นักเรียนนักศึกษาไม่ควรยุงเรื่องการเมือง?

by หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก @5 ก.ย.51 17.46 ( IP : 118...189 ) | Tags : เรื่องสั้น-ความเรียง

ไม่กี่วันมานี้ รมว.ศึกษาธิการ  สมชาย วงศ์สวัสดิ์  ได้กล่าวประโยคนี้ออกมา  สำหรับผมแล้วมันเป็นวาทกรรมที่ได้ยินมาแต่เด็ก ทั้งครูบาอาจารย์พ่อแม่ผู้ใหญ่  ต่างกรอกหูผมทุกเช้าเย็น อีกทั้งบรรยากาศสังคมสมัยนั้นมันกำลังขุ่นมัว อึมครึมงึมงำอย่างยิ่ง แบ่งฝ่ายเป็นซ้ายเป็นขวาชัดเจน ขณะที่เสียงปืนของกองทัพปลดแอกลั่นเปรี้ยงอยู่บนภูเขา ที่ห่างจากหาดใหญ่เพียง 10 กว่ากิโล  ในเมืองก็ครื้นครึกด้วยเธคดิสโก้ นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาสนุกสนานกับความบันเทิง โดยเฉพาะจากหญิงสาวที่เป็นสินค้าขึ้นชื่อของหาดใหญ่

ภูมิปัญญาต่างๆถูกกวาดล้าง หนังสือฝ่ายก้าวหน้าทั้งซ้ายและไม่ซ้ายถูกเก็บจากแผงจนเกลี้ยง หนังสือพิมพ์เสนอข่าวการเมืองแบบขอไปที นิตยสาร,พ็อกเก็ตบุ๊กก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องราวที่ไม่เกี่ยวอันใดเลยกับการเมือง ผมถูกบ่มเพาะมาด้วยเพลงปลุกใจให้รักชาติ เพลงลูกทุ่งที่สนับสนุนแนวคิดขวาจัด ความใฝ่ฝันอยากเป็นทหารก็มาจากเพลงลูกทุ่งนี่เอง

ชีวิตที่เติบโตห่างเหินจากการเมือง รู้สึกตัวว่าตนเป็นเด็กตลอดเวลา และการเมืองเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ชาติบ้านเมืองเป็นเรื่องที่ไกลเกินจะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ผ่านมาเป็น20-30ปี ผมจึงเพิ่งตั้งคำถามว่าทำไม?

อาจารย์เหลือ ที่โรงเรียนมหาวชิราวุธ สงขลา  น่าจะเป็นคนแรกที่ให้เด็กอ่านหนังสือพิมพ์การเมืองรายสัปดาห์ แกสอนประชาธิปไตยในวิชาสังคมให้อย่างอ้อมๆ และเล่าเรื่องราว 14 ตุลา 16 ที่เราไม่เคยรู้เรื่องอันใดมาก่อนเลยให้ฟัง ผมเรียนโปรแกรมพละ นอกจากวิชาที่ต้องอยู่กลางสนามเป็นส่วนใหญ่แล้ว จิตใจเด็กพละก็รุนแรงสมวัย โลดโผนและเมามายอยู่กับทุกสิ่งที่เป็นอบายมุข จนกระทั่งเข้าเรียนรามคำแหง

เดินผ่านพรรคการเมืองของนักษา ก็จะได้ยินเสียงเพลงวงคาราวานดังอยู่ทุกที่ทำการพรรค เพลงถั่งโถมโหมแรงไฟทำให้ต้องหยุดยืนฟังอย่างสงสัย ว่ามันหมายถึงอะไร เพลงข้าวคอยฝนของคาราวานในประโยคคลาสสิกที่ว่า ทุนนิยมจักถูกทำลาย นั้นมันเป็นอย่างไร นี่เป็นจุดเริ่มต้นให้ผมสนใจการเมืองตลอดมา

หวนคิดถึงประวัติศาสต์ยุคใกล้ พยายามวิเคราะห์ออกมาว่าทำไมนักการเมือง,ผู้ใหญ่,ครูบาอาจารย์ทั้งหลายจึงพยายามให้เราอย่าเข้าไปข้องเกี่ยวกับการเมือง เด็กหนุ่มสาวอายุประมาณ20ปีไม่มีความคิดเลยหรือ? คิดเองไม่เป็นหรือ? ไม่รับรู้และรู้สึกถึงภาวะปั่นป่วนของสังคมเลยหรือ? การเมืองไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเด็กหนุ่มสาวเลยหรือ?

คำตอบที่ได้ก็น่าตกใจยิ่งกว่า มันเริ่มมาจากหลัง 2475 ที่รัฐบาลทุกรัฐบาลยังล้มลุกคลุกคลาน สร้างสังคมประชาธิปไตยกันอย่างไม่เข้าใจในเนื้อหา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองได้ถูกจัดตั้งขึ้น ความคิดตะวันตกโหมเข้าสังคมไทยอย่างรุนแรงเชี่ยวกราก เกิดกระบวนการคิดของเด็กหนุ่มสาวขึ้นมาในสถาบัน และมีการเรียกร้องเอาจากรัฐบาลในหลายๆเรื่อง

จนกระทั่งเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 เด้กหนุ่มสาวได้สำแดงพลังอันยิ่งใหญ่ออกมา โค่นล้มรัฐบาลเผด็จการทหารจอมพลถนอม กิตติขจร ได้สำเร็จ สังคมเข้าสู่ช่วงฮันนี่มูนอยู่ 3 ปีเต็มจึงเกิดกรณีล้อมฆ่านักศึกษาในธรรมศาสตร์เมื่อ 6 ตุลา 19

ทั้ง 2 ตุลาได้ก่อความวิตกกังวลแก่ผู้ปกครอง การตรวจสอบของนักศึกษาเข้มข้นจนนักการเมืองไม่สามารถกระทำการอุกอาจใดใดได้โดยง่าย และได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเพียงสองมือเปล่าของเด็กหนุ่มสาวนี่แหละ ที่สามารถโค่นล้มถอนรากถอนโคนผู้ปกครองได้อย่างไม่ยากเย็น เป็นอีกพลังหนึ่งที่มีศักยภาพเพียงพอเท่าๆกับกองทัพ

เกิดความเกรงกลัวในหมู่ผู้ปกครองนักการเมือง ผมจำไม่ได้ว่าใครเป็นคนเสนอแนวคิดเด็กไม่ควรยุ่งการเมือง อาจเป็น จอมพล.ป. หรือไม่ก็ จอมพล.ส.  และตอกย้ำอย่างรุนแรงในสมัยจอมพลถนอม

กระแสคอมมิวนิสม์ขยายใหญ่ไปทั่วโลก พ่อแม่เด็กที่โดนไซโคเรื่องการเมืองกับเด็กเกิดความเกรงกลัว ว่าหากลูกหลานตนยุ่งการเมืองต้องเป็นคอมมิวนิสม์แน่ อีกทั้งการล้อมฆ่าเมื่อ 6 ตุลา 19 ทำให้เกิดความหวาดหวั่นยิ่งขึ้น การเดินทางไกลหนีเข้าป่าเขาของหนุ่มสาวทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองหวั่นเกรงยิ่งขึ้น และรัฐได้ทำทุกวิถีทางในการมอมเมาหนุ่มสาวให้หลงอยู่กับอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การเมือง

ผลจากครั้งนั้นส่งต่อมาอีก20-30ปี พลังหนุ่มสาวง่อยเปลี้ยเสียขามานับ2-3ทศวรรษ สังคมอ่อนแอยิ่งขึ้นทุกขณะ การลอยตัวเหนือปัญหาสังคมกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของคนรุ่นใหม่ ปรากฏการณ์นักการเมืองขี้โกงจึงยิ่งหนักหน่วง หนักหน่วงยิ่งขึ้นเมื่อเชื่อแน่ว่าพลังสังคมไม่สามารถต่อต้านนักการเมืองได้ อำนาจถ่วงดุลของสังคมถูกปลิดทิ้ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬปี 35 การนำการเคลื่อนไหวคัดค้านต่อต้านรัฐบาลพลเอกสุจินดา จึงเป็นเรื่องของคนวัยกลางคนที่เคยผ่านเดือนตุลามาแล้ว

หลังพฤษภาทมิฬนั้น ผมเคยคิดเล่นๆว่าถ้าคนเดือนตุลาตายไปหมดจากสังคม เราจะยังเหลืออะไรเป็นอำนาจถ่วงดุลต่อนักการเมืองได้อีก ในเมื่อปรากฏชัดว่านักการเมืองของเราล้วนแล้วแต่กเฬวรากทั้งสิ้น

การชุมนุมของพันธมิตรฯ ก็คือปรากฏการณ์การนำของคนเดือนตุลา ฝั่งรัฐบาลเองก็มีแกนนำเป็นคนเดือนตุลา มีหน่ออ่อนแทงยอดขึ้นมาบ้างก็ไม่นับว่าเป็นพลังเรี่ยวแรงได้ การต่อสู้ของคน 2 กลุ่มนี้ จึงทันกันในทุกกระบวนการ ยุทธศาสตร์ยุทธวิธีล้วนแล้วแต่ได้รับการบ่มเพาะมาจากหนังสือเล่มเดียวกันเมื่อสมัยอยู่ในเขตป่าเขา

วาทะของสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กำลังบอกอะไรเรา?

ผมคิดว่านี่คือการยอมพ่ายแพ้อย่างหมดหนทางต่อสู้ของรัฐบาลแล้ว แม้หนุ่มสาวรุ่นใหม่นี้จะยังคงอ่อนแรงในเรื่องวิธีคิด เรื่องการวิเคราะห์การเมือง เรื่องการจัดตั้งขบวนการ แต่ก็ส่งสัญญาณว่ากะลาที่ทุกรัฐบาลเคยครอบเอาไว้ บัดนี้มันได้ถูกเปิดออกโดยแรงอัดดันที่กดทับมานับ2-3ทศวรรษ

ผมเพียงภาวนาว่าขอให้หนุ่มสาวเหล่านี้เติบโตทางการคิดต่อการเมือง รู้จักวิเคราะห์การเมืองได้ด้วยตนเอง ผมหวังว่าพวกเขาคงจะเป็นหน่ออ่อนประชาธิปไตยที่รอวันเติบโต เติบโตขึ้นมาเพื่อยืนต้นในวันข้างหน้า

และปรารถนาจะมีชีวิตอยู่จนถึงวันที่เห็นพวกเขาเป็นไม้ยืนต้นแข็งแรง

Comment #1
Posted @5 ก.ย.51 20.38 ip : 202...155

ไม่ให้ยุ่งการเมืองแล้วจะให้เด็กมันไปยุ่งกะการมุ้ง  หรืออย่างไร

ถ้าวันนี้ไม่หัดคิด วันข้างหน้าก็อย่าหวังว่าจะได้คิด
เมื่อไม่ทันคิด ในที่สุดก็กลายเป็นสิ้นคิด.....

ท่านนักเรียน นิสิต นักศึกษาทั้งหลาย  ตื่น...ตื่น...ภาระหน้าที่ของท่าน มารออยู่หน้าประตูบ้านแล้ว  ส่วนลุง ขอแชทกะกิ๊กก่อนเด๋วจะตามไปสมทบ....5555

Comment #2
Posted @5 ก.ย.51 22.01 ip : 118...49

ถ่ายคลิปมาให้ผมด้วยนะน้า  :p

Comment #3
Posted @6 ก.ย.51 11.31 ip : 222...197

เด็กไม่ควรยุ่งเรื่องการเมืองอย่างนั้นหรือ???

เรื่องการเมืองคือเรื่องของชาติ

เมื่อชาติจะล่มจม แล้วจะไม่มีผลกระทบต่อเด็กๆได้อย่างไร

แล้วทำไมมาพูดได้อีกว่า

"เด็กไม่ควรยุ่งเรื่องการเมือง"

Comment #4
Posted @8 ก.ย.51 2.14 ip : 202...243

เขาคงอยากให้นักศึกษาเดินตามรอยเขากระมัง รอยเท้าแห่งความ ฉิบหาย หมดเวลาแล้ว สำหรับรัฐบาล หน้าหมู

Comment #5
chusank (Not Member)
Posted @12 ก.ย.51 7.13 ip : 125...61

ถ้าไม่สอนให้นักเรียน นักศึกษาหัดคิดตั้งแต่วันนี้ ก็อย่าหวังจะมีอนาคตของชาติในวันหน้า

Comment #6
Posted @15 ก.ย.51 23.31 ip : 124...197

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้นักศึกษาเริ่มให้ความสนใจการเมืองมากขึ้น แม้จะมีคนมาวิพากษ์ วิจารณ์ ว่าเป็นแฟชั่น........ แล้วจะไม่ให้เขายุ่งเรื่องการเมืองได้อย่างไร

Comment #7
noob (Not Member)
Posted @15 ต.ค.51 23.38 ip : 58...62

โดยความเห็นส่วนตัวผมว่า ยุ่งได้ครับ เพียงแต่ว่าต้องอยู่ในกรอบของการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ถ้าเมื่อใดหลุดออกมานอกกรอบ เมื่อนั้นมันจะย้อนรอยไปซ้ำประวัติศาสตร์ได้ รูปการณ์ตอนนี้ก็บอกได้เลยว่าพอเกิดเรื่องขึ้นมา ก็มาร้องโอดโอยว่า ทำรุนแรงกับนักศึกษา มันเหมือนกับ " พวกใจตุ๊ด " ในเมื่อกล้าใส่ชุดนักศึกษาออกมาชุมนุม ก็ต้องกล้ารับผลที่จะตามมา นักศึกษา " หน้าที่ " คือเรียนหนังสือมิใช่ชุมนุม ถ้าจะทำให้ถูกก็ถอดชุดนักศึกษาไว้ที่บ้านแล้วมาชุมนุม เป็นการกระทำที่คล้ายกับ ตัวคุณเป็นปลาเน่าตัวนึง( นักศึกษาคนนึง ) แต่คุณทำตัวให้ปลาที่ดีกลายเป็นปลาเน่าไปทั้งฝูงได้( ทั้งมหาลัย )


เรีบกได้ว่ามันเป็นการนำเอา " บทบาทในสังคม " มาเอื้อผลประโยชน์ทางความคิดและอุดมการณ์ของตนเท่านั้นเอง


หมอเองก็เหมือนกัน ตราบใดที่คุณใส่ชุดกราวนด์ ก็ต้องพึงระลึกว่าเป็นหมอต้องทำหน้าที่รักษาผู้ป่วย เมื่อใดที่คุณสวมชุดกราวด์แต่ไม่รับรักษา เมื่อนั้นคุณก็ทิ้งจรรยาบรรณความเป็นหมอไปแล้ว ซึ่งน่าตำหนิตรงที่ว่า แยกแยะคำว่า " หน้าที่ " กับ " อุดมการณ์ " ไม่ออกซะแล้ว


ถ้าพูดแบบตรงๆ กับความคิดในใจผมก็ พวก นปก ที่ตาย ก็สมควรตาย เขาอยู่ดีๆก็ไปหาเรื่องเขา ก็ไปหาที่ตายเองนี่ พวก พันธมิตรที่ตาย ก็สมควรตาย เขาอยู่ดีๆก็ไปหาเรื่องเขา ก็ไปหาที่ตายเองนี่

ถ้าไม่มีการเคลื่อนพลไปหาเรื่องเขา และชุมนุมแบบสันติที่แท้จริง เหตุการณ์แบบที่ว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้นได้หรอก นอกจากความว่า ชุมนุมแบบสันติจอมปลอมครับ


มันอาจเป็นการแสดงความคิดเห็นที่น่าตำหนิ แต่มันเป็นความจริงที่ทั้งสองฝ่ายไม่ยอมรับว่ามันจริงงครับ เพราะมัวแต่หาเหตุผลมาเข้าข้างตน ฝ่ายนั้นเลวอย่างนู้น เลวอย่างนี้ แต่ไม่มองดูตัวเองบ้าง


สรุป ที่บ้านเมืองเป็นแบบนี้ เพราะ ทุกคนลืมคำว่า " หน้าที่ " และ " บทบาท "

Comment #8
*zENZ (Not Member)
Posted @24 ส.ค.52 14.25 ip : 122...252

เห็นด้วยกับความเห็นที่7 ใช่เลยคะเพราะทุกคนลืมคำว่า บทบาท และ หน้าที่ ที่แท้จริงของตนเองง จนทำให้สังคมเกิดความแตกแยก

การแตกแยกเริ่มจากรอยร้าวเล็กๆ และค่อยๆกระจายความเสียหาย จนในที่สุด รอยร้าวพวกนั้นก็แยกออกจากกันจนเป็นรอยร้าวใหญ่ที่ยากจะประสานต่อกันได้

จนเกิดเหตุการณ์ต่างๆมากมาย ไม่มีใครผิดใครถูกหรอกคะ

ถ้าหากว่า ยังไม่มีใครตระหนักได้ถึง สิ่งที่ตนเองควรกระทำในเวลานี้


เหตุการณ์ก็จะยิ่งทวีความรุนงแรงขึ้นเรื่อยๆ อยากให้ทุกๆคนกลับมาขบคิดสักนิดนึงว่า

ประเทศชาติกับผลประโยชน์ส่วนตนของใครก็ตาม อะไรสำคัญกว่ากันน

หวังว่ามันคงทำให้หลายๆคนได้คิดกันนะ ?

แสดงความคิดเห็น

« 3575
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 16 user(s)

User count is 2259823 person(s) and 8844955 hit(s) since 28 มี.ค. 2567 , Total 550 member(s).