บันทึกท่ามกลางน้ำมิดหัว

by หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก @9 พ.ย.53 14.13 ( IP : 118...213 ) | Tags : เรื่องสั้น-ความเรียง

ภาวะน้ำท่วมซ้ำซากของหาดใหญ่ และเสียงเตือนภัยของธรรมชาติ (บันทึกท่ามกลางน้ำมิดหัว)

เพียงเริ่มย่างเข้าฤดูฝนอย่างจริงจัง หาดใหญ่ก็รับเอาพายุดีเพรสชั่นลูกแรกเข้าไปเต็มๆเสียแล้ว หลัง

จากที่มีข่าวลือหนาหูว่าน้ำจะท่วมครั้งนี้มากมายมหาศาลกว่าปี 2543  ในใจผมวูบดิ่งลงทันที เพราะ

นั่นหมายความว่าบ้านผมจะมีน้ำท่วมสูงเกินชั้น 1 ของตัวบ้านแน่นอน อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดได้ว่า

หาดใหญ่มีแก้มลิงรองรับน้ำอยู่หลายแห่ง มีคลองระบายที่ขุดใหม่ใหญ่โตรองรับอีกคำรบ และมีการขุด

ถนนฝังท่อระบายน้ำไว้ทั่วเมือง ก็ยังพออบอุ่นใจได้อยู่ อย่างน้อยถึงท่วมจริงก็คงไม่หนักหนา

สาหัสเหมือนปี 2543 แน่ จนกระทั่งวันที่ 1 พฤศจิกายน 2553 มดดำจำนวนมหาศาลก็ขนไข่ขึ้นจาก

พื้นดินเป็นทางยาว ผมเข่าอ่อนทันที ด้วยนี่คือสัญญาณธรรมชาติที่แม่นยำที่สุด โดยไม่รอช้า ผมรีบ

จัดการขนย้ายข้าวของสำคัญจำเป็นหนีน้ำโดยด่วน


ฝนตกมาก่อนหน้านี้แล้วหลายวัน จนช่วงที่ดีเพรสชั่นคุกคามนั่นแหละ ที่เราจะได้เห็นฝนเม็ดโตๆ เท

ลงมาเป็นห่าใหญ่เหมือนใครคว่ำกะละมังเทน้ำ อากาศหนาวเยือกลึกถึงกระดูก และไม่เห็นแสงแดดอีก

เลยในช่วงนั้น  ฟ้าเปียกทั้งกลางวันกลางคืน พื้นดินที่เหยียบยืนอยู่รับรู้ได้ถึงความเย็นจัดของเปลือก

โลก ประสบการณ์ที่ผ่านน้ำท่วมใหญ่มา 2 ครั้งเมื่อ ปี 2531 และ 2543 ทำให้เชื่อแน่ว่าการขนของ

ย้ายหนีน้ำในวันนั้นไม่ใช่เรื่องตลกเลย


จะว่าไปแล้วเราได้ยินเสียงเตือนมาจากทุกที่ให้ระวังน้ำท่วมใหญ่อีกครั้ง กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศ

เตือนออกมาเป็นระลอก ดูเหมือนจะเป็นปีที่กรมอุตุฯต้องทำงานเฝ้าระวังหนักกว่าปีอื่นๆ ธงเหลืองที่

ชักขึ้นบริเวณคลองอู่ตะเภาเป็นสัญญาณจากทางเทศบาลเตือนให้ระวัง ข่าวลือที่โหมกระพือกระหน่ำ

ว่าท่วมแน่และน้ำจะเยอะ ผมรับฟังคำเตือนเหล่านี้อย่างชั่งใจ เดินกางร่มไปดูน้ำในคลองเตยหลังบ้าน

อยู่เป็นระยะ น้ำมีกระแสเชี่ยวไหล สีขุ่นโคลนเหลืองหม่นบอกว่านั่นเป็นน้ำป่า ที่น้ำผ่านหน้าดินภูเขา

ก่อนหลากเข้าเมือง ระดับน้ำค่อยๆสูงขึ้นจนน่าตกใจ ผมเตรียมอาหารแห้งเอาไว้พอจำนวนคนในบ้าน

และคิดว่าท่วมครั้งนี้น่าจะกินระยะเวลาหลายวัน อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้วิตกกังวลแม้แต่น้อยกับภาวะ

น้ำท่วม ด้วยคิดไม่ออกจริงๆว่าหาดใหญ่จะไม่ท่วมได้อย่างไรกัน


สภาพภูมิประเทศของหาดใหญ่คือที่ราบลุ่มท่ามกลางภูเขาล้อมรอบ เป็นเมืองแอ่งกระทะที่ข้างหนึ่ง

ถูกบิดให้งอลงเป็นทางระบายน้ำไปออกทะเลสาบ ภาคใต้เป็นภาคที่ฝนตกชุกตลอดปี จึงไม่ใช่เรื่อง

น่าแปลกใจที่บ้านเรือนของคนรุ่นก่อนปลูกแบบยกใต้ถุน ในระดับที่สูงจนเดินเข้าได้โดยไม่ต้องก้มตัว

หากสังเกตบ้านรุ่นนั้นให้ดี เราจะพบเรือที่ขึ้นคานจอดนิ่งสงบอยู่แทบทุกหลังคาเรือน หาดใหญ่เป็น

เมืองน้ำผ่าน เป็นพื้นที่รองรับน้ำจากทุกสารทิศเพื่อไหลลงสู่ทะเล ผมจึงอดแปลกใจไม่ได้ว่า

หาดใหญ่จะไม่ท่วมได้อย่างไรกัน? การที่ไม่ท่วมนี่สิที่น่าจะเป็นเรื่องแปลกและผิดปกติของหาดใหญ่

เราเคยชินกับความผิดปกตินี้มาโดยตลอดหรือ?

คนข้างบ้านถามว่าน้ำจะท่วมไหมในคืนวันที่ 1 นั้น  ผมกระเซ้าหยอกเอินไปว่าไม่ท่วมหรอก เพราะได้

โทรฯไปคุยกับดีเพรสชั่นแล้วว่าให้เลี้ยวซ้ายไปลงที่มาเลเซียแทน หลายคนเชื่อมั่นในระบบการ

จัดการระบายน้ำที่เรามีอยู่ หลายคนก็เห็นแย้งว่านั่นอาจจะเป็นเรื่องไม่แน่เสมอไป พร้อมทั้งชี้ให้เห็น

ข่าวน้ำท่วมที่ภาคอื่นก่อนหน้านี้ ผมบอกว่าถึงเราจะท่วม ก็จะท่วมอยู่ไม่กี่วันเพราะเราอยู่ติดทะเล น้ำมี

ทางไปของมันมีที่รองรับอยู่ไม่ไกล ไม่ต้องใช้เวลาเดินทางเข้าคลองเล็กใหญ่ให้เสียเวลา ฝนยังตก

กระหน่ำมาหนักหน่วง ลมแรงพัดกระโชกฮือเข้ารื้อป้ายต่างๆตามถนน เหลียวมองดูข้าวของในตัวบ้าน

เหลืออยู่ก็ล้วนเป็นสิ่งของที่สามารถจมน้ำได้ กับที่ไม่สามารถจะยกย้ายหนีน้ำด้วยความหนักใหญ่ของ

มัน ผมมองปั๊มน้ำที่ชะตากรรมของมันปีนี้น่าจะเอาตัวไม่รอดเหมือนปี 2543 แน่ มองมอเตอร์เครื่องทำ

เส้นบะหมี่ 2 ตัวด้วยดวงตาที่อธิบายไม่ถูก ความที่มันหนักเกินแรงจะยกไหวได้เพียงลำพัง และตัดใจ

ปลงตกไปแล้วว่าหากมันจะจมน้ำจริง ก็จะต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้น ฟ้ามีสีแดงก่ำจัด พายุกำลังจะ

มา


เรารอเวลาที่แน่ชัดแล้วว่าน้ำจะท่วม คลองเตยหลังบ้านมีน้ำปริ่มตลิ่งปูน ฝนเม็ดใหญ่หนาตกกระหน่ำ

ไม่ลืมหูลืมตา รถยนต์ที่วิ่งอลหม่านบนถนนต่างพยายามควานหาที่สูง เสียงโหวกเหวกโวยวายลั่นไป

ทั้งย่าน ต่างตะโกนบอกต่อๆกันให้ระวังหายนะที่จ่ออยู่ริมจมูกเรา ร้านค้ากลางคืนปิดประตู เพียงไม่

นานบนท้องถนนยามสามทุ่มก็มีเพียงความว่างเปล่า หากจะนับว่าเป็นเสียงอึกทึกได้บ้างก็คงเป็น

เสียงเม็ดฝนที่ตกกระแทกพื้นโลก รัวเร็วไม่เป็นจังหวะ และไม่ฟังอีร้าค่าอีรมใครทั้งสิ้น เสียงโทรศัพท์

จากญาติที่อยู่ถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 บอกว่าน้ำมาถึงถนนแล้ว กะระยะทางจากบ้านผมไปถนนสายนั้นก็

ประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าๆ จึงลงมือกันขนย้ายสิ่งสำคัญจำเป็นอย่างมอเตอร์เครื่องทำเส้นบะหมี่ 2 ตัว

ผมกับน้องชายช่วยกันทุลักทุเลอย่างเร่งรีบ น้ำเริ่มเต็มถนนหน้าบ้านตอนห้าทุ่ม เราเหงื่อท่วมตัวทั้งที่

อากาศหนาวเยือกจับใจ นั่งยองๆถอดมอเตอร์ออกจากตัวเครื่อง จนเที่ยงคืนกว่าน้ำก็บ่าไหลเข้ามา

ทางหลังบ้าน มองเครื่องปั๊มน้ำกับเครื่องบดพริกอย่างกังวล แล้วจึงช่วยกันเดินลุยน้ำที่ขึ้นมาถึงหน้า

แข้งยกเครื่องบดพริกหนักอึ้งขึ้นบนโต๊ะ มอเตอร์อยู่ส่วนล่าง ผมจัดให้มันหงายท้องชี้เพดาน เจ้ากรรม

ที่มู่เล่ (Flywheel) สายพานใหญ่เกินกว่าจะทรงตัวได้ จึงจำเป็นต้องวางนอนราบกับโต๊ะ จากนั้น

ภาวนาให้มันอยู่รอดปลอดภัย แม้ในใจเชื่อว่าปีนี้น่าจะไม่รอดเป็นแน่


น้ำเข้ามาในบ้านถึงหน้าแข้ง บ้านผมอยู่สูงจากถนนประมาณ 50 เซนติเมตร บนถนนน่าจะลึก

ประมาณระดับขาอ่อน น้ำมาเร็วมาก แม้จะทันตั้งตัวระวังอยู่ก่อนแล้วก็ตามที บ่นกับน้องชายว่าน้ำมา

ถึงระดับนี้แล้วทำไมการไฟฟ้ายังไม่ดับไฟให้ บ้านปัจจุบันนิยมวางตำแหน่งปลั๊กไฟในระดับต่ำ อย่าง

น้อยเครื่องปั๊มน้ำก็ต้องอยู่ติดกับพื้นบ้าน นี่เป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง ผมเดินไปสับคัทเอาท์สะพานไฟ

บ้านตกอยู่ในความมืดเงียบวังเวงทันที ได้ยินเพียงเสียงเราเดินลุยน้ำยกสิ่งของที่ระดับน้ำไล่ขึ้นมา

อย่างรวดเร็ว


ตีสองน้ำเต็ม ระดับน้ำเจิ่งมาถึงบันไดขึ้นชั้นสอง และนั่นเราหมดปัญญาที่จะจัดการอะไรกับมันได้อีก

แล้ว รถยนต์ของบ้านตรงข้ามที่หนีน้ำไม่ทัน ลอยตุ๊บป่องไปต่อหน้าต่อตา เราเหนื่อยหมดแรงกันแทบ

เป็นลม เพื่อนคนหนึ่งเปิดร้านขายของชำ ขนกระสอบข้าวสาร,น้ำตาล 40 กระสอบขึ้นชั้นบนได้อย่าง

มหัศจรรย์ เพราะเขาเป็นคนร่างผอมบางกร้องแกร้ง เมื่อน้ำลดก็ได้แต่นั่งมองกระสอบทั้ง 40 นั้นว่าจะ

ขนลงมาได้อย่างไร เจ้าของรถที่ลอยน้ำยกโทรทัศน์ 29 นิ้ว 2 เครื่องไปฝากบ้านตึก เพราะบ้านเขา

เป็นบ้านชั้นเดียว เมื่อน้ำแห้งสนิทเขาขอแรงให้ผมช่วยขนโทรทัศน์นั้นลงมา และงงตัวเองว่ายกไป

ได้อย่างไร อะดรีนาลีนคนหาดใหญ่หลั่งทะลักออกมาท่วมท้น ผมมองมอเตอร์ 2 ลูกนั่นอย่างไม่เชื่อ

สายตา เพราะเอวผมมีปัญหามานานนับสิบๆปี ยิ่งเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่าน เพียงยกแกลลอนน้ำดื่ม

ผิดท่า ก็ถึงกับนอนติดที่ขยับเขยื้อนไม่ได้ ปวดร้าวระบมเมื่อยล้าไปทั้งเอวและขาซ้าย โชคดีที่การฝัง

เข็มได้ผลชงัด อาการทรมานนั้นหายเป็นปลิดทิ้ง อย่างไรก็ตามผมก็ไม่กล้ายกของหนักๆอีกเลย น้ำ

ท่วมนี่แหละที่ยิ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าการฝังเข็มแบบโบราณของคนจีนนั้น เป็นศาสตร์ลึกล้ำที่การแพทย์

ปัจจุบันยังทำได้ไม่เสมอเหมือน


ฝนยังตกมาเหมือนฟ้ารั่ว กระแสน้ำ 2 เมตรบนท้องถนนดังโครมครามเชี่ยวกราก มันไหลกระทบเสา

ไฟฟ้าแล้วหมุนวนเป็นวังน้ำ เกิดเสียงสนั่นสะเทือนได้ยินชัด หลังจากอาบน้ำแบบเขม็ดแขม่ ผมจุด

เทียนเล่มใหญ่เดินขึ้นชั้น 4 เปิดประตูระเบียงออกไป ได้ยินเพียงเสียงแห่งความวังเวงน่ากลัว ลาก

เก้าอี้ออกมานั่ง แสงเทียนวับแวมวูบไหวด้วยแรงลม เงาผมทอดติดผนังห้องสั่นไหวไปมา ไม่มีเหตุผล

ใดที่จะทุกข์ใจอะไรเลย ในเมื่อผมรับฟังข่าวสารคำเตือนจากทุกหน่วยงาน รับฟังกระทั่งข่าวลือทั้ง

หลายแล้วชั่งน้ำหนักดู รับฟังเสียงธรรมชาติจากมดดำที่ขนไข่เป็นทางยาว เข้าใจดีในภูมิประเทศ

ของหาดใหญ่ เข้าใจดีในภูมิอากาศของภาคใต้ นั่นทำให้เรารับมือกับภัยธรรมชาติได้อย่างมีสติและ

ทันการ เราไม่สามารถที่จะคาดเดาธรรมชาติได้เลย เราเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่ไม่มีความหมายใด

เลยสำหรับธรรมชาติ การอยู่ร่วมกับธรรมชาติจึงไม่ใช่การพยายามเอาชนะมัน เพราะนั่นเป็นเรื่องที่โง่

ที่สุดของคนเขลาที่สุด เรามีแต่ต้องจำนนและยอมรับการกำหนดชะตากรรมจากมัน การอยู่ร่วมกับ

ธรรมชาติให้ได้จึงเป็นวิธีเดียวเท่านั้น หากเราคิดอยากจะรอดพ้นจากหายนะความพินาศอันเกิดจาก

การพยายามป้องกันตัวเองของธรรมชาติ


ผมเชื่อว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติทุกชนิดไม่ใช่การลงโทษ มันเพียงแค่พยายามรักษาสมดุลของตัวมัน

เองให้อยู่รอดปลอดภัยต่างหาก สึนามิที่เกิดขึ้นทุกครั้งในทุกที่ ผลที่ตามมาก็เป็นท้องทะเลที่ใส

สะอาดดั่งก่อนที่การท่องเที่ยวจะทำลาย ฝนที่ชะหน้าดินลงจากภูเขา ก็ก่อให้เกิดธาตุอันเหมาะแก่การ

เพาะปลูกเจริญเติบโตของพืชพันธุ์ น้ำที่ท่วมใหญ่แต่ละครั้ง ก็คือการกวาดล้างสิ่งสกปรกอันเกิดจาก

น้ำมือมนุษย์ให้ไหลลอยไป แต่การที่น้ำมาเร็วและเชี่ยวกรากยิ่งขึ้นทุกทีนี่สิ ที่ต้องเป็นปัญหาของเรา

จะค้นหาคำตอบ


การได้อยู่เงียบๆในความมืดของเมือง การที่เมืองใหญ่อึกทึกวุ่นวายสงบนิ่งสงัดโดดเดี่ยวถูกตัดขาด

จากการรับรู้กับโลกภายนอก นานมากแล้วที่ผมไม่เคยได้พบเจอสภาพเช่นนี้ ชีวิตราวกับถูกทำให้

เคลื่อนที่ช้าลง หายใจได้มากขึ้น ชีพจรเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ บางครั้งก็ส่องไฟฉายชะโงกดูระดับ

น้ำ ปีนี้น้ำเท่ากับปี 2543 เสียงโครมครามล้มลงของวัตถุหนักๆดังมาจากบ้านอื่นๆ มีแสงจากไฟฉาย

ส่องมาจากบ้านโน้นบ้านนั้น ผมส่องไฟฉายเป็นสัญญาณขานรับ แล้วก็ต่างคนกลับเข้าสู่ความเงียบ

ของตนเองอีกครั้งหนึ่ง


รุ่งเช้า เราจึงได้เห็นสายน้ำบนท้องถนนสีเหลืองขุ่นโคลน ในระดับ 2 เมตรโดยประมาณ น้ำมีสีดั่งว่า

ปนเปื้อนมาแต่โคลนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น พร้อมกับขยะจำนวนมหาศาลที่ถูกโยนมาจากบ้านแต่ละ

หลัง กลิ่นเหม็นตรลบไปทั่วจนหายใจไม่ออก ผมเดินลงไปดูข้าวของชั้นล่าง มอเตอร์ไซค์คู่ทุกข์

คู่ยากเหลือเพียงแค่กระจกข้าง 2 อันชูขอความช่วยเหลือ เครื่องบดพริกไม่รอดพ้นชะตากรรมเลวร้าย

อีกครั้ง เครื่องปั๊มน้ำนอนนิ่งตัวเย็นใต้น้ำโคลนสีขุ่น ปลั๊กไฟหลายตัวมองหาไม่เห็น ผมเดินกลับมาที่

ระเบียงชั้น 4 อีกครั้ง ยืนมองกระแสน้ำคำนวณความเชี่ยวกรากของมันว่าหากมีคนลอยผ่านจะไปเร็ว

เพียงใด ไม่นานก็มีเด็กหนุ่ม 4 คนเกาะขอนไม้มาจากไหนไม่ทราบ ไต่มาตามประตูบ้านฝั่งตรงข้าม

แต่ละหลัง ผมตะโกนถามว่าจะไปไหนกันหรือ ไม่มีเสียงตอบ ได้ยินเพียงคนท้ายสุดร้องครางออกมา

ว่าไม่ไหวแล้วๆ แล้วเขาทั้ง 4 ก็พยายามประคองขอนให้ลอยจากไป


จะว่าผมไม่ทุกข์เลยนั้นก็คงไม่ใช่ ผมเพียงอยู่ร่วมกับธรรมชาติเดิมของเมืองหาดใหญ่ให้ได้เท่านั้น

เมืองที่อย่างไรเสียก็ต้องเกิดน้ำท่วมในหน้าฝนทุกปี และเราไม่สามารถคัดคานหรือเอาชนะความเป็น

พื้นที่ราบลุ่มแอ่งกระทะของตัวเมืองได้เลย  น้ำท่วมแต่ละครั้งคือความเสียหายย่อยยับใหญ่หลวง น้ำ

ยิ่งสูงยิ่งเสียหายเยอะขึ้นตาม ผมเพียงโชคดีที่รับฟังเสียงเตือนขนย้ายข้าวของได้ทันท่วงที มอเตอร์

บดพริก,เครื่องปั๊มน้ำและปลั๊กไฟที่จม เพียงแค่ทำให้มันแห้งสนิทก็สามารถทำงานได้ดั่งเดิม ผมคิดถึง

ร้านหนังสือที่คุ้นเคย โกดังข้าวสาร,น้ำตาล ร้านขายของชำ ร้านคอมพิวเตอร์ ร้านอื่นๆที่ต่างร่วม

ชะตากรรมเดียวกัน ความเสียหายของเขาเหล่านั้นยับเยินกว่าผมไม่รู้เท่าไหร่ รอบนอกของเมืองที่น้ำ

ท่วมสูงเกือบสองเท่า บ้านไม้ชั้นเดียวที่มิดหลังคา การกินอยู่ขับถ่าย การมองสายน้ำเชี่ยวกรากด้วย

ความพรั่นพรึง บอกว่าเราไม่สามารถเอาชนะธรรมชาติได้เลยมนุษย์ !


วันน้ำลดจนเหลือเพียงเจิ่งริมถนนระดับตาตุ่ม ปลาดุกตัวใหญ่โชคร้าย 2 ตัวพยายามแถกว่ายหา

ทางออกไปสู่ลำคลองจนเกล็ดถลอก ผมใช้กะละมังเล็กช้อนตักใส่ถังลูกใหญ่ เมื่อฝนตกในอีกวันหนึ่ง

ก็รองเอามาเปลี่ยนน้ำให้มัน ปลาดุกอีกตัวโดนเด็กหนุ่ม 3 คนตะครุบไว้ได้ ป่านนี้มันคงเป็นผัดเผ็ด

หรือไม่ก็เป็นยำปลาดุกฟูไปแล้วกระมัง  ปลาดุกร่วมชะตากรรม! ผมนำมันไปปล่อยในคลองสามสิบ

เมตรที่เห็นสภาพน้ำแล้วยังอุ่นใจกว่าคลองเตยหลังบ้าน


ในวันน้ำลดลงอย่างรวดเร็วนั้น ขณะที่ผมกำลังเช็ดถูคราบโคลนออกจากพื้นผนัง ก็พบลูกงูตัวยาว

ขนาดครึ่งฝ่ามือ มันบิดตัวพยายามเลื้อยอยู่บนโต๊ะเปียกๆ ผมใช้ผ้ากวาดลงถังใบเล็กปิดฝาแล้วนำไป

ปล่อยในป่าหลังวัดโคกนาว บ้านญาติที่อยู่ไม่ไกลบอกว่างูเห่าตัวเขื่องว่ายหนีน้ำมาทางหน้าบ้าน เขา

พยายามตีน้ำให้กระเพื่อมพ้นออกไป งูเหลือมตัวมหึมาที่เข้าไปอยู่ในบ้านคนรู้จักอีกตัวหนึ่ง เต่าที่พลิก

คว่ำพลิกหงายมาตามน้ำเชี่ยวจนไปนอนสงบนิ่งอยู่ในบ้านตรงข้าม  นี่คืออีกสัญญาณเตือนชาว

หาดใหญ่ให้ได้รับรู้และขนลุกพอง


ป่าถูกทำลายมาอย่างต่อเนื่อง ผาดำแถวคลองหอยโข่งที่มีการต่อสู้ของกลุ่มชาวบ้านเล็กๆกับนายทุน

ที่มีอิทธิพล เขาคอหงส์ที่มีพันธุ์ไม้หายากและแน่นขนัดสมบูรณ์ ได้ถูกทำลายย่อยยับ ป่าทั้งสองผืน

ได้มีกลุ่มคนเล็กๆกลุ่มหนึ่งพยายามบอกเตือนเราชาวหาดใหญ่มาโดยตลอด น่าแปลกใจที่เรากลัเพิก

เฉยและปล่อยให้เขาต่อสู้กันอย่างโดดเดี่ยวมาแสนนาน การที่สัตว์ไหลตามน้ำมาเข้าเมืองก็น่าจะให้

คำตอบได้ถึงสภาพธรรมชาติที่เรามีอยู่ได้ดี น่าจะให้เราสำเหนียกรู้ถึงคำเตือนต่างๆเหล่านั้นได้ดี น่า

จะให้เราตระหนักและตระหนกตกใจกับกาลพินาศในวันข้างหน้า แต่เราเพิกเฉย และไม่ใยดีแยแสแม้

น้อยต่อเสียงเตือนจากธรรมชาติเหล่านั้น


ยังต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าเราจะกลับมามีชีวิตตามปกติ ขยะล้นเมืองส่งกลิ่นเหม็นเน่าบูดคละคลุ้ง

และเชื่อแน่ว่าเราจะต้องโดนน้ำท่วมอีกครั้งอย่างหลีกหนีไม่พ้น คนข้างบ้านถามผมว่าคุยกับดีเพรสชั่น

แล้วทำไมมันยังมาลงหาดใหญ่ ผมตอบไปว่าคงเพราะเสียงหมุนของพายุดังเกินไปมันฟังไม่ถนัด เลย

หันมาถามผมว่าอะไรนะ กว่าจะรู้ว่าผมพูดอย่างไร มันก็ยิ้มเผล่บอกว่าไม่ทันแล้วลูกพี่!


8 พฤศจิกายน 2553


มีเรื่องน่าอายอย่างหนึ่งในบทความนี้  ด้วยความที่เผลอเรอ,รีบเร่งและชะล่าใจ จึงเอาสำนวน "แถก

เป็นเกล็ดถลอก" มาใช้กับปลาดุก ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

ตีพิมพ์ใน คมชัดลึก หน้า 3 ฉบับวันที่ 9 พฤศจิกายน 2553 (ภูมิภาค)

Comment #1
Posted @9 พ.ย.53 15.14 ip : 118...213
Photo :  , 635x423 pixel 48,983 bytes

มีรูปประกอบมาด้วย ใครไม่รู้ ยิ้มอย่างมีความสุขมาก  รูปใครถ่ายก็ไม่รู้ หาเจอในเนตครับ ขอบคุณมาตรงนี้เลยครับ

Comment #2
Posted @9 พ.ย.53 18.42 ip : 61...105

สู้ สู้ นะจ๊ะ

Comment #3
Posted @9 พ.ย.53 21.22 ip : 118...192

สู้กะใครอะ  #)

Comment #4
Posted @10 พ.ย.53 15.41 ip : 69...109

เดี๋ยวแวะมาอ่านนะขะรับ :d

Comment #5
Posted @10 พ.ย.53 17.11 ip : 119...211

รูป #1 นึกว่าเป็นของพี่หมี่ฯ เอิ๊ก ๆ

Comment #6
Posted @10 พ.ย.53 17.45 ip : 115...25

มันเป็นสิ่งที่คนในยุคสมัยเราต้องลุ้นกันเองว่า เหตุการณ์ภัยธรรมชาตินี้ จะ เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ที่ไหน และ กับใคร

เหตุการณ์ที่เกิดที่หาดใหญ่เป็นเรื่องหนักหนาดู แต่หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ก็คงต้องตั้งรับกันไป  ทน ๆ กันไป พวกเราทั้งหมดล้วนอยู่ใต้กฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติ 


ถ้าเหตุการณ์นั้เกิดขึ้นกับบ้านตัวเองคงเครียดน่าดู แต่คุณหมี่ยังทำใจให้มีความสุขได้กับเบียร์กระป๋องที่กักตุนไว้ และ เสียงเพลง เยี่ยมจริง ๆ ค่ะ

Comment #7
Posted @15 พ.ย.53 8.41 ip : 119...211

พี่หมี่ฯ cool มั่กๆ ขอรับ  นึกถึงคำเก่าที่ว่า "ตั้งใจมั่นยิ้มได้เมื่อภัยมา"

แสดงความคิดเห็น

« 3575
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 11 user(s)

User count is 2278125 person(s) and 9089803 hit(s) since 25 เม.ย. 2567 , Total 550 member(s).