เต้ยแฮร์คัท

by หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก @30 มี.ค.52 22.02 ( IP : 118...124 ) | Tags : เรื่องสั้น-ความเรียง

เต้ยแฮร์คัท

1).

ผมเป็นลูกค้าร้านเต้ยแฮร์คัทมาร่วมๆจะ 20 ปีนี่แล้ว  ยังจำได้ดีถึงวันแรกที่เดินเข้า

ร้าน ร่างสูงโปร่งผมยาวถึงกลางหลัง มันเรียกทุกสายตาให้หันมามอง หรือบางทีอาจ

เป็นเพราะท่าเดินยกไหล่เขยกส้นก็ได้ ผมไม่จดจำรายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้หรอก

แต่ที่จำได้แม่นก็คือ เมื่อผมบอกความประสงค์ที่จะตัดผมยาวๆออก ช่างตัดผมที่มารู้

ชื่อทีหลังว่าพี่เต้ย ก็เหลือบดวงตามองมาอย่างถามความชั่งใจ ผมยักไหล่ข้างขวา

เล็กน้อยพองามก่อนเดินไปนั่งรอคิว ร้านพี่เต้ยเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ประตูเหล็กยืดเปิด

อ้าตลอดวันจนกว่าจะสามทุ่ม แต่งร้านด้วยภาพดาราฮอลลีวู้ดผู้ชาย กับโปสเตอร์

โฆษณาน้ำมันใส่ผมตราตันโจ ด้วยความสูง 175 เซนติเมตร และเอว 29 นิ้วใน

กางเกงยีนลีวายส์ 501 ผมต้องนั่งรอบนเก้าอี้โซฟาเก่าๆขาดๆด้วยลักษณะกึ่งนั่งกึ่ง

นอน ร้านพี่เต้ยมีลูกค้าไม่เคยขาด ผมต้องนั่งรออย่างน้อยครั้งละเป็นชั่วโมงๆ  วันแรก

บนเก้าอี้ตัดผมนั้น พี่เต้ยถือหวีและกรรไกรมองมาเงียบๆ ถามผมอีกครั้งว่าแน่ใจแล้ว

หรือที่จะตัดสั้น แกใช้นิ้วไล่ผมหยักศกของผมไปจนสุด

น่าเสียดาย<br />

นั่นคือคำพูดที่แกเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง หลังคำตอบที่มีเพียงรอยยิ้มจากผม เส้นผมของ

ผมไม่ได้สยายสลวยสวยเก๋เหมือนเส้นไหมหรอก แต่ด้วยความที่มันดกและดำสนิทนี่

แหละ ทำให้ดูหนาแน่นและเป็นระเบียบ ยิ่งมันมีความหยักศกอย่างเป็นระเบียบด้วย

แล้ว ยิ่งทำให้หน้าตาจืดๆของผมดูดีขึ้นเป็นกอง

ผมเองก็จำไม่ได้แน่ชัด    ว่าเหตุใดจึงคิดจะตัดมันออก    อาจเพราะปีนั้นอากาศร้อน

อบอ้าวตลอดปี หรือไม่ก็อาจเพราะเบื่อหน้าตัวเองเวลาส่องกระจกก็เป็นได้ เอาเป็น

ว่าเมื่อกรรไกรเฉือนแผงผมด้านหลังออกฉับแรก  ผมก็กลายเป็นลูกค้าพี่เต้ยต่อเนื่อง

มาโดยตลอด    แต่เป็นฉับแรกที่เริ่มต้นไม่ค่อยน่าจดจำนัก เพราะจังหวะฉับแรกนั้น

พี่เต้ยหันไปมองแมวเปอร์เซียของแกที่กำลังวิ่งอยู่ในร้าน ถ้ามันวิ่งของมันตาปกติ

    เราก็คงไม่หันหน้าไปมองหรอก  แต่นี่เพราะมันวิ่งไปร้องเสียงหลงไปมองหาต้น

ตอที่มันตกใจได้ขนาดนั้น  ก็พบหนูตัวเท่าหน้าแข้งอยู่ใต้ตู้กับข้าวหลังร้าน          มัน

กระโดดพรวดแล้ววิ่งวนรอบเก้าอี้ตัดผม  ประตูกระจกปิดสนิท  ได้ยินเสียงเครื่อง

ปรับอากาศครางหึ่งๆมาจากข้างนอก    อย่าว่าแต่ไอ้แมวต่างด้าวเลย  เป็นใครก็ต้อง

สะดุ้งกับจมูกใหญ่โตของไอ้หนูหลังบ้านตัวนั้น  จริงๆนะ นับวันหนูเมืองจะตัวใหญ่โต

ขึ้นทุกที  ผมเคยดักหนูด้วยกรงดัก          แล้วก็มีไอ้หนูบัดซบตัวเท่าหน้าแข้งอย่าง

นี้แหละมาติด  ผมใช้ยุทธวิธีนี้ได้ไม่กี่ครั้งหรอก หนูเมืองมันฉลาดเอาเรื่อง เพียงครั้ง

สองครั้งที่มันเห็นเพื่อนติดกับ มันก็รู้แล้วล่ะว่าไอ้มนุษย์หน้าโง่กำลังกระทำการโง่ๆ

ซ้ำๆเดิมๆอีก  ความฉลาดได้มาจากการเรียนรู้ ผมซึ่งมีมันสมองเยอะกว่า มีร่องหยัก

มากกว่าหนูทั้งปวง จึงฉลาดพอที่จะเปลี่ยนยุทธวิธี ผมซื้อกาวดักหนูแล้ววางเหยื่อ

ล่อ มีไอ้หนูหน้าโง่ตะกละมาติดกับสามตัวในวันแรก ล้วนแล้วเป็นหนูกำลังรุ่น  มันส่ง

เสียงร้องจู๊ดจี๊ดๆขอความช่วยเหลือ ผมรีบยกถาดกาวออกมาก่อนที่พวกมันจะรู้ทัน

ยุทธวิธีนี้ มันใช้ได้ผลในอีกสองวันถัดมา  จากนั้นในถาดกาวก็มีแต่จิ้งจกหางด้วนกับ

แมลงสาปตาบอด ผมค่อนข้างกลุ้มใจเรื่องหนูมาก เพราะมันสร้างความรบกวนอย่าง

เหลือระอา คิดดูสิ เพียงแค่กลิ่นขี้หนูก็แทบจะเผาบ้านฆ่ามันได้แล้วล่ะ หลังๆผมจึงใช้

วิธีนี้ รื้อค้นทุกซอกทุกมุมที่อับ อะไรที่เกะกะรกๆก็จัดให้เป็นระเบียบ อันไหนไม่ใช้

แล้วก็ทิ้งไปซะ ไม่น่าเชื่อว่าของที่เก็บเอาไว้ด้วยความเสียดายนั้น มันมากจนแทบจะ

ท่วมหัว ผมรื้อกล่องใส่โทรทัศน์ออกมา ข้างในมีกล่องกระดาษแข็งซ้อนอยู่หลายลูก

ด้วยความตั้งใจจะรวบรวมแล้วชั่งกิโลขาย แต่อาแป๊ะรับซื้อของเก่าก็ไม่เคยผ่าน หรือ

ผ่านแล้วแต่ไม่เห็น หรือเห็นแล้วแต่เรียกไม่ทัน หรือเรียกทันแต่ขี้เกียจ หรือไม่ขี้เกียจ

แต่อยากรวบรวมให้ได้เยอะๆ อะไรสักอย่างนี่แหละ จึงรื้อไปๆก็ได้กลิ่นขี้กลิ่นสาปหนู

คละคลุ้ง ผมชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ ความที่มันเหม็นจนแทบจะอ้วนแตกอ้วนแตนนี่แหละ

ถอดเสื้อยืดที่สวมได้ก็เอามาพันปากปิดจมูก ค่อยยังชั่ว จากนั้นก็รื้ออีกครั้ง แม่เจ้า

ประคุณเอ๊ย นี่มันเป็นรังรักในจินตนาการของมันหรือเปล่าวะ?  ลูกหนูตัวแดงๆยั้วเยี้ยๆ

ไปหมด ความรู้สึกแรกของผมคือต้องฆ่ามัน จากนั้นจึงคิดหาวิธีการ ไม่น่าเชื่อว่าผมจะ

มีจิตใจอำมหิตได้ขนาดนั้น ผมไม่อยากจำเลยว่าวันนั้นผมใช้คีมคีบถ่านคีบมันทีละตัว

ใส่ในถังพลาสติก ทีละตัวๆจนครบทั้งหก ตัวแรกเอาไปโยนใส่กองไฟ ตัวที่สองใช้น้ำ

ร้อนค่อยๆราด ตัวที่สามคีบมันด้วยคีมคีบถ่านแรงๆจนไส้แตก ส่วนตัวที่สี่ที่ห้าที่หก ผม

โยนใส่หน้าแมวจรจัดตัวหนึ่ง ไอ้แมวซังกะบ๊วยนั่นดันตกใจวิ่งหนีจู๊ดไม่เห็นหลัง ผม

เลยคว่ำถังครอบพวกมันเอาไว้ สองวันผ่านไป ก็เห็นพวกมันนอนตายส่งกลิ่นเหม็นหึ่ง

ฉึ่งบวม หนอนไต่กันยั้วเยี้ยๆ ผมเอาขี้เถ้ามากลบแล้วโกยไปทิ้งถังขยะ เมื่อแน่ใจว่า

รื้อรังหนูได้ครบถ้วนแล้ว ผมจึงกั้นทางเข้าบ้านทุกด้านด้วยแผ่นอะลูมิเนียมสูงเท่าหัว

เข่า และยาวเท่าที่แต่ละทางเข้าจะยาว ผมจึงอยู่เย็นเป็นสุขมาโดยตลอด กว่าจะเห็น

ว่าตรงหลังคาบ้านด้านหลังที่ต่อเติมมีช่องอยู่ เสียงจู๊ดจี๊ดๆแผ่วๆที่ได้ยินนั้นก็ทำให้เอะ

ใจ  ไม่นาน ผมก็นอนฟังเสียงไอ้หนูบัดซบเต้นรำกันบนหลังคาทุกคืน ก่อนที่พวกมัน

จะทยอยไต่โครงหลังคามาพื้น แล้วแยกย้ายกันไปหาที่สร้างรังตามแต่อัธยาศัยของ

แต่ละตัว ผมจึงไม่แปลกใจนัก ที่เห็นไอ้แมวขนยาวตาโตวิ่งหนีหนูด้วยความตกใจกลัว

สุดชีวิต เข้าใจว่ามันคงเจอหนูกระทำมิดีมิร้ายอะไรบางอย่างจนเสียขวัญ ไม่ก็จนเสีย

จริตไปโน่นเลยล่ะ

พี่เต้ยรักไอ้แมวอาหรับตัวนี้มาก ทุกเย็นหลังละหมาดเสร็จเรียบร้อย แกจะพามันเดิน

เล่นแถวๆร้านตัดผม  คล้องโซ่ขนาดเล็กเอาไว้  กันมันตกใจหมาแล้ววิ่งเตลิดหาย มือ

อีกข้างของแกเองก็มีไม้ขนาดเหมาะมือ เอาไว้ตีหมาที่หากมันทะลึ่งเข้ามาใกล้โสร่ง

แก พาแมวตัวรักไปขี้ไปเยี่ยวตรงลานหญ้า นั่งลูบคางคุยกับมันไปจนโพล้เพล้ แล้วจึง

พามันกลับร้าน ผมนึกถึงวัวชนของน้าเข้มขึ้นมาทันที บ้านน้าเข้มอยู่ริมทะเลตรงที่เว้า

เข้ามาเป็นอ่าวเล็กๆ ทุกเช้าและเย็น แกจะพาไอ้โหนดวิ่งบนทรายชายหาด ยอดเขา

ของมันสวมปลอกเล็กๆไว้ กันมันไปขวิดกับวัวตัวอื่นหากบังเอิญจ๊ะเอ๋กัน จากนั้นก็จะ

อาบน้ำขัดสีฉวีวรรณให้นวลผ่อง แกจะขี่รถเครื่องเก่าๆไปเกี่ยวหญ้ามาเป็นฟ่อนๆ

  ล้างเอาฝุ่นดินฝุ่นทรายออกก่อนสะบัดให้สะเด็ดน้ำ ถ้าแกป้อนมันได้ผมก็เชื่อว่าแก

ป้อนให้มันแล้วแน่ พอดวงตะวันลดต่ำทะเลเปลี่ยนสี และลมเย็นๆเริ่มโชยมา แกจะ

อาบน้ำให้มันอีกรอบ หลังจากพาวิ่งออกกำลังกายยามเย็น สุมไฟไล่ยุง กางมุ้งขึงขึ้น

สี่ทิศ แล้วก็นั่งคุยกับมันอีกสักครู่ใหญ่ๆ

พี่เต้ยกับผมหันขวับ เห็นมันวิ่งกระโจนตาลีตาเหลือก ตอนที่ผมหันขวับนั้น มือที่คีบ

กรรไกรของพี่เต้ยก็ฉับเข้าด้วยความตกใจ แกส่งเสียงโวยวายไม่ได้ศัพท์ วิ่งไปหลัง

ร้าน ใช้เท้าแหย่ใต้ตู้กับข้าว แล้วถีบๆไปหลายทิศทาง ในมือซ้ายก็ยังกำแผงผมไว้

แน่น  ผมนั่งมองพี่เต้ยตาปริบๆ  จนแกเดินมาถึง บ่นพึมพำๆอยู่ไม่ขาดปาก  ก่อนถาม

ผมว่าจะตัดทรงอะไรด้วยน้ำเสียงห้วน

สกินเฮด ผมตอบอย่างไม่ต้องใคร่ครวญแม้แต่น้อย


พี่เต้ยเป็นมุสลิมจากภาคกลาง โยกย้ายมาอยู่ที่นี่ร่วมๆจะสามสิบปีแล้ว เป็นมุสลิมที่

เคร่ง แต่ไม่ปิดกันความแตกต่าง ลูกค้าของร้านเต้ยแฮร์คัทจึงหลากหลายไปด้วย

วัฒนธรรมและใบหน้า ผมเคยเห็นลูกค้าฝรั่งที่มาอยู่ที่นี่จนพูดภาษาไทยได้คล่อง

เห็นกระทั่งคุณหนูไฮโซที่ไม่ยอมโตตามวัยสักที เดินอุ้มลูกหมาเข้าร้าน พี่เต้ยยิ้มบอก

คุณหนูว่านี่เป็นร้านมุสลิม  แต่ดูเหมือนคุณหนูจะไม่เข้าใจ เขาเปิดประตูกระจก

ตะโกนบอกแม่ตามคำพูดของพี่เต้ย คุณนายแม่เดินอาดๆเข้าร้าน เท้าสะเอวตะ

คอกถามกลับว่าร้านแขกแล้วเป็นยังไง ชั้นมีเงินจะตัดกี่หัวก็ได้ ลูกค้าที่นั่งรอมองหน้า

กันเลิ่กลั่ก เอาละวะ ได้ดูมวยกันก็คราวนี้เป็นแน่ พี่เต้ยมีสีหน้ารำคาญเห็นชัด เกาหัว

ยิกๆแล้วไล่คุณนายแม่กับคุณหนูให้ไปพ้นร้าน ผมเหลือบมองภาษาอาหรับในกรอบ

ที่แขวนข้างบน อยากรู้ว่ามันอ่านและแปลว่าอะไร ข้างๆกรอบนั้นมีรูปบิน ลาเดน เคียง

ข้าง นึกขำอยู่คนเดียว  อยากให้คุณนายแม่เห็นบิน ลาเดนส่งยิ้มจากในกรอบนั้น

จริงๆ จนเมื่อเกิดเหตุการณ์ทางชายแดนใต้นั่นแหละ พี่เต้ยจึงได้ปลดบังบิน ลาเดน

ไปไว้หลังร้าน แกบอกผมว่าเบื่อคำถามและสายตาไม่ไว้ใจของหลายๆคน และกว่า

ผมของผมจะเต็มหัวอันเนื่องจากสกินเฮด เวลาก็ผ่านไปหลายเดือนเลยทีเดียว จึงได้

รู้ว่าฝีมือรองทรงของแกไม่บันเบาเอาเลย

Comment #1
Posted @30 มี.ค.52 22.05 ip : 118...124

2).

ทุกครั้งที่เดินเข้าร้าน พี่เต้ยจะส่งเสียงทักดังลั่น และเปิดการสนทนาด้วยเรื่องการ

เมืองขึ้นมาทันที ไม่ว่าขณะนั้นแกกำลังโกนหนวดให้ใครอยู่ก็ตาม ซึ่งผมจะต้องระวัง

คำตอบให้ดี มันมีหลายครั้งที่เราคุยเรื่องการเมืองแล้วเห็นกันไปคนละทาง เมื่อนั้นพี่

เต้ยจะหยุดทุกอิริยาบถ หันมาคุยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดเอาจริงเอาจัง มือทั้งสอง

จะกวัดไกวแสดงท่าทางประกอบ ผมไม่กล้านึกถึงเวลาที่แกกำลังถือมีดโกน แล้วผม

แหย่เรื่องการเมืองเลย ผมจะทักแกยิ้มๆแล้วเดินไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รอเงียบๆ

จากนั้นแกก็จะหันไปคุยกับลูกค้าบนเก้าอี้ตัดผมในเรื่องเดิม แกเป็นคนคุยได้ในทุก

เรื่อง น่านับถืออยู่อย่างตรงที่แกเปิดใจรับฟังความเห็นทุกเรื่องราว ยกเว้นการเมือง

และบางพรรคที่แกจงเกลียดจงชัง ในร้านแกจะเป็นนายช่างใหญ่ พี่เดือนเมียของ

แกเป็นคนเก็บเงิน  กับลูกชายวัยรุ่นมัธยมปลายชื่อแอ้ง เขาเป็นเด็กหนุ่มร่าเริง ชอบ

ที่จะออกความเห็นในทุกเรื่อง เป็นเด็กฉลาดเข้าใจเรื่องราวและลำดับเรื่องได้เป็น

อย่างดี  ผมหัวเราะก๊ากใหญ่ที่ได้ยินพี่เต้ยเรียกชื่อลูกชาย  พี่เต้ยหันมายิ้ม  แล้ว

อธิบายว่าไอ้แอ้งนี่ตอนมันเล็กๆ มันชอบนอนท่าแอ้งแม้ง นั่นคือนอนหงาย ผึ่งแขน

ผึ่งขากางออกไป จริงๆแล้วแอ้งมันชื่อเล่นว่าจอห์นนี่ เด๊ปป์ แกทำหน้าตาจริงจัง มุม

ปากลดต่ำเล็กน้อย คิ้วคู่เลิกขึ้นนิดๆ เอียงคอด้านซ้ายหน่อยๆ แล้วพยักหน้าเบาๆ

ทุกครั้งบนเก้าอี้ตัดผม แกมักจะใช้นิ้วไล่ระดับแผงผมไปเป็นริ้วๆ ชมเส้นผมของผม

ว่าสวยไม่ขาดปาก  ก่อนจะฉีดน้ำจนชุ่ม และใช้ปัตตาเลี่ยนก็ต่อเมื่อผมถูกหั่นด้วย

กรรไกรจนใกล้เสร็จแล้วเท่านั้น ปัตตาเลี่ยนจะค่อยๆขลิบทรงด้านที่มันเดิ่งไม่เท่ากัน

ออก ใช้แปรงปัดลูกผมออกจากต้นคอ ยืนยิ้มนิ่งๆอยู่สักพักแล้วจึงถอดผ้าคลุมออก

ให้ ระหว่างตัดผมนี่แหละ ที่เราจะได้พูดคุยกันอย่างเป็นส่วนตัว ถ้าเป็นเรื่องชาย

แดนใต้ เสียงของแกจะลดระดับลงต่ำจนแทบจะกระซิบ ข้อมูลมากมายของแกมา

จากไหนไม่รู้  แต่ล้วนแล้วดูสมเหตุสมผล    และมีความเป็นไปได้อยู่อย่างมี

น้ำหนัก            ถ้าเป็นเรื่องครู,โรงเรียน,เด็กนักเรียน,การศึกษา แกจะใช้ระดับน้ำ

เสียงที่ปกติธรรมดา และไม่สนใจหรอกว่าลูกค้าที่นั่งรอนั้นจะมีคนเป็นครูบาอาจารย์

อยู่หรือไม่ หลายครั้งที่แกอภิปรายความล้มเหลวของการศึกษา ชี้ให้เห็นความเหลว

แหลกของครู แกจะหันไปถามครูที่นั่งรอตัดผมอยู่ ด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงกลั้วเสียง

หัวเราะ ถ้าเป็นเรื่องศาสนาล่ะ? ไม่ว่าจะพุทธ,คริสต์,อิสลาม หรือกระทั่งฮินดู ดู

เหมือนแกจะรอบรู้ศึกษามาแล้วอย่างดีทั้งสิ้น จากการพูดคุยมาร่วมๆจะยี่สิบปีนี้ พบ

ว่าทุกเรื่องที่แกคุยด้วยนั้น ไม่เคยมีเรื่องส่วนตัวของแกเองเลย จนกระทั่งวันหนึ่ง...


เย็นวันนั้นพี่เต้ยโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ดวงตามีรอยคล้ำอยู่รอบ ใบหน้าถมึงทึงน่า

กลัว และส่งเสียงฮึดฮัดขัดใจเป็นระยะ ผมเดินเข้าร้านยิ้มทักทายเสียงดังอย่างเคย

แกนั่งอยู่บนโซฟา ขานรับว่าเออดังๆ  ในร้านไม่มีลูกค้าสักราย นี่เป็นเรื่องที่น่า

แปลกใจนัก แอร์ปิดเงียบ พี่เดือนและเจ้าแอ้งนั่งหน้าง้ำอยู่ใกล้ๆ

เกิดอะไรขึ้น? ผมถามอย่างงงๆ

พี่เต้ยลุกขึ้นเดินมาช้าๆ จดจ้องมองออกไปนอกร้าน สันกรามขบกันแน่นจนนูน ปราย

หางตามองมาทางผม เชื้อเชิญให้มองภาพเบื้องหน้านั้น  แล้วล้วงกระเป๋าหยิบบุหรี่

ออกมาคาบ ดวงตาแข็งกร้าวยังคงมองออกไปเบื้องนอก ผมเตือนแกว่าไม่ควรสูบใน

ห้องแอร์ แกไม่ได้จุดไฟต่อบุหรี่หรอก เพียงแค่คาบไว้เฉยๆ แต่ก้นบุหรี่ในปากแกก็

แหลกเนียนไปเพียงเดี๋ยวใจ ตรงข้ามเป็นร้านกาแฟที่ตกแต่งงดงาม มีโต๊ะเก้าอี้ราย

รอบออกมาบนทางเท้า ไฟสีเหลืองนวลเปิดสว่างโรแมนติก

จัดร้านสวยดี ผมชม และนั่นทำให้พี่เต้ยถึงกับหันขวับมาจ้องผมเขม็ง จากนั้น

ความคับแค้นทั้งมวลก็พรั่งพรูออกมาจากปากครึ้มหนวด ความว่าเมื่อก่อนมันก็เป็น

ร้านกาแฟดีดีนี่เอง สมัยโกป่องขายยังเป็นร้านโกโรโกโส พวกสามล้อพวกจับกังข้าง

ร้านชอบมานั่งดื่มกาแฟคุยกัน แกกับโกป่องเองก็สนิทสนมคุ้นเคยกันดี พี่เต้ยเอ่ยชม

รสมือชงกาแฟใส่นมของโกป่อง ว่าอร่อยยิ่งกว่าเจ้าไหนๆ  โกป่องมีลูกชายคนเดียว

ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถึงตอนนี้พี่เต้ยก็เงียบไปดื้อๆ เอ่ยปาก

ชวนผมนั่ง แล้วก็เล่าต่อว่า ต่อมาลูกชายโกป่องมาตกแต่งร้าน แล้วก็ให้โกป่องเลิก

ขายกาแฟ จากร้านกาแฟอาโกก็เปลี่ยนชื่อเป็นร้านเดอ คอฟฟี่ บรรยากาศคาวบอย

ให้ความรู้สึกลูกทุ่งตะวันตก ลำโพงกระหึ่มด้วยเสียงเพลงป๊อบไทยตลอดเวลา ผม

พยายามจับน้ำคำน้ำเสียงของเพลง แล้วก็ต้องส่ายหน้า  ในใจคิดว่าถ้าเปิดเพลงของ

วิลลี่ เนลสันก็คงจะเข้าท่ากว่านี้  นอกจากเสียงเพลงวัยรุ่นที่ไม่เข้ากันเลยกับ

บรรยากาศของร้าน  ผมก็ไม่เห็นความผิดปกติอะไรตรงไหนแม้สักนิด ดูอย่างไรๆก็

ไม่เห็นเหตุผลที่พี่เต้ยจะหัวเสียได้ขนาดนี้  พี่เต้ยนั่งก้มหน้าเอามือประสาน

ท้ายทอย  ส่งเสียงเฮ้ออยู่เป็นระยะ  ผมถามพี่เต้ยว่ากลุ้มใจเพราะร้านกาแฟนั่น

หรือ? แกพยักหน้า


ร้านพี่เต้ยอยู่ในซอยที่แยกออกมาจากซอยใหญ่อีกที เป็นซอยเล็กๆแต่ก็อยู่ติดกับ

ถนนของซอยใหญ่ ที่สำคัญมันเป็นซอยที่เป็นทางลัดออกไปได้หลายเส้นทาง ร้าน

เต้ยแฮร์คัทจึงมีทำเลที่ดีเยี่ยม กว่าแกจะมาเช่าตึกหลังนี้ได้ ก็ต้องใช้กำลังภายใน

กันมากมายมหาศาล ไม่ใช่ด้วยเม็ดเงินหรอก แกไม่มีเงินมากพอที่จะตัดหน้ากิจการ

อื่นได้ แต่เพราะแกเป็นที่รักของใครต่อใครนี่สิ ความร่าเริงอารมณ์ดี มองโลกแง่ดี

ช่างพูดช่างคุยช่างสงสัย เป็นผู้ฟังที่ดี เช่นที่เป็นนักตั้งคำถามอันแหลมคม เป็น

คุณสมบัติที่เจ้าของบ้านยินดีจะให้พี่เต้ยเปิดร้านตัดผม มากกว่าจะให้อีกคนหนึ่งมา

เปิดมินิมาร์ท ตรงข้ามร้านพี่เต้ยคือร้านกาแฟโกป่อง ถัดจากร้านตัดผมของแกเป็น

อพาร์ตเมนท์ ต่อด้วยลานหญ้าขึ้นแน่นเป็นพืด  ตรงกลางลานมีร่องรอยโดนย่ำจน

เหลือแต่ดินแดงๆ  ที่จับกังแถวนั้นมาเล่นตะกร้อยามเย็น


เดอ คอฟฟี่เปิดทำการได้ไม่เท่าไหร่ ลูกค้าของร้านก็เปลี่ยนหน้าไปเป็นคนหนุ่ม

สาว ความว่าเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับไอ้ตี๋ลูกชายโกป่อง รถยนต์จอดกันรายเรียง ปิด

อัพแต่งซิ่งคันหนึ่ง ลดกระจกเปิดเพลงแข่งกับเสียงลำโพงของร้าน พี่เต้ยเล่าว่ายิ่ง

ปิคอัพเปิดเพลงดังเท่าไหร่  เดอ คอฟฟี่ก็ยิ่งเร่งวอลลุ่มดังขึ้นกว่าเท่านั้น แรกๆพี่

เต้ยก็เออๆออๆ ไอ้ตี๋ก็เห็นมันมาตั้งแต่เล็ก วัยมันกำลังระเริง แกเคยผ่านช่วงวัยนี้มา

แล้วจึงเข้าใจได้ดี  แต่ไม่กี่วัน เดอ คอฟฟี่ก็เปิดร้านล่วงไปจนดึก คราวนี้ไม่ได้ขาย

เพียงกาแฟอย่างเดียวแล้วสิ ไอ้ตี๋มันดันทะลึ่งนำเสนอเหล้าปั่นขึ้นมา และนับแต่นั้น

เดอ คอฟฟี่ก็กลายเป็นร้านเหล้าสมบูรณ์แบบ หนุ่มสาวเพื่อนฝูงของไอ้ตี๋มากันแน่น

พืดเต็มร้าน เสียงทักทายเอะอะวายโวยดังลั่น  เสียงหัวเราะเฮฮาสะเทือนสะท้านไป

ทั่วทั้งซอย  เสียงเพลงที่กำลังฮอทฮิตสะท้านไปถึงห้องนอนเต้ยแฮร์คัท

ประตูกระจกสั่นไหวไปตามเสียงเบสอันหนักแน่น  เสียงโซโลกีตาร์ทะลุทะลวงล่วง

ผ่านบานหน้าต่างห้องส้วมชั้นบน เสียงชนแก้วแสดงความยินดีกับใครบางคนที่ได้กิน

ข้าวมื้อเย็นกับสาวคนรัก เสียงพูดคุยของหนุ่มๆที่เล่าถึงการได้พาสาวไปนอนมาเมื่อ

คืน เสียงตะโกนสั่งเหล้า เสียงผู้หญิงกรีดวี้ดว้ายกะตู้วู้ร่าเริง พี่เต้ยพยายามข่มตาให้

หลับ เปิดแผ่นเพลงบรรเลงกลบเสียงอึกทึกนั้น ยิ่งดึกดูเหมือนหนุ่มสาวจะยิ่งมากัน

สมทบ พี่เต้ยสงสัยว่ามันจะมากันหมดเมืองหรืออย่างไรแน่ เสียงมอเตอร์ไซค์จอด

ลากล้อดังเอี๊ยด หนุ่มๆในร้านเฮโลออกมาต้อนรับอย่างดีอกดีใจ พี่เต้ยโงหัวขึ้นมอง

ทางหน้าต่าง แสงไฟวูบวาบๆในร้าน เดอ คอฟฟี่จ้าแสบตาจนต้องรีบหยี เพ่งมองดู

จนทั่วก็เห็นมุมมืดของร้านที่อยู่ข้างในสุด ตรงนั้นมีฉากลับแลกั้นเป็นแผ่นบาง แสง

จากไฟสีเหลืองนวลโรแมนติกทำให้มองเห็นได้ มีหนุ่มสาวอยู่สองคู่กำลังกอดจูบลูบ

คลำกัน พี่เต้ยตกใจที่คู่หนึงเป็นเด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยมปลาย ผมพยายามถาม

ว่าเด็กสาวคนนั้นใส่ชุดอย่างไร เสื้อนักเรียนแขนสั้นหรือยาว? กระโปรงลายๆหรือสี

น้ำเงิน? เหมือนพี่เต้ยไม่ได้ยิน แกยังเล่าต่อไปอีกว่า มันเป็นอย่างนี้อยู่ทุกคืน ล่วง

เข้ามานี่จะสามเดือนอยู่แล้ว ซ้ำร้ายเดี๋ยวนี้มันเปิดร้านกันจนสว่าง ไม่ได้หลับไม่ได้

นอนจนแทบจะเป็นบ้าตาย  ผมจ้องขอบตาคล้ำๆของแกอย่างวิตก เหลือบมองพี่

เดือนกับเจ้าแอ้งที่นั่งหน้างอหน้าง้ำอยู่ข้างๆ  รู้สึกสงสารขึ้นมาจับจิต พี่เดือนพูด

เบาๆว่าเวลาละหมาดตอนรุ่ง ยังสะดุ้งผวากับเสียงที่หลอกหลอนมาตลอดคืน  ผมจึง

เสนอวิธีแก้ปัญหาให้พี่เต้ย  ด้วยการบอกให้โทรศัพท์แจ้งตำรวจ ผมให้คำรับรอง

กับแกว่าเรื่องมันจะจบสิ้นลงด้วยดีในเร็ววัน

Comment #2
Posted @30 มี.ค.52 22.09 ip : 118...124

3).


ไม่กี่ปีมานี้เอง ที่ผมเริ่มสังเกตว่าหน้าผากของผมเถิกขึ้นไปเยอะ  ความกลัดกลุ้มใจ

ทำให้ต้องครุ่นคิดตลอดเวลา เที่ยวสืบถามหาวิธีป้องกันผมร่วงจากใครต่อใคร มันคัน

ยุบยับๆตรงตีนผม อาบน้ำสระผมแต่ละครั้ง ก็จะได้เศษผมร่วงขยุ้มใหญ่ๆ  ผมคงใช้

ยาสระผมชนิดที่มีสารเคมีเจือปนอยู่ แต่ยี่ห้อไหนล่ะที่ไม่ใช้สารเคมีเลย? จึงซื้อ

มะกรูดลูกย่อมๆมาสองลูก จัดแจงหมกไฟพอหอมๆ ผ่าออกแล้วใช้สระตอนอาบน้ำ

ตรงที่มันคันยุบยับๆก็แสบซะจนซี้ดปาก ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ยิ่งวันก็ยิ่งคันลามไป

ถึงกลางกระหม่อม ผมใช้กล้องดิจิตอลถ่ายรูปตรงขวัญ เส้นผมหยักศกดกดำหนา

เตอะอยู่รอบๆล้อมขวัญที่แวววับ มันจะเป็นง่ามเทโพหรือชะโดตีแปลงแล้วก็ไม่รู้ ผม

เครียด ดูเหมือนยิ่งเครียดผมก็ยิ่งร่วง ผมพยายามพักผ่อนจิตใจด้วยการออกกำลัง

กาย ทุกเย็นจะวิ่งรอบสนามฟุตบอลในโรงเรียน ได้ยินมาว่าการออกกำลังกายทำให้

สุขภาพจิตสดชื่น มันจะช่วยทำให้ฮอร์โมนของเรามีพลานุภาพที่ดี    ผมหวังเงียบๆ

ในใจ  ว่าสักวันมันคงจะดกดำขึ้นมาอีกครั้ง


และนั่นเป็นเหตุที่ทำให้ผมหายหน้าไปจากเต้ยแฮร์คัทนับสองสามเดือน ช่วงเวลานี้

ผมไม่ได้ข่าวคราวอันใดของพี่เต้ยเลย แต่ยังเชื่อว่าร้านเหล้าตรงข้ามก็ยังคงเปิดจน

สว่าง  และพี่เต้ยเองก็คงยังนอนไม่หลับ คงคลุ้มคลั่งแทบจะฆ่าคนสักคนในร้าน

เหล้านั้น เย็นวันหนึ่งที่ผมรู้สึกรำคาญกับทรงผมไม่เป็นระเบียบ ยิ่งอากาศร้อนๆก็ยิ่ง

ทำให้รู้สึกหงุดหงิดอะไรต่อมิอะไรได้ง่าย มิน่าล่ะที่พักหลังๆผมมักจะขุ่นเคืองใน

เรื่องไม่เป็นเรื่องได้เสมอ ร้านเต้ยแฮร์คัทยังคงเปิดบริการ มองผ่านประตูกระจกก็ไม่

เห็นลูกค้าสักราย เห็นแต่พี่เต้ยนั่งทำอะไรไม่รู้ยุกๆยิกๆ  ผมเหลือบมองร้านเหล้าตรง

ข้าม แม่เจ้าโว้ย  นี่มันยกโขยงมาทั้งจังหวัดหรือไงกัน  ฟ้ายังไม่ทันจะมืดแท้ๆ ผม

เดินสงบจิตต่อเสียงเพลงรกหูที่สะเทือนฟ้าสะท้านดินเข้าร้านตัดผม  เห็นพี่เต้ย

เหลือบมองมาด้วยดวงตาดุๆ  มีดที่แกกำลังนั่งลับส่งเสียงความคมกริบฟังถนัด พี่

เดือนกับเจ้าแอ้งนั่งใจหายใจคว่ำอยู่หลังร้าน ผมไม่รู้จะเดินกลับหรือนั่งลงดี ได้แต่

ยืนมองด้วยความมึนงง ปนเปไปกับความรู้สึกหวาดหวั่นในลางสังหรณ์บางอย่าง พี่

เต้ยก้มหน้าลับมีดต่อ แม้จะส่งเสียงทักและเรียกให้นั่งคอยก็ตามที ผมกลับทำได้

เพียงยิ้มแห้งๆ ไม่เข้าใจว่าแกกำลังจะทำอะไร ขณะที่ผมโบกมือให้พี่เดือนทำนอง

ว่าค่อยมาวันหลัง พี่เต้ยก็ลุกขึ้นยืน ยิ้มเหี้ยมปรากฏผ่านหนวดครึ้มรอบปาก

มึงเจอกูแน่ พี่เต้ยรีบสาวเท้าก้าวพรวดๆออกไป ผมผวาหลีกทางจนเซไปชนกับ

เก้าอี้ตัดผม ตั้งสติได้ก็รีบวิ่งออกไปห้าม คว้าหมับติดตรงคอเสื้อด้านหลัง

แล้วกระชากกลับเข้ามาในร้านอย่างแรง บอกแกใจเย็นๆ หันไปสั่งพี่เดือนให้เอาผ้า

ชุบน้ำมาให้ พี่เดือนยืนตัวสั่นละล่ำละลักเล่าเหตุการณ์ ผมบอกย้ำให้เอาผ้าชุบน้ำมา

ก่อน ตอนนี้ไม่อยากฟังอะไรทั้งสิ้น ได้มาก็เช็ดใบหน้าพี่เต้ยแรงๆจนทั่ว ใช้ผ้า

ประคบตรงท้ายทอยแล้วบีบนวดบริเวณขมับ พี่เต้ยหอบหายใจแรง สันกรามขบกัน

นูนแน่น ดวงตาถมึงทึงแดงฉานไปด้วยโทสะ ผมบอกพี่เดือนชุบน้ำผ้ามาให้อีก

ประคบตรงดวงตาแล้วใช้ฝ่ามือกดเบาๆ  ไม่นานพี่เต้ยก็รู้สึกดีขึ้น  แกถอนหายใจ

เฮือกใหญ่ กล่าวขอบคุณผมเบาๆ  จากนั้นเรื่องราวต่างๆก็พรั่งพรูมา


หลายคืนก่อน เจ้าแอ้งอ่านหนังสือเพื่อจะสอบกลางภาค แม้จะพยายามสงบสติสร้าง

สมาธิในการอ่านเพียงใดก็ตามที แต่เสียงที่อึกทึกนั้นมันกลับโครมครามให้อารมณ์

ขุ่นมัว มันลุกขึ้นยืนมองออกไปทางหน้าต่าง เห็นพวกขี้เมากำลังเฮฮากันอย่างสนุก

สนานสุดเหวี่ยง เสียงชนแก้วเสียงตะโกน เสียงเพลงเสียงเบิ้ลคันเร่งมอเตอร์ไซค์

เจ้าแอ้งข่มตาดับหูเอาไว้  หันกลับไปอ่านหนังสือตามเดิม จะตีสองอยู่อีกไม่กี่นาที

เวลายิ่งล่วงดึก มันยิ่งส่งเสียงสับสนอลหม่าน พี่เต้ยลุกเดินจากห้องนอนไปหาเจ้าแอ้

ง มองลูกชายด้วยความสงสารเห็นใจ  ครั้นหันไปมองร้านเหล้า ก็ยิ่งรู้สึกโกรธเกลียด

อย่างที่ไม่เคยโกรธเกลียดใครได้เท่านี้มาก่อน แกเดินไปคว้ามีดขนาดใหญ่ในครัว

กำมันไว้แน่นจนเส้นเอ็นท่อนแขนปูดโปน พี่เดือนฉุดกระชากเอาไว้ อ้อนวอนร้องขอ

ให้พี่เต้ยใจเย็นๆ บอกว่าเราย้ายไปอยู่ที่ใหม่ก็ได้ ลูกค้าของเราต้องตามไปถึง และ

เขาจะเข้าใจเราดี พี่เดือนพยายามข่มความกลัว แกไม่เคยเห็นพี่เต้ยน่ากลัวได้เท่านี้

มาก่อนเลย แกเสนอให้ย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านเกิดของพี่เต้ย  เปิดร้านตัดผมหรือจะ

ทำมาหากินอย่างอื่นก็ได้ทั้งสิ้น ส่วนเจ้าแอ้งก็ให้มันออกไปอยู่หอพักตามลำพัง

สารพัดข้อเสนอที่พี่เดือนยกอ้าง พี่เต้ยกัดฟันดังกรอดๆ  วางมีดลงแล้วโทรศัพท์แจ้ง

ตำรวจตามที่ผมเคยแนะนำ


รออยู่พักใหญ่ สายตรวจจึงเดินทางมาถึง  ร้านเหล้ากลับเป็นเพียงร้านที่มีหนุ่มสาว

นั่งจิบกาแฟกันไม่กี่คน ขวดเหล้าขวดเบียร์และเศษขยะต่างๆถูกกวาดเรียบร้อย

สะอาดสะอ้านไม่มีร่องรอยของคนเมาเมื่อครู่ที่ผ่าน พี่เต้ยยืนงง ครั้นสายตรวจเดิน

ตรวจร้านเหล้าเสร็จก็มาหาพี่เต้ย ขอคำอธิบายที่แจ้งเรื่องอันไม่เป็นจริง  ก่อนจะ

บอกว่าอย่าทำอย่างนี้อีก  ไม่เช่นนั้นจะจัดการในข้อหาแจ้งความเท็จแก่พนักงาน

แล้วก็ขับมอเตอร์ไซค์จากไป  ผมเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งจึงถามย้ำไปว่าคืนนั้นมีคนเมา

กันมากมายแน่หรือ?  พี่เต้ยจ้องตาผมลุกวาว พึมพำอะไรบางคำออกมา ผมก็ได้ยิน

ไม่ถนัดนัก


บทสรุปของพี่เต้ยที่ผมบอกให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจคือไม่ได้ผล แม้จะเดินทางไป

โรงพักเพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันอีกครั้งแล้วก็ตาม ก็ยังไม่มีเจ้าหน้าที่มาตรวจ

ตราแม้สักคืนเดียว เต้ยแฮร์คัททุรนทุรายอยู่ในบรรยากาศอันทุกข์ทรมาน ทุกคนเริ่ม

ซูบผอม พี่เต้ยดึงเอวกางเกงยีนให้ดู บอกว่าไม่นานมานี้มันถูกเก็บลืมไปแล้ว พี่

เดือนยิ้มเศร้าๆ ความสวยแบบสาวมุสลิมของแกมีรอยเหี่ยวย่นตามตีนกาและหน้า

ผาก ส่วนเจ้าแอ้งนั้น คู่คิ้วของมันขมวดปมเข้าหากันจนยับยู่ ผลการสอบกลางภาคที่

ผ่านมันทำได้เพียงเฉียดฉิว แกพยายามแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี ด้วยการโทรศัพท์ไป

เล่าเรื่องราวอันน่าเวทนาในชะตากรรมทางคลื่นวิทยุหนึ่ง ผู้จัดรายการปล่อยให้

แกระบายออกมาจนหมดสิ้น โดยพยายามกำกับควบคุมอารมณ์และคำพูดร้อนแรง

ไว้  มันได้ผลในทางจิตวิทยา หลังจากได้พูดระบายบอกกล่าวทั้งหมด แกก็รู้สึก

โปร่งเบาผ่อนคลาย วันนั้นแกกินข้าวได้เยอะกว่าทุกครั้ง แต่ยังนอนหลับไม่ลง

เหมือนเดิม


หลังจากผมหายไปสองสามเดือน เย็นวันที่ผมเจอพี่เต้ยลับมีดแล้วเผ่นแผล็วจะไป

ฟันหัวไอ้ตี๋นั้น พี่เดือนเล่าว่าคืนก่อนเจ้าแอ้งมันอ่านหนังสือตามปกติ แสงจากโคม

ไฟสว่างพอที่จะมองเห็นตัวหนังสือ  ขณะที่กำลังจมดิ่งกับการอ่าน และการผ่าน

เสียงอึกทึกมาหลายเดือนจนทำให้เริ่มมีสมาธิได้นั้น จู่ๆก็มีเสียงพลุดังขึ้นเหนือ

หลังคาบ้าน จากนั้นก็ตามมาด้วยพลุอีกหลายดอก ประทัดอีกหลายตับ นาฬิกาบอก

เวลาเที่ยงคืนเป๊ะๆ แล้วขยับเข็มนาทีเพื่อย่างเข้าวันตรุษจีน กลิ่นกำมะถันคละคลุ้ง

ไปทั่วถนน ล่องลอยลอดเข้าล้อเลื่อนบานกระจกหน้าต่างห้องนอน พี่เต้ยสะดุ้ง

เฮือก เจ้าแอ้งสะดุ้งโหยง พี่เดือนสะดุ้งผวา เสียงเพลงจีนเปิดดังลั่นมาจากร้าน

เหล้า พี่เต้ยคว้ามีดได้ก็จะเผ่นแผล็วออกไป  พี่เดือนกับเจ้าแอ้งยื้ดยุดฉุดเอาไว้เต็ม

แรง กระนั้นเจ้าแอ้งเองนี่แหละ ที่จู่ๆก็ปล่อยมือพี่เต้ย ทะลึ่งพรวดเปิดประตูไปยืน

จ้องอยู่หน้าร้าน สายตานับสิบสิบคู่มองมาทางมัน เจ้าแอ้งโกรธก็โกรธ แต่เมื่อเห็น

จำนวนคนที่มากกว่าจ้องมองมา มันจึงหันหลังกลับปิดประตู แล้วเสียงหัวเราะก็ถล่ม

ทลายลงมาเต็มร้านเต้ยแฮร์คัท  คืนนั้นพี่เต้ยนอนเอาหมอนปิดหู เสียงพลุเสียง

ประทัดยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง ตรงโน้น ตรงนั้น มุมโน้น มุมนั้น ทั้งใกล้และไกล

ที่สุดแกบอกกับตัวเองว่าเออ กูยอมแพ้ กูจะไปอยู่ที่อื่น


มีหลายวิธีที่พี่เต้ยคิดจะจัดการร้านเหล้า ทั้งจุดไฟเผาร้าน ทั้งหาซื้อปืนมายิงหัวทีละ

คน แกว่าวางปืนกับขอบล่างหน้าต่าง ปิดไฟในห้องให้มืด ติดเลเซอร์แล้วเล็งไปที่

หัวทีละคน  หนึ่งปังก็หนึ่งศพ ทีละปังทีละศพ ถ้าจับไอ้ตี๋ได้เป็นๆ แกจะใช้เชือกมัด

มือกับตีนมันไว้ด้วยกัน เอาผ้าปิดปาก แล้วกระทืบลงไปบนใบหน้า กระทืบให้ฟันมัน

หักไปทีละซี่ทีละซี่  หรือจับมันได้ก็พาขึ้นรถไปที่ไกลๆเปลี่ยวๆ  ขึงพืดมันไว้ เปลื้อง

ผ้ามันออกทีละชิ้น จากนั้นใช้สากกะเบือที่ผ่านการตำน้ำพริกมาหมาดๆยัดทะลวง

หูรูดมัน ผมฟังวิธีจัดการของพี่เต้ยอย่างเสียวไส้ ขนลุกขนพองตาปริบๆอย่างไม่เชื่อ

ว่าคนเราจะสามารถโกรธเกลียดกันได้ถึงขนาดนี้

แจ้งตำรวจแล้วไม่ได้ผล ก็ต้องแจ้งกับโจรเท่านั้นแหละวะ พี่เต้ยยืนยันหนักแน่น


เหตุการณ์เลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ ผมเองก็ไม่แน่ใจนักว่าร้านไอ้ตี๋มันจะผิดมากน้อยแค่

ไหน มันก็เปิดร้านทำมาหากินของมันเป็นปกติ ปกติเหมือนร้านเหล้าอื่นๆทั่วไป ที่จะ

ต้องมีเสียงเอะอะมะเทิ่งเอ็ดตะโรดังลั่น บางทีพี่เต้ยอาจจะผิดเองที่เปิดร้านใน

บริเวณนั้น หรือเป็นไอ้ตี๋ที่ผิด? ที่ไม่รู้จักเกรงใจชาวบ้านร้านช่องข้างๆ  ผมไม่แน่ใจ

นักหรอก  แต่การส่งเสียงรบกวนคนนอนหลับนั้น ผมว่ามันเป็นเรื่องแย่ทีเดียว


ก่อนผมจะเดินเข้าร้านในเย็นวันนั้น เจ้าแมวอาหรับก็เดินส่ายตูดอยู่บนฟุตบาธตาม

ปกติ มันจะเดินรับลมยามเย็นไปจนถึงลานหญ้าข้างร้าน จากนั้นก็นอนกลิ้งเกลือกกับ

ดินสักพัก แล้วเดินกลับมาใช้ขาหน้าตบประตูเบาๆ  พร้อมกับส่งเสียงเรียกเมี้ยวๆให้

พี่เต้ยเปิดประตู


แต่วันนั้นมันหายไปนานจนผิดสังเกต พี่เต้ยชะเง้อมองตลอดฟุตบาธ เดินตามไปถึง

ลานหญ้า มองดูจนทั่วก็ไม่เจอเจ้าแมวแสนสวยนั่น แกตาลีตาเหลือกออกตามหาจน

ทั่วทั้งซอย ก็ยังไร้วี่แววแม้เงา แกเดินกลับร้านใจไม่ค่อยดี ส่งเสียงเรียกเมี้ยวๆอยู่

เป็นระยะ ตั้งข้อสันนิษฐานว่าร้านเหล้าตรงข้ามคงแกล้งแกเป็นแน่  แล้วแกก็เชื่อเป็น

ตุเป็นตะ  ใช่แน่แล้ว  มันคงแกล้งแกแน่  เดินไปคว้ามีดมาถือไว้มั่น โบกมือห้ามพี่

เดือนกับเจ้าแอ้งว่าอย่ามาห้ามอีกเลย วันนี้เป็นไรเป็นกัน  ลองลูบๆก็รู้สึกว่ามันยังไม่

คมพอ ผมจึงเห็นแกตั้งแต่ยืนอยู่หน้าร้านว่ากำลังทำอะไรยุกๆยิกๆ  แกไล่พี่เดือนกับ

เจ้าแอ้งให้อยู่หลังร้าน ก้มหน้าก้มตาลับมีดอย่างเกี้ยวกราด  เป็นจังหวะเดียวกับที่

ผมผลักประตูทะเล่อทะล่าเข้าไป  เสียงลับมีดดังจนผมขนลุก  พลันนั้นเราทุกคนก็

ได้ยินเสียงร้องเมี้ยวบาดแก้วหู พร้อมกับเสียงล้อรถที่วิ่งไปโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

พี่เต้ยสะดุ้งพรวดรีบถลันออกไปดู  ปากอ้าตาค้างเมื่อเห็นกองตับไตไส้พุง ที่เละ

ออกมากองรวมกับขนนวลๆของไอ้แมวอาหรับ พี่เดือนร้องกรีดเสียงยาว เจ้าแอ้งได้

แต่กลืนน้ำลายด้วยความอกสั่นขวัญหาย พี่เต้ยแหกปากตะโกนด่าทอลั่น ตะเบ็ง

เสียงจนเอ็นคอปูดโปน มือกำมีดแน่นจนข้อนิ้วเกร็งแกร่ง แกเชื่อเป็นแม่นมั่นว่าเพื่อน

ไอ้ตี๋ต้องแกล้งแกแน่ ด้วยความโกรธสุดขีดแกรีบวิ่งหมายจะไปกะซวกไอ้ตี๋ร้าน

เหล้า จึงชนเอากับผมถนัดถนี่  โชคดีที่แกถือมีดอยู่อีกข้าง  พอผมคว้าคอเสื้อ

กระชากกลับมาให้สงบสติอารมณ์ได้แล้ว  แกก็สะอื้นฮัก

บังพยายามแล้ว แกพูดเสียงเครือ น้ำตายังไหลด้วยความคับแค้นใจ

มันเหลือวิธีเดียว มันเหลือทางออกสุดท้ายแล้ว แกกำมีดในมือแน่นจนเหงื่อชุ่ม

ผมมองร้านเหล้าไอ้ตี๋อย่างเลื่อนลอย





นิตยสาร ค คน  เดือน มีนาคม 2552

Comment #3
nana (Not Member)
Posted @3 เม.ย.52 17.34 ip : 58...161

โห...น้าหมี่ หลอกให้เลื่อนขึ้นเลื่อนลงอ่านเมื่อยลูกกะตาแทบหลุด
มาเฉลยตอนจบว่าอยู่ใน ฅ คน รู้งิหาสืออ่าน  :d

Comment #4
Posted @7 เม.ย.52 11.36 ip : 202...155

แวะมาอ่านแล้ว

สบายดี เด๊อ  ลุง

#)

Comment #5
Posted @7 เม.ย.52 21.41 ip : 118...59

สบายดีครับน้าปภพ


มาถึงก้อเรียกผมลุงเลยนะ

Comment #6
Posted @8 เม.ย.52 9.58 ip : 202...155

ในสถานการณ์ที่กดดัน  พี่เต้ยถูกต้อนจนมุม โชคดีที่ยังมีทางออกเหลืออยู่อีกด้าน......

สถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ก็มีการกดดัน  ถ้าไม่ช่วยกันแก้ไขเราอาจไม่มีทางออก.....

Comment #7
Posted @8 เม.ย.52 11.43 ip : 118...161

ดูท่าหมดหวังแล้วครับน้า  ทุกฝ่ายต่างหลังพิงฝาทั้งนั้น และที่สำคัญแพ้ไม่ได้


ผมยังเชื่อมาจนบัดนี้นะครับ  ว่าถ้าให้มีการเลือกผู้ว่าฯ  สถานการณ์จะคลี่คลายลงไปเยอะ  แต่มันสายเกินไปแล้วละครับ

แสดงความคิดเห็น

« 3575
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 32 user(s)

User count is 2273026 person(s) and 8985705 hit(s) since 16 เม.ย. 2567 , Total 550 member(s).