ว่าด้วยชนชั้น
1.
หลายปีมานี้ได้ยินคำว่าชนชั้นเยอะมาก แรกๆก็ตะลึง ด้วยไม่ได้ยินคำนี้มานานแล้ว ต่อมาก็ชินๆกันไป จำได้ว่าเมื่อสัก 20 กว่าปีก่อน หากใครพูดคำนี้ก็จะถูกมองด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ ความที่มันเป็นคำของคอมมิวนิสต์นั่นแหละ สังคมไทยตอนนั้นก็เพิ่งผ่านพ้นสงครามความคิดมาหมาดๆ (นับเอาจากนโยบาย 66/23) พอสังคมไทยเริ่มเข้าสู่โลกาภิวัตน์ คำๆนี้ก็แทบจะหายไปจากพจนานุกรมเลย มันเป็นยุคทุนนิยมครองโลกเบ็ดเสร็จและเด็ดขาด ทุนใหญ่มหึมาของไทยเองก็เรียนรู้วิธีเอาตัวรอดจากทุนข้ามชาติ การต่อสู้ระหว่างทุนดุเดือดอย่างยิ่ง ดำเนินการปะทะอย่างดุเดือดและสนุกสนาน จนผมเองยังคิดว่าสังคมเราคงจะต้องก้าวเดินไปบนหนทางแห่งทุนเช่นนั้น ยิ่งเมื่อคุณทักษิณเข้ามาเล่นการเมือง และบริหารราชการแผ่นดินด้วยระบบบริษัท ก็คิดว่าเราจะเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยทุนแน่แท้
เกริ่นพอหาตะเข็บน่ะครับ(ฮา)
ต่อมาในปีหลังๆผมก็ชินกับคำว่าชนชั้นที่ได้ยินพร่ำเพรื่อตลอด ครั้นถามว่าอะไรคือชนชั้น ดูกันตรงไหน ก็อึกอักๆอยู่ในคอ ในเฟสบุ๊คก็เคยถามเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนอีกที(ฮา) ว่าช่วยอธิบายคำว่าชนชั้นหน่อยได้ไหม บางทีคำๆนี้อาจถูกบัญญัตินิยามขึ้นใหม่แล้วผมไม่รู้ก็ได้ ก็ได้รับคำตอบว่าเธอไม่ได้เข้ามาเพื่อทะเลาะกับใคร เป็นซะงั้นไป ผมถามเธออย่างสุภาพครับ ด้วยความอยากรู้จริงๆ หรือบางทีที่ผมเข้าใจตลอดมานั้นผิดก็ได้
ผมมีช่างตัดผมเจ้าประจำ ตัดมา 20 กว่าปีแล้ว แกแดงแปร๊ดเลยล่ะ แต่เราคุยกันได้ ไม่มีทะเลาะทุ่มเถียง ทุกครั้งที่คุยสนุกสนานเฮฮา ทั้งที่ยืนคนละขั้ว ขอออกตัวก่อนนะครับ ผมไม่เหลืองนะครับ ที่เคยส่งบทกวีขึ้นเวทีเหลืองตอนโน่น ก็เพราะเข้าร่วมด้วยในฐานะที่ไม่เอาคุณทักษิณ (ซึ่งผมมีเหตุผลหนักแน่นส่วนตัว) ครั้นหมดภารกิจนั้น และเห็นภารกิจของเหลืองที่ขยายกว้างออกไป ผมก็โจนตัวเองออกมาครับ แต่เอ่อ ผมก็ไม่ ปชป. นะครับ (ฮา) วุ้ย ทำไมการมีชีวิตในประเทศนี้ลำบากลำบนจริงๆวะเนี่ย
หากช่างตัดผมของผมเข้ามาอ่านมาเห็น ก็ขออนุญาตนะพี่ 555 ขอเอามาเขียนเล็กๆน้อยๆพอเป็นกรณีศึกษาเป็นวิทยาทานเท่านั้นนะครับ
แกก็พูดคำว่าชนชั้นนี้บ่อยมาก จนวันหนึ่งถามแกว่าชนชั้นหมายถึงอะไร ยังไง ลักษณะเป็นอย่างไร อะไรเป็นตัวกำหนด แกก็ตอบไม่ได้ แกตอบไม่ได้แกก็บอกตรงๆว่าไม่รู้ ถามผมกลับ ก็บอกแกว่าผมไม่รู้หรอก เพราะผมไม่ใช่มาร์กซิสต์ ได้แต่เคยได้ยินคำๆนี้มานานมาก แต่ก็บอกแกว่าจะจัดใครให้อยู่ชนชั้นไหนนั้น ก็ให้ดูที่การผลิตทั้งกระบวนการ คนทำนาปลุกข้าวก็เป็นชนชั้นชาวนา คนใช้แรงงานก็เป็นชนชั้นกรรมกร พ่อค้าทุนน้อยก็เป็นนายทุนน้อยหรือกระฎุมพี ทุนใหญ่ก็เป็นนายทุนใหญ่ เจ้าก็เป็นศักดินา
แต่-
จริงหรือที่ดูกันแค่นั้น?
เลยยกตัวอย่างของแกนี่แหละ ที่แกว่ามีที่นาอยู่ 200 กว่าไร่ ผมบอกว่านี่ไม่ใช่ไพร่ ไม่ใช่ชนชั้นชาวนาแล้วล่ะ แต่เป็นเจ้าที่ดิน แม้ว่าที่นานั้นจะปลุกอะไรไม่ได้ผลก็ตาม และเมื่อแกหันมาตัดผมในห้องแอร์ แกเป็นชนชั้นไหน? รายได้ที่พอต่อการส่งลุกเรียนหนังสือ + เรียนพิเศษ ค่าแอร์ค่าไฟ ซื้อบ้าน 1 หลัง นี่ย่อมเป็นชนชั้นกลางแน่นอน
หรือกรณีที่ทุนใหญ่กว้านซื้อที่ดินจำนวนมหาศาล เพื่อทำโครงการจัดสรร หรือปลุกข้าวพันธุ์เลวไว้เลี้ยงสัตว์ในฟาร์มของตน เขาเป็นแค่ชนชั้นกลางค่อนไปทางสูง,กระฎุมพี,หรือ? ก็ไม่น่าใช่ เพราะเขาสามารถที่จะบันดาลอะไรก้ได้ด้วยเงิน และจำนวนที่ดินมหาศาลนั้นก็ต้องเรียกเขาว่าศักดินาด้วย
หลายๆกรณีที่เป็นปัญหาใหญ่โต ไม่ว่าที่บ้านกรูด,เขื่อนลำมูน,ท่อก๊าซจะนะ,ป่าวัดจันทร์ เชียงใหม่, หรือการเผาสลัมใน กทม. กรณีนากุ้งที่ระโนดอันเคยเป็นแหล่งผลิตข้าวพันธุ์ดี ทำให้ผมสงสัยว่าชนชั้นไหนกันแน่ที่ทำร้ายคนยากคนจนมาอย่างเปิดเผย
ชนชั้นไหนกันแน่ที่ทำร้ายคนยากจน ที่สูบเลือดเอาจากปูมาโดยตลอด ที่ขุดรีดและไม่เคยสนองตอบกลับคืนแม้แต่น้อยเลย
ผมงงกับคำว่าชนชั้นในปัจจุบันพอสมควร วิถีชีวิตของทุน มองให้ดีก็ไม่ต่างเลยกับวิถีศักดินาในสมัยอยุธยา สงสัยว่าทำไมจึงไม่อธิบายคำว่าชนชั้นให้เข้าใจร่วมกันอย่างถูกต้อง และจะจัดคุณทักษิณให้อยู่ในชนชั้นไหน? ทุน?
สำหรับผม คุณทักษิณนี่แหละคือโมเดลของศักดินาใหม่ที่ชัดเจนที่สุด
2.
สังคมเราทะเลาะด้วยเรื่องระบอบการปกครองมานานเนิ่นมาก ครั้นเหลียวมองโลก ผมกลับพบว่าไม่เคยมีการปกครองในประเทศไหนที่ดีเลย หมายความว่าไม่มีการปกครองไหนที่ไม่เป็นปัญหาต่อประชากร แม้จะอนุโลมเอาคนหมู่มากเป็นหลักก็ตาม ไม่มีการปกครองใดเลยที่มนุษย์คิดค้นขึ้นมาแล้วอยู่ร่วมอย่างผาสุขถ้วนหน้า ปชต. อาจจะเป็นวิถีที่เลวน้อยกว่าตามความเข้าใจของเรา
แต่ ปชต. อย่างมะกัน,อังกฤษ,ฝรั่งเศส ก็มีปัญหาต่อประชากรประเทศอื่น หรือแม้กับของตนเองก็เถอะ กรณีลิเบียที่พันธมิตรร่วมมือกันกำราบกัดดาฟี่ มีคนกี่มากน้อยที่เชื่ออย่างบริเสุทธิ์ใจจริงว่าทำไปเพื่อพลเมืองลิเบีย เพราะดูแล้วก็คล้ายๆกับยุคหนึ่งของเขมรหรือเวียตนาม
ผมคิดว่าโลกเรามีการปกครองเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่เป็นอยู่มา คือเผด็จการ ทั้งเผด็จการชนชั้นกรรมาชีพและเผด็จการรัฐสภา ไม่เคยมีประเทศไหนทะลุขั้นตอนนี้ไปสู่สังคมอุดมคติได้เลย
ขีดวงกลมมา 1 รูป ตั้งต้นจรดปากกาลากเส้นมาทางขวาตามรอยขีด ให้หยุดตรงจุดที่ตั้งฉากกับจุดตั้งต้น แล้วสมมติเรียกส่วนนี้ว่าประชาธิปไตย จากนั้นก็ทำเ่ช่นเดียวกันเพียงแต่เป็นด้านซ้าย สมมติให้เป็นคอมมิวนิสต์
ทั้ง 2 ฟากนี้มีขั้นตอนเช่นเดียวกันคือ- 1.ปฏิวัติ เป็นการถอนรากถอนโคนสังคมเก่าทั้งระบบให้สิ้นซาก แล้วสถาปนาสังคมใหม่
2.ฮันนี่มูน เป็นช่วงเฉลิมฉลองความสำเร็จของการปฏิวัติ บ้านเมืองยังไร้ขื่อแป โกลาหลวุ่นวาย
3.เผด็จการชนชั้นกรรมาชีพ,เผด็จการรัฐสภา เป็นช่วงที่ผู้ดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาตามอุดมคติของตน
4.สังคมคอมมิวนิสต์,สังคมประชาธิปไตย ซึ่งอยู่ในจุดเดียวกับจุดที่ตั้งฉากกับจุดตั้งต้น ความหมายของสังคมนี้อยู่ที่การละลายความแตกต่างล้ำเหลื่อมของคนออกไป มีความเท่าเทียม มีสิทธิเสรี
โลกผ่านมาเพียงขั้นตอนที่ 3 เท่านั้น ยังไม่มีประเทศไหนบรรลุวัตถุประสงค์ของการปฏิวัติได้เลย และว่ากันจริงๆนั้นเราคงไม่มีทางพบสังคมเช่นนั้นได้แน่บนโลกใบนี้
แต่เราก็ถกเถียงทะเลาะจนกระทั่งสามารถฆ่ากันได้ ด้วยเรื่องของวาทกรรม ปชต. ทั้งที่เราไม่เคยรู้จักมันจริงๆ ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมันมาเลย
วันก่อนมีน้องนักศึกษาคนหนึ่ง กล่าวว่า ปชต. นี้ไม่ดีเลย เพราะทำให้คนทะเลาะกัน และอีกมากที่เขาอธิบายด้วยความไม่รู้ ผมมาขบคิด ทำไมเราต้องเป็น ปชต.? หรือคอมมิวนิสต์? หรือเผด็จการ? เราหลงติดอยู่กับนิยามและรูปแบบใช่ไหม?
หากเรามีผู้ปกครองที่ชื่อฮิตเลอร์ขึ้นมา แล้วสามารถทำให้เราอยู่ดีมีสุข กินอิ่มนอนหลับ มีความสุข ไม่อายโลก มีเกียรติ เราจะยินยอมไหม?
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราต้องบอกตัวเราเองด้วย ว่าผู้ปกครองจะโกงกินทำเลวอย่างไรก็ได้ ขอให้ทำงานก็พอ-ไม่ได้เด็ดขาด เพราะคุณูปการคือคุณูปการ แต่ผิดคือผิด จะเอามาหักลบกันไม่ได้อย่างเด็ดขาดโดยสิ้นเชิง
3.
เราเป็นประเทศเกษตรกรรม อยากจะเป็นครัวโลก เราปลูกข้่าวพันธุ์ดีส่งขายต่างชาติ แล้วที่เหลือกากนั้นเอามาให้เรากิน สินค้าเกษตรเป็นรายได้หลัก
แต่เราผลิตปุ๋ยเองไม่ได้นี่สิเรื่องแปลก
จริงๆเราผลิตเองได้ และผลิตแล้วก็เหมาะกับสภาพเกษตรของเรา ทุกวันนี้ปุ๋ยสั่งมาจากสวีเดน ซึ่งทำให้เกษตรกรต้องใช้ปุ๋ยแพง ต้นทุนสูง ผู้บริโภคก็ต้องซื้อผลผลิตในราคาแพงตามไปด้วย
แต่ต้นทุนสูง โดยเฉพาะค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง เกษตรกรก็ต้องพึ่งพิงอยู่กับดินฟ้าอากาศเป็นหลัก ปีไหนอาเพศก็วายป่วงกันถ้วนหน้า ในขณะที่โรงสี และพ่อค้าคนกลางที่ไม่ได้ลงทุนในการผลิต ยังคงกำไรเอาไว้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ยิ่งผลผลิตมีน้อย ราคาก็ยิ่งสูงขึ้น ตามลักษณะดีมานด์ซัพพลาย
เกษตรกรต้องใช้ปุ๋ยใช้ยาฆ่าแมลง เพราะต้องการปลุกพืชให้ได้ผลผลิตที่สูงเพื่อการส่งออก เป็นการปลูกพืชเชิงเดี่ยวเพื่อการพานิช นั่นทำให้เมื่อถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยว สินค้าก็จะออกมาพร้อมกัน ทำให้เกิดการล้นตลาด และราคาก็จะลดลงฮวบ
นะครับ แผนพัฒนาฯระดมให้ปลูกพิชเชิงเดี่ยวเพื่อการพานิช ทำให้เกษตรกรใช้ปุ๋ย,ยา ที่มีราคาแพง ต่อมาผลผลิตล้นตลาด ราคาตก เกษตรกรขาดทุนยับ แต่นายหน้าพ่อค้าคนกลางยังคงกำไรเหมือนเดิม
มันเป็นทอดๆ แต่หากเราผลิตปุ๋ยเอง เกษตรกรก็จะใช้ปุ๋ยในราคาต่ำ ลดต้นทุนการผลิตได้
เราผลิตปุ๋ยเองได้ไหม?
ได้แน่นอน แต่ที่ไม่ผลิตเป็นเพราะอะไร?
การรวมกลุ่มของคนเสื้อแดง ส่วนใหญ่มาจากเหนือและอีสาน ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขารักทักษิณ นั่นเพราะทักษิณทำให้เขารู้สึกมีคุณค่าขึ้นมา หลังจากที่ทุกรัฐบาลเพิกเฉยละเลยพวกเขามาโดยตลอด และหากพรรคไหนอยากได้ใจคนพื้นที่นั้น ก็ต้องทำให้พวกเขารักและลืมทักษิณให้ได้ ซึ่งยากมาก
ตามจริงเรื่อง "รักทักษิณ" นี่แหละ คือหัวใจของการชุมนุม และการแก้ปัญหาเรื่องการชุมนุม ซึ่งตอนนี้ "รัก" นั้นได้หลอมคนเสื้อแดงให้คิดกลับไป "ไม่รัก" คนที่เขาคิดว่าอยู่ฝ่ายตรงข้ามทักษิณแล้วด้วยซ้ำ กระบวนการตรงนี้หากรัฐไม่คิดแบบย้อนไปย้อนมา ไล่หาโครงสร้างของ "รัก" รัฐก็มีแต่จะเพลี่ยงพล้ำ และที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้ไปทั้งองคาพยพ ไม่ก็เกิดการนองเลือดขึ้นอย่างใหญ่โตมโหฬารแน่
กลับมาที่เรื่องคนเสื้อแดงชุมนุมกันต่อ
หลายปีมานี้เราจะเห็นได้ว่าเสื้อแดงเหนียวแน่นเพียงไร การชุมนุมแต่ละครั้งมากมายมหาศาล และพร้อมเพรียงพร้อมใจกัน ทุกคนภูมิใจในความเป็นไพร่ ไพร่ในความหมายของคู่ตรงข้ามกับศักดินา
แต่เสื้อแดงทุกคนเป็นไพร่จริงหรือ?
ชนชั้นไพร่คือชนชั้นล่างของสังคม มีรายได้เขม็ดแขม่ มีชีวิตที่ต้องดิ้นรนตามยถากรรม แต่การรวมกุล่มชุมนุมนั้น เรากลับพบว่ามีคนทุกชนชั้นเข้าร่วม แต่อาศัยวาทกรรม "ไพร่" เป็นศูนย์กลาง เพื่อสื่อเป็นสัญญลักษณืถึงการต่อสู้ ว่าศัตรูของตนนั้นคือชนชั้นไหน ด้วยการกล่าวหาถึงความอยุติธรรม การกดขี่ข่มเหง การแทรกแซงกระบวนการปกครองและศาล สองมาตรฐาน
ผมสนใจรากหญ้าที่มาจากเหนือกับอีสานมากกว่าคนชั้นกลางแดง เพราะสงสัยนักว่าพวกเขาเป็นชนชั้นไพร่จริงหรือ? ยากจนจริงหรือ?
อย่างที่เคยกล่าวไว้ ว่าชนชั้นนั้นดูกันที่การผลิตทั้งกระบวนการ และปัจจุบันก็ต้องดูไปถึงรายได้ ,วิถีชีวิตปฏิบัติด้วย
คนรวยคนจนดูกันตรงไหน? หากตอบเอาเท่ก็ต้องบอกว่า ดูที่ความพึงพอใจในตนเอง มีน้อยแต่สุข ก็รวย ประมาณนั้น หรือจะตอบตามกระแส ว่าดูกันที่เงินในกระเป๋าสิ หมายถึงดูที่การใช้จ่าย ดูที่เครดิต
แต่สิ่งหนึ่งที่่ดูเหมือนจะไม่มีใครนึกถึงเลย ก็คือการมีบ้านอยู่ มีที่ทำไร่นา พูดแบบกิ๊บเก๋ก็คือดูที่ปัจจัยการผลิต
ชาวนาที่ผลผลิตน้อย จะเพราะอะไรก็แล้วแต่ หรือชาวนาที่มีต้นทุนสูง แต่ขายขาดทุน อย่างน้อยเขาก็ยังมีที่นาให้ทำ ขี้หมูขี้หมาก็มีบ้านที่เป็นของตนเอง ซึ่งหากเทียบกับไอ้เคว็ดเพื่อนผม ที่เกิดในเมืองอย่างหาดใหญ่ ทุกวันนี้ยังทำงานงกๆ ไม่มีเงินซื้อบ้าน ไม่มีเครดิตไม่มีที่ดินค้ำ แต่มีซัมซุง กาแลกซี่ เวฟทู ด้วยการผ่อนกับแหล่งเงินกู้ตามกฏหมาย ใครจนกว่ากัน?
ความเหมือนของไอ้เคว้ดกับรากหญ้าแดงก็คือความจน ความจนที่จนเหมือนกัน แต่คนละแบบ ชาวนาไม่มีเวฟทู แต่เขามีบ้านที่ไม่ต้องเช่า เวฟทูและบ้านคือทรัพย์สินที่มีราคา หากจะขายต่อเวฟทูคงได้แค่ไม่กี่บาท แล้วไอ้เคว็ดก็คงหาซื้อโนเกียรุ่น 3310 มาใช้
การจัดชนชั้นในปัจจุบัน ด้วยวิธีคิดแบบสมัยอยุธยา จึงอิหลักอิเหลื่อและประดักประเดิกเหลือเกิน เพราะมันลื่นไหลได้ทุกเมื่อ เช่นเมื่อก่อนนี้ ฝ่ายซ้ายเคยจัดสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ในชนชั้นศักดินา ต่อมาไม่นานนี้ ก็จัดให้เป็นทุนเก่า จนปัจจุบันก็ยังสรุปไม่ได้ว่ากษัตริย์ควรอยู่ในชนชั้นไหนดี การปราศรัยจึงสะเปะสะปะเลอะเทอะเลื่อนเปื้อน ไปกันคนละทิศละทาง เพระาหากจัดในทุนเก่า ก็จะตอบคำถามถึงท่าทีต่อทุนใหม่ไม่ได้ หากจัดในศักดินา ก็จะตอบคำถามถึงลักษณะทางชนชั้นศักดินาใหม่ไม่ได้เช่นกัน
ทำไมเราไม่ผลิตปุ๋ยเอง? ทำไมเราไม่สร้างรถเอง? ทำไมเราส่งเสริมให้ปลูกต้นยูคาฯ แล้วซื้อกระดาษนำเข้า? อีกหลายทำไม ล้วนตั้งคำถามขึ้นเพื่อต้องการคำตอบ ว่าชนชั้นไหนกันแน่ในปัจจุบันที่ทำร้ายชนชั้นล่างมาโดยตลอด
เขียนเล่นๆลงโอเคเนชั่นน่ะครับ เขียนบทแรกเสร็จก็ต่อบทสองบทสาม เพราะเห็นมันขึ้นเป็นกระทู้แนะนำ หากยังขึ้นอยู่อีกก็จะเขียนต่อให้จบ ปรากฏว่าถูกดันตกไปแล้ว ก็เลยเซฟมาให้อ่านที่นี่รวดเดียว
จะมีเขียนต่ออีกไหม? หากว่างจะมาว่ากันให้จบครับ