เต้ยแฮร์คัท
เต้ยแฮร์คัท
1).
ผมเป็นลูกค้าร้านเต้ยแฮร์คัทมาร่วมๆจะ 20 ปีนี่แล้ว ยังจำได้ดีถึงวันแรกที่เดินเข้า
ร้าน ร่างสูงโปร่งผมยาวถึงกลางหลัง มันเรียกทุกสายตาให้หันมามอง หรือบางทีอาจ
เป็นเพราะท่าเดินยกไหล่เขยกส้นก็ได้ ผมไม่จดจำรายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้หรอก
แต่ที่จำได้แม่นก็คือ เมื่อผมบอกความประสงค์ที่จะตัดผมยาวๆออก ช่างตัดผมที่มารู้
ชื่อทีหลังว่าพี่เต้ย ก็เหลือบดวงตามองมาอย่างถามความชั่งใจ ผมยักไหล่ข้างขวา
เล็กน้อยพองามก่อนเดินไปนั่งรอคิว ร้านพี่เต้ยเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ประตูเหล็กยืดเปิด
อ้าตลอดวันจนกว่าจะสามทุ่ม แต่งร้านด้วยภาพดาราฮอลลีวู้ดผู้ชาย กับโปสเตอร์
โฆษณาน้ำมันใส่ผมตราตันโจ ด้วยความสูง 175 เซนติเมตร และเอว 29 นิ้วใน
กางเกงยีนลีวายส์ 501 ผมต้องนั่งรอบนเก้าอี้โซฟาเก่าๆขาดๆด้วยลักษณะกึ่งนั่งกึ่ง
นอน ร้านพี่เต้ยมีลูกค้าไม่เคยขาด ผมต้องนั่งรออย่างน้อยครั้งละเป็นชั่วโมงๆ วันแรก
บนเก้าอี้ตัดผมนั้น พี่เต้ยถือหวีและกรรไกรมองมาเงียบๆ ถามผมอีกครั้งว่าแน่ใจแล้ว
หรือที่จะตัดสั้น แกใช้นิ้วไล่ผมหยักศกของผมไปจนสุด
น่าเสียดาย<br />
นั่นคือคำพูดที่แกเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง หลังคำตอบที่มีเพียงรอยยิ้มจากผม เส้นผมของ
ผมไม่ได้สยายสลวยสวยเก๋เหมือนเส้นไหมหรอก แต่ด้วยความที่มันดกและดำสนิทนี่
แหละ ทำให้ดูหนาแน่นและเป็นระเบียบ ยิ่งมันมีความหยักศกอย่างเป็นระเบียบด้วย
แล้ว ยิ่งทำให้หน้าตาจืดๆของผมดูดีขึ้นเป็นกอง
ผมเองก็จำไม่ได้แน่ชัด ว่าเหตุใดจึงคิดจะตัดมันออก อาจเพราะปีนั้นอากาศร้อน
อบอ้าวตลอดปี หรือไม่ก็อาจเพราะเบื่อหน้าตัวเองเวลาส่องกระจกก็เป็นได้ เอาเป็น
ว่าเมื่อกรรไกรเฉือนแผงผมด้านหลังออกฉับแรก ผมก็กลายเป็นลูกค้าพี่เต้ยต่อเนื่อง
มาโดยตลอด แต่เป็นฉับแรกที่เริ่มต้นไม่ค่อยน่าจดจำนัก เพราะจังหวะฉับแรกนั้น
พี่เต้ยหันไปมองแมวเปอร์เซียของแกที่กำลังวิ่งอยู่ในร้าน ถ้ามันวิ่งของมันตาปกติ
เราก็คงไม่หันหน้าไปมองหรอก แต่นี่เพราะมันวิ่งไปร้องเสียงหลงไปมองหาต้น
ตอที่มันตกใจได้ขนาดนั้น ก็พบหนูตัวเท่าหน้าแข้งอยู่ใต้ตู้กับข้าวหลังร้าน มัน
กระโดดพรวดแล้ววิ่งวนรอบเก้าอี้ตัดผม ประตูกระจกปิดสนิท ได้ยินเสียงเครื่อง
ปรับอากาศครางหึ่งๆมาจากข้างนอก อย่าว่าแต่ไอ้แมวต่างด้าวเลย เป็นใครก็ต้อง
สะดุ้งกับจมูกใหญ่โตของไอ้หนูหลังบ้านตัวนั้น จริงๆนะ นับวันหนูเมืองจะตัวใหญ่โต
ขึ้นทุกที ผมเคยดักหนูด้วยกรงดัก แล้วก็มีไอ้หนูบัดซบตัวเท่าหน้าแข้งอย่าง
นี้แหละมาติด ผมใช้ยุทธวิธีนี้ได้ไม่กี่ครั้งหรอก หนูเมืองมันฉลาดเอาเรื่อง เพียงครั้ง
สองครั้งที่มันเห็นเพื่อนติดกับ มันก็รู้แล้วล่ะว่าไอ้มนุษย์หน้าโง่กำลังกระทำการโง่ๆ
ซ้ำๆเดิมๆอีก ความฉลาดได้มาจากการเรียนรู้ ผมซึ่งมีมันสมองเยอะกว่า มีร่องหยัก
มากกว่าหนูทั้งปวง จึงฉลาดพอที่จะเปลี่ยนยุทธวิธี ผมซื้อกาวดักหนูแล้ววางเหยื่อ
ล่อ มีไอ้หนูหน้าโง่ตะกละมาติดกับสามตัวในวันแรก ล้วนแล้วเป็นหนูกำลังรุ่น มันส่ง
เสียงร้องจู๊ดจี๊ดๆขอความช่วยเหลือ ผมรีบยกถาดกาวออกมาก่อนที่พวกมันจะรู้ทัน
ยุทธวิธีนี้ มันใช้ได้ผลในอีกสองวันถัดมา จากนั้นในถาดกาวก็มีแต่จิ้งจกหางด้วนกับ
แมลงสาปตาบอด ผมค่อนข้างกลุ้มใจเรื่องหนูมาก เพราะมันสร้างความรบกวนอย่าง
เหลือระอา คิดดูสิ เพียงแค่กลิ่นขี้หนูก็แทบจะเผาบ้านฆ่ามันได้แล้วล่ะ หลังๆผมจึงใช้
วิธีนี้ รื้อค้นทุกซอกทุกมุมที่อับ อะไรที่เกะกะรกๆก็จัดให้เป็นระเบียบ อันไหนไม่ใช้
แล้วก็ทิ้งไปซะ ไม่น่าเชื่อว่าของที่เก็บเอาไว้ด้วยความเสียดายนั้น มันมากจนแทบจะ
ท่วมหัว ผมรื้อกล่องใส่โทรทัศน์ออกมา ข้างในมีกล่องกระดาษแข็งซ้อนอยู่หลายลูก
ด้วยความตั้งใจจะรวบรวมแล้วชั่งกิโลขาย แต่อาแป๊ะรับซื้อของเก่าก็ไม่เคยผ่าน หรือ
ผ่านแล้วแต่ไม่เห็น หรือเห็นแล้วแต่เรียกไม่ทัน หรือเรียกทันแต่ขี้เกียจ หรือไม่ขี้เกียจ
แต่อยากรวบรวมให้ได้เยอะๆ อะไรสักอย่างนี่แหละ จึงรื้อไปๆก็ได้กลิ่นขี้กลิ่นสาปหนู
คละคลุ้ง ผมชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ ความที่มันเหม็นจนแทบจะอ้วนแตกอ้วนแตนนี่แหละ
ถอดเสื้อยืดที่สวมได้ก็เอามาพันปากปิดจมูก ค่อยยังชั่ว จากนั้นก็รื้ออีกครั้ง แม่เจ้า
ประคุณเอ๊ย นี่มันเป็นรังรักในจินตนาการของมันหรือเปล่าวะ? ลูกหนูตัวแดงๆยั้วเยี้ยๆ
ไปหมด ความรู้สึกแรกของผมคือต้องฆ่ามัน จากนั้นจึงคิดหาวิธีการ ไม่น่าเชื่อว่าผมจะ
มีจิตใจอำมหิตได้ขนาดนั้น ผมไม่อยากจำเลยว่าวันนั้นผมใช้คีมคีบถ่านคีบมันทีละตัว
ใส่ในถังพลาสติก ทีละตัวๆจนครบทั้งหก ตัวแรกเอาไปโยนใส่กองไฟ ตัวที่สองใช้น้ำ
ร้อนค่อยๆราด ตัวที่สามคีบมันด้วยคีมคีบถ่านแรงๆจนไส้แตก ส่วนตัวที่สี่ที่ห้าที่หก ผม
โยนใส่หน้าแมวจรจัดตัวหนึ่ง ไอ้แมวซังกะบ๊วยนั่นดันตกใจวิ่งหนีจู๊ดไม่เห็นหลัง ผม
เลยคว่ำถังครอบพวกมันเอาไว้ สองวันผ่านไป ก็เห็นพวกมันนอนตายส่งกลิ่นเหม็นหึ่ง
ฉึ่งบวม หนอนไต่กันยั้วเยี้ยๆ ผมเอาขี้เถ้ามากลบแล้วโกยไปทิ้งถังขยะ เมื่อแน่ใจว่า
รื้อรังหนูได้ครบถ้วนแล้ว ผมจึงกั้นทางเข้าบ้านทุกด้านด้วยแผ่นอะลูมิเนียมสูงเท่าหัว
เข่า และยาวเท่าที่แต่ละทางเข้าจะยาว ผมจึงอยู่เย็นเป็นสุขมาโดยตลอด กว่าจะเห็น
ว่าตรงหลังคาบ้านด้านหลังที่ต่อเติมมีช่องอยู่ เสียงจู๊ดจี๊ดๆแผ่วๆที่ได้ยินนั้นก็ทำให้เอะ
ใจ ไม่นาน ผมก็นอนฟังเสียงไอ้หนูบัดซบเต้นรำกันบนหลังคาทุกคืน ก่อนที่พวกมัน
จะทยอยไต่โครงหลังคามาพื้น แล้วแยกย้ายกันไปหาที่สร้างรังตามแต่อัธยาศัยของ
แต่ละตัว ผมจึงไม่แปลกใจนัก ที่เห็นไอ้แมวขนยาวตาโตวิ่งหนีหนูด้วยความตกใจกลัว
สุดชีวิต เข้าใจว่ามันคงเจอหนูกระทำมิดีมิร้ายอะไรบางอย่างจนเสียขวัญ ไม่ก็จนเสีย
จริตไปโน่นเลยล่ะ
พี่เต้ยรักไอ้แมวอาหรับตัวนี้มาก ทุกเย็นหลังละหมาดเสร็จเรียบร้อย แกจะพามันเดิน
เล่นแถวๆร้านตัดผม คล้องโซ่ขนาดเล็กเอาไว้ กันมันตกใจหมาแล้ววิ่งเตลิดหาย มือ
อีกข้างของแกเองก็มีไม้ขนาดเหมาะมือ เอาไว้ตีหมาที่หากมันทะลึ่งเข้ามาใกล้โสร่ง
แก พาแมวตัวรักไปขี้ไปเยี่ยวตรงลานหญ้า นั่งลูบคางคุยกับมันไปจนโพล้เพล้ แล้วจึง
พามันกลับร้าน ผมนึกถึงวัวชนของน้าเข้มขึ้นมาทันที บ้านน้าเข้มอยู่ริมทะเลตรงที่เว้า
เข้ามาเป็นอ่าวเล็กๆ ทุกเช้าและเย็น แกจะพาไอ้โหนดวิ่งบนทรายชายหาด ยอดเขา
ของมันสวมปลอกเล็กๆไว้ กันมันไปขวิดกับวัวตัวอื่นหากบังเอิญจ๊ะเอ๋กัน จากนั้นก็จะ
อาบน้ำขัดสีฉวีวรรณให้นวลผ่อง แกจะขี่รถเครื่องเก่าๆไปเกี่ยวหญ้ามาเป็นฟ่อนๆ
ล้างเอาฝุ่นดินฝุ่นทรายออกก่อนสะบัดให้สะเด็ดน้ำ ถ้าแกป้อนมันได้ผมก็เชื่อว่าแก
ป้อนให้มันแล้วแน่ พอดวงตะวันลดต่ำทะเลเปลี่ยนสี และลมเย็นๆเริ่มโชยมา แกจะ
อาบน้ำให้มันอีกรอบ หลังจากพาวิ่งออกกำลังกายยามเย็น สุมไฟไล่ยุง กางมุ้งขึงขึ้น
สี่ทิศ แล้วก็นั่งคุยกับมันอีกสักครู่ใหญ่ๆ
พี่เต้ยกับผมหันขวับ เห็นมันวิ่งกระโจนตาลีตาเหลือก ตอนที่ผมหันขวับนั้น มือที่คีบ
กรรไกรของพี่เต้ยก็ฉับเข้าด้วยความตกใจ แกส่งเสียงโวยวายไม่ได้ศัพท์ วิ่งไปหลัง
ร้าน ใช้เท้าแหย่ใต้ตู้กับข้าว แล้วถีบๆไปหลายทิศทาง ในมือซ้ายก็ยังกำแผงผมไว้
แน่น ผมนั่งมองพี่เต้ยตาปริบๆ จนแกเดินมาถึง บ่นพึมพำๆอยู่ไม่ขาดปาก ก่อนถาม
ผมว่าจะตัดทรงอะไรด้วยน้ำเสียงห้วน
สกินเฮด ผมตอบอย่างไม่ต้องใคร่ครวญแม้แต่น้อย
พี่เต้ยเป็นมุสลิมจากภาคกลาง โยกย้ายมาอยู่ที่นี่ร่วมๆจะสามสิบปีแล้ว เป็นมุสลิมที่
เคร่ง แต่ไม่ปิดกันความแตกต่าง ลูกค้าของร้านเต้ยแฮร์คัทจึงหลากหลายไปด้วย
วัฒนธรรมและใบหน้า ผมเคยเห็นลูกค้าฝรั่งที่มาอยู่ที่นี่จนพูดภาษาไทยได้คล่อง
เห็นกระทั่งคุณหนูไฮโซที่ไม่ยอมโตตามวัยสักที เดินอุ้มลูกหมาเข้าร้าน พี่เต้ยยิ้มบอก
คุณหนูว่านี่เป็นร้านมุสลิม แต่ดูเหมือนคุณหนูจะไม่เข้าใจ เขาเปิดประตูกระจก
ตะโกนบอกแม่ตามคำพูดของพี่เต้ย คุณนายแม่เดินอาดๆเข้าร้าน เท้าสะเอวตะ
คอกถามกลับว่าร้านแขกแล้วเป็นยังไง ชั้นมีเงินจะตัดกี่หัวก็ได้ ลูกค้าที่นั่งรอมองหน้า
กันเลิ่กลั่ก เอาละวะ ได้ดูมวยกันก็คราวนี้เป็นแน่ พี่เต้ยมีสีหน้ารำคาญเห็นชัด เกาหัว
ยิกๆแล้วไล่คุณนายแม่กับคุณหนูให้ไปพ้นร้าน ผมเหลือบมองภาษาอาหรับในกรอบ
ที่แขวนข้างบน อยากรู้ว่ามันอ่านและแปลว่าอะไร ข้างๆกรอบนั้นมีรูปบิน ลาเดน เคียง
ข้าง นึกขำอยู่คนเดียว อยากให้คุณนายแม่เห็นบิน ลาเดนส่งยิ้มจากในกรอบนั้น
จริงๆ จนเมื่อเกิดเหตุการณ์ทางชายแดนใต้นั่นแหละ พี่เต้ยจึงได้ปลดบังบิน ลาเดน
ไปไว้หลังร้าน แกบอกผมว่าเบื่อคำถามและสายตาไม่ไว้ใจของหลายๆคน และกว่า
ผมของผมจะเต็มหัวอันเนื่องจากสกินเฮด เวลาก็ผ่านไปหลายเดือนเลยทีเดียว จึงได้
รู้ว่าฝีมือรองทรงของแกไม่บันเบาเอาเลย