได้เป็นแค่ภาพลักษณ์  และเป็นเนื้อหาในการนำเสนอความจริงของบทกวีด้วย

มนตรี  ศรียงค์ เป็นกวีที่เริ่มทำงานจริงจังหลังเหตุการณ์ "พฤษภาทมิฬ" ปี 2535  แม้จะอ้างว่าได้แรงขับจากการเมืองตามอย่างกวีรุ่นพี่ที่ได้อิทธิพลทางความ คิดจากเหตุการณ์ "14 ตุลา" ปี 2516  แต่กวีและนักเขียนรุ่นนี้ก็มีท่าทีปฏิเสธรูปแบบของงานเขียนช่วงก่อนหน้านี้ ด้วย  แล้วหันไปทดลองหารูปแบบการแสดงออกเฉพาะตัวอันหลากหลาย

จากลีลากลอนอันโดดเด่นซึ่งนำมารวมอยู่ในเล่ม "ดอกฝันฤดูฝนที่แสนธรรมดา" (ปี 2541)  กระแสการแสดงอัตลักษณ์เฉพาะตนของกวีและนักเขียนในช่วงต้นทศวรรษ 2540  ชวนให้ มนตรี  ศรียงค์ มีความมั่นใจมากขึ้นในการละจากแบบอย่างอันไกลตัว  แล้วหันมาเขียนเรื่องใกล้ตัวด้วยความรู้สึกอันแท้จริง  ตอนนั้นนอกจาก "กวีข้าวหน้าเป็ด" ซึ่งเป็นจุดขายของ ไม้หนึ่ง  ก.กุนที แล้ว  "กวีหมี่เป็ด" ก็กลายเป็นฉายาที่ใช้เรียกขาน มนตรี  ศรียงค์ ด้วย  ภาพลักษณ์เช่นนี้ด้านหนึ่งเป็นการประชดประชันสถานะอันสูงส่งของกวีที่ขานรับ ต่อกันมาจนกลายเป็นการแสร้งทำ  และด้านหนึ่งก็เป็นแนวทางในการสร้างสรรค์เนื้อหาโดยใช้ความเป็นจริงจากชีวิต ประจำวันรายรอบตัว  แทนการคาดคะเนความจริงเชิงตรรกะที่ยอมรับตามกันมา

จะเห็นว่าเรื่องราวที่นำมาเขียนใน "โลกในดวงตาข้าพเจ้า" ล้วนแต่เป็นชีวิตที่เคลื่อนไหวอยู่ในชุมชนหนึ่ง  นั่นคือบนถนนละม้ายสงเคราะห์  อย่างซิ้มชราที่อยู่ในบ้านไม้ชำรุดริมถนน  ช่างเสริมสวย  เด็กสาวอายุสิบสี่  คนเดินถนน  ชายขี้เมา  พ่อค้าของเด็กเล่นที่แต่งตัวเป็นคาวบอย  ประตูกระจกติดฟิล์มดำ  คลินิกตรวจภายใน  ร้านข้าวมันไก่  และในร้านหมี่เป็ดเอง หรือจะเป็นความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัว  อย่างเพื่อนเก่าที่เคยร่วมเรียนด้วยกันมา  กับความเป็นไปในปัจจุบันของแต่ละคน  ภาพประทับของคนรักเก่า  และความรู้สึกอันลึกซึ้งกับคนในครอบครัว

บทกวีที่เขียนระลึกถึงผู้จากลา  มนตรี  ศรียงค์ ก็ทำได้ลุ่มลึกไม่น้อย  เช่นเดียวกับการประชดประชันชีวิตร่วมสมัย  อย่าง  ความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน  ความสัมพันธ์ผ่านโปรแกรมแชทหรือโปรแกรมวิดีโอแชทในอินเตอร์เน็ต  การถ่ายคลิปวิดีโอ  และความสัมพันธ์ระหว่าง "ป๋า" กับ "หนู" ที่อุปถัมภ์ทุนการศึกษากันเป็นการส่วนตัว  เขาก็มีลีลาเสียดสีแดกดันด้วยฝีปากจัดจ้านไม่แพ้ใคร

เรื่องเล็กๆ เหล่านี้ล้วนมีนัยยะถึงเรื่องที่ใหญ่กว่านั้น  อย่าง  ความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย  ความสัมพันธ์ในสังคมสมัยใหม่ที่ต่างแปลกแยกจากกัน  บทกวีอย่าง "ร้านข้าวมันไก่ทั้งห้า" สะท้อนวิถีการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม  ซึ่งถนนสายหนึ่งมีร้านขายข้าวมันไก่เปิดใกล้กันถึง 5 ร้าน  เมื่อเกินความต้องการย่อมต้องย่ำแย่ไปด้วยกัน  และมิตรภาพระหว่างคนต่างร้านก็แตกร้าวไปด้วย

หรือบทกวีอย่าง "เงาสะท้อนบนประตูกระจก" และ "การตรวจภายในของข้าพเจ้า" ก็สะท้อนโลกภายในให้ตรวจสอบจิตใจของตัวเองกันตามสภาพ

แม้จะเป็นเพียงภาพชีวิตสามัญ  แต่เมื่อนำมาเขียนถึงสิ่งสูงค่าในลักษณะเล่นล้อกับความเป็นจริงเช่นนี้ก็ สร้างอารมณ์สะเทือนใจได้เหมือนกัน  จะเห็นชัดขึ้นหากลองเปรียบเทียบกับบทกวีของ อังคาร  กัลยาณพงศ์  ซึ่งใช้วิธีสร้างภาพพจน์ด้วยจินตนาการอันบรรเจิดเพริดแพร้วอลังการ  อย่างบท "ปณิธานกวี"  อังคารเขียนไว้ว่า  "จะไม่ไปแม้แต่พระนิรพาน"  เพื่อ  "จะวนว่ายวัฏฏะสังสารหลากหลาย / แปลค่าแท้ดาราจักรมากมาย / ไว้เป็นบทกวีแด่จักรวาลฯ"  มนตรีก็เขียนถึง "นิพพาน" ไว้ในบท "นิพพานในร้านหมี่เป็ดศิริวัฒน์"  เขาบรรยายความเหนื่อยยากในการทำหมี่เหลือง  ซึ่งเรียกร้องการมีสติจน "กลายเป็นการงานอันแสนสุข / ตื่นปลุกเบิกบานในหน้าที่ / วันเป็นวันเดือนเป็นเดือนปีเป็นปี / คนขายหมี่จะไปนิพพานแล้ว!" (หน้า 63)

และในชีวิตสามัญนั่นเอง  กวีได้เฝ้าสังเกตสภาวะในการดำรงอยู่แล้วพรรณนาออกมาในลักษณะบทกวีสารภาพ (Confessional Poetry)  ซึ่งเปิดเผยรายละเอียดของความรู้สึกและพฤติกรรมตามความเป็นจริงแม้ในด้านที่ ไม่น่ามอง  และภาพที่เห็นก็คืออาการทุรนทุรายจากความแปลกแยกระหว่างสิ่งที่เป็นอยู่กับ สิ่งที่อยากเป็น  อันเป็นสภาพทั่วไปของคนในสังคมสมัยใหม่ที่ไม่มีทางเลือกมากนัก  และทางออกของคนส่วนมากก็คือหันไปหาสิ่งล่อลวงหลอกตนชั่วครั้งชั่วคราว  แต่ก็มักจะเป็นการซ้ำเติมโบยตีตัวเองให้เสื่อมทรุดมากขึ้นไปอีก

ชะตากรรมของคนธรรมดาที่จมหายไปในทะเลชีวิตระหว่างพยายามว่ายผ่านไปสู่เส้น ขอบฟ้านั้น  เป็นนาฏกรรมที่มีลีลาของมหากาพย์โดยแท้  แม้ตัวเอกจะไม่ใช่วีรบุรุษ  หรือฉากจะเป็นแค่ชุมชนขอบเขตจำกัด  แต่การต่อสู้กับชีวิตอย่างหนักหน่วงโดยมีปลายทางเหมือนกันคือการมอดไหม้หาย ไปในวันหนึ่ง  นั่นเป็นวีรกรรมที่สง่างามยิ่งใหญ่นักแล้ว

กวีโบราณจำลองความรู้สึกนี้ไว้ในรูปของมหากาพย์อันสูงส่ง  แต่กวีปัจจุบันนำชีวิตธรรมดามาเขียนไว้ตามตรงเลยทีเดียว.

Comment #1
Posted @12 มี.ค.52 15.23 ip : 202...155

แวะมาอ่านแล้ว

Comment #2
Sweet Sacrifice... ^ (Not Member)
Posted @17 มี.ค.52 20.47 ip : 118...101

อื่อ...ชักเริ่มมีความรู้สึก อยากอ่านหนังสือซะแล้วสิคะ เพราหนังสือที่กล่าวถึง ชอบอยู่หลายเล่ม
และที่ยังไม่ได้อ่านก็อีกแยะ ว่าแล้วก็....ขอบคุณค่ะ

Comment #3
Posted @17 ก.ย.52 1.47 ip : 202...171

อ่านแล้วนะคะ หลายรอบแล้วแล้วด้วย

ชอบการใช้คำนะคะ ทันสมัยดี เห็นภาพชัดเจน สื่อความหมายได้ดีมากด้วยค่ะ

ถ้าอ่านผ่าน ๆ อาจรู้สึกว่าก็ไม่มีอะไร  แต่ถ้าจินตภาพตามมันคุ้มค่าที่เปิดอ่านจริง ๆ ค่ะ

^___^

Comment #4
Posted @17 ธ.ค.53 12.14 ip : 124...199

ชอบโลกในดวงตาข้าพเจ้ามาก อ่านหลายรอบแล้ว

มีทั้งปลง มีทั้งเศร้า ทั้งเข้าใจ ทั้งยิงมุก ชอบมากครับ

:d

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 51 user(s)

User count is 2429800 person(s) and 10181992 hit(s) since 18 พ.ย. 2567 , Total 550 member(s).