หมี่เป็ดไรเดอร์
หมี่เป็ดไรเดอร์
1.
อย่าบอกใครนะครับว่าผมเป็นไรเดอร์ ยอดมนุษย์สุดหล่อแห่งนครหาดใหญ่ ผู้ประกอบอาชีพขายหมี่เป็ดเพื่ออำพรางตัวตนแท้จริง ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าผมเป็นไรเดอร์ พวกเขาจะรู้จักผมในนามไอ้ตี๋หน้าจืดคนหนึ่ง เถ่าชิ่วขายหมี่เป็ดที่แสนเอร็ดอร่อย คนหน้าหม้อผู้ทำงานลวกๆไปวันๆเท่านั้นเอง ในร้านจะมีโต๊ะอยู่ 9 ตัว ลูกจ้างช่วยงาน 2 คน ลูกค้าทุกคนจะแปลกใจที่เห็นจักรยานเสือภูเขาคันหนึ่ง แขวนไว้กับตะขอที่ผนังอย่างสง่างาม หมวกกันน็อกสีสดรูปทรงประหลาด ก็มักทำให้เกิดความสนเท่สนใจแก่ผู้พบเห็น ผมไม่เคยตอบคำถามใดๆเกี่ยวกับจักรยานคันนี้เลย ความเป็นไรเดอร์มันต้องเป็นความลับที่สุด เตี่ยกำชับผมเอาไว้ก่อนตาย
ผมเรียกเสือภูเขาคันนี้ว่า ตี๋เล็ก ตามที่เตี่ยเคยเรียก ความที่เตี่ยเป็นคนจีนออกเสียงภาษาอังกฤษว่า TREK ได้ลำบาก จึงแผลงยี่ห้อโด่งดังอย่างล้อเลียนแกมเอ็นดูเสียเลย มันมีไว้ออกกำลังกายยามปกติ และใช้ปราบอธรรมยามที่สังคมวุ่นวายไร้ทางออก ต้องการฮีโร่สักคนหนึ่งมาช่วยกอบกู้วิกฤติ ความลั่นเลื่อนของหมี่เป็ดไรเดอร์เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อผมยังเล็กอยู่นัก ครั้งนั้นเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ไปทั่วเมืองหาดใหญ่ ถ้าผมจำไม่ผิด มันอยู่ในช่วงปี พ.ศ.2520-2525 บ้านไม้ทรงจีนโบราณที่รายเรียงเป็นแถวทิวไปทุกถนนซอกซอย จู่ๆก็เกิดไฟลุกพรึบในดึกสงัดหนึ่ง เสียงโกลาหลอลหม่านดังลั่น รถดับเพลิงวิ่งเปิดหวอมาแต่ไกล เสียงไซเรนทะลวงอากาศบาดแก้วหู ไฟแดงหมุนวับๆไปตามถนน แล้วมาหยุดอยู่หน้าบ้านที่ไฟกำลังกลืนกิน นักผจญเพลิงรีบคลี่สายยางฉีดน้ำขนาดใหญ่ออกมา พวกเขาต้องเร่งรีบก่อนที่จะวอดวายกันไปทั้งแถบ เปิดวาล์วน้ำ! ฟู่! ทุกคนตะลึงงัน นักดับเพลิงมองหน้ากันเหรอหรา รีบม้วนสายยางกลับ เปิดหวอเสียงแหลมสูงอีกครั้ง แล้ววิ่งกลับไปเติมน้ำใส่รถ ตำรวจสรุปสาเหตุว่าไฟฟ้าลัดวงจร ดึกอีกวันหนึ่ง ไฟลุกพรึบอีกครั้งที่หลังโรงแรมฟลอริดา จากนั้นมันก็ลุกพรึบๆไปทั่วทั้งเมือง วันละพรึบสองพรึบ หาดใหญ่ตกอยู่ในทะเลเพลิง รถดับเพลิงยังคงวิ่งมาแล้วกลับไปเติมน้ำ ตำรวจยังสรุปสาเหตุว่าไฟฟ้าลัดวงจร ท่ามกลางกลิ่นควันถ่านเถ้า เตี่ยมองดูปรากฏการณ์แปลกพิกลนี้เงียบๆ ดวงตาครุ่นคิดของเตี่ยมองเห็นความผิดปกติสักอย่างของเมือง เพลิงลึกลับที่ไฟฟ้าลัดวงจรทุกวัน รถดับเพลิงที่ไม่เคยเติมน้ำเตรียมไว้ เตี่ยส่ายหน้าเอือมระอาในความไม่เคยพร้อมนี้ และหมั่นตรวจตราไฟฟ้าในบ้านทุกจุด ตลอดจนเดินยามไปทั่วละแวกบ้าน หลังปรากฏการณ์พระเพลิงลึกลับผ่านไปไม่นาน หาดใหญ่ก็ผุดตึกสูงใหญ่ขึ้นมาเต็มเมือง
คืนที่ไฟไหม้ห้องแถวละแวกตลาดกิมหยง ผมกำลังนอนหลับสนิทอยู่ในห้องเตี่ย ไม่รับรู้ถึงกลิ่นเหม็นไหม้อะไรบางอย่างที่กรุ่นลอยมาจากบ้านซ้ายมือ เตี่ยสะดุ้งตื่นพรวด รีบเขย่าผมให้ลุกตื่นเร็วที่สุด ความที่เป็นเด็กขี้เซา เตี่ยเลยจับผมพาดบ่าแล้วแบกวิ่ง แม่คว้าผ้าห่มโซมน้ำคลุมกายให้ ประตูบ้านถูกทุบโครมๆด้วยขวาน คนที่อยู่ข้างนอกช่วยกันฉีกรื้อประตู ไฟยังลุกโพลงอยู่ด้านซ้าย ไม่นานหรอกเดี๋ยวมันก็จะลามเลียมาถึง บ้านไม้เก่าๆที่ปลูกกันมากว่าครึ่งศตวรรษจะเป็นเหยื่อไฟอย่างดี ไฟลุกโพลงโชนแสงสว่างแดงจ้า สาดสีหน้าตระหนกตื่นผู้คนที่มุงดู ท่ามกลางความตระหนกตื่นวุ่นวายนั้น เตี่ยวิ่งกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง ทุกคนตะลึงร้องห้าม สมบัติมีค่าอะไรหนอที่เตี่ยจึงกล้าจะเสี่ยงตายเข้าไปเอา แล้วเตี่ยก็กลับออกมาพร้อมไอ้ตี๋เล็ก ทั้งคู่มีคราบเขม่าดำเปื้อนไปทั่ว แขนเตี่ยถูกไฟลวกจนพุพอง ไฟแลบลิ้นเลียหลังคามาถึงแล้ว มันตวัดตะครุบรัดม้วนด้วยเปลวอันโกรธเกรี้ยว บ้านหลังสุดท้ายทางขวานั้น ผู้ชายคนหนึ่งกำลังแกะมือที่ยื้อยุดเอาไว้ เขาขัดขืนแรงยื้อยุดนั้นด้วยเสียงตะโกนคลั่งบ้า เพื่อนของผมติดอยู่ที่ชั้นบนของบ้านนั้น หน้าต่างมีเหล็กดัดกันขโมยแข็งแกร่ง รถดับเพลิงทั้งหมดที่มีน้ำเต็มคัน ระดมฉีดสกัดไฟเพื่อยื้อชีวิตเด็กเอาไว้ เด็กน้อยเกาะลูกกรงแล้วปล่อยด้วยความร้อน ตะโกนร้องไห้ขอความช่วยเหลือเป็นที่น่าเวทนา ผมมองภาพนั้นนิ่งเงียบ กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างลำบาก หัวใจฉีกเป็นริ้วๆกับภาพที่เห็น ไฟแทงทะลุหลังคาบ้าน มันตวัดเปลวอยู่ทางด้านหลัง เด็กน้อยตาเหลือกลาน เขย่าลูกกรงแล้วกระโดดเร่าๆไปมา ผมรีบมุดหน้าแอบกับท้องแม่ ไม่กล้ามองอีกต่อไป กางเกงนอนผมเปียกไปด้วยฉี่ที่ราดออกมาไม่รู้ตัว ร้องไห้เสียงดังตะโกนให้ใครก็ได้รีบเข้าไปช่วย เร็วหน่อยๆ ช่วยเพื่อนผมด้วย รถดับเพลิง 3-4 คันสกัดไฟไว้ทุกด้าน สับเปลี่ยนกันมาไม่มีขาดช่วง ว่ากันว่าคนตลาดกิมหยงเงินถึงน้ำจึงเต็มรถ ผมกอดท้องแม่แน่นขึ้น ทุบพุงโตๆของแม่อย่างสิ้นหวัง หูได้ยินเสียงหัวใจแม่เต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ เสียงพุทโธๆของแม่ดังอยู่ในลำคอ แล้วแม่ก็กอดผมให้แนบหน้าไว้แน่น ใช้ฝ่ามือปิดหูไม่ให้ผมเห็นได้ยินอะไรทั้งนั้น เตี่ยหายไปไหนไม่มีใครรู้ ก่อนที่หลังคาบ้านจะล่มครืน ไฟนั้นลุกวาบโชนขึ้นสูงสุดเปลว มันม้วนเกลียวลงมาแทงถล่มผนังจนป่นปี้ ความสว่างทำให้ชาวตลาดกิมหยงเห็นอะไรบางอย่างพุ่งขึ้นสูง ผมลืมตาขึ้นมองตามเสียงอื้ออึงตื่นเต้น จักรยานที่ผมคุ้นตาที่สุดกำลังพุ่งทะยานขึ้นฟ้า เสียงชี้โบ๊ชี้เบ๊โหวกเหวกแปลกใจดังลั่น เป็นเสียงเปี่ยมไปด้วยความหวัง ยอดมนุษย์คนหนึ่ง! กำลังควบเสือภูเขาฝ่าเปลวเพลิงร้อนระอุเข้าไป ทุกคนใจเต้นระทึก นิ่งเงียบสวดภาวนาให้เขาทำสำเร็จ ดวงตาแห่งความคาดหวังทุกคู่จดจ้องไปที่ไรเดอร์คนนั้น ดวงตาโตๆตรงหมวกกันน๊อกสีสดทรงประหลาด สาดลำแสงขาวนวลสว่างจ้าเข้าไปในบ้าน เสียงกระดิ่งดังวิ้งๆแหลมใสกังวานอยู่ในกองเพลิง เขาปั่นเข้าไปสู่ใจกลางความพังพินาศ อย่างกล้าหาญเด็ดเดี่ยวและรวดเร็ว ไม่นานนักเขาก็ปั่นกลับมา โดยมีเด็กน้อยคนนั้นเกาะหลังเขาแน่น เสียงโห่ร้องดีใจเฮลั่น ผมเห็นแม่เช็ดน้ำตาปีติดีใจล้นพ้น ผมเห็นพ่อกับลูกกอดกันร้องไห้ ชาวบ้านต่างรีบกรูเข้ามาแสดงความยินดี แต่ผมไม่เห็นไรเดอร์คนนั้นเสียแล้ว
เสียงลือโจษจันถึงยอดมนุษย์กระหึ่มไปทุกหัวระแหง อะไรนะไรเดอร์? มันคือตัวอะไร? ไมรู้สิ แต่เขาช่วยเด็กเอาไว้ได้ เขาเป็นใคร? ไม่รู้สิ! เขาเป็นยอดมนุษย์ไง คงมาจากดาวสักดวงในทางช้างเผือกนี้ ปีแล้วปีเล่าข้ามปีต่อปีไม่มีสิ้นสุด ผมเคยเลียบๆเคียงๆถามเตี่ย ว่าแกเป็นไรเดอร์แมนใช่หรือไม่ แกมองผมปลงๆ เบ้ปากนิดหนึ่งก่อนพูดว่า ไร้สาระ แล้วยกเหตุผลมาอธิบายยืดยาว ว่าเมื่อคนเรากลัวถึงขีดสุด ก็จะเกิดอุปาทานปาฏิหาริย์แปลกๆต่างๆกัน อุปาทานหมู่เกิดขึ้นได้ไม่ยากหรอก เตี่ยว่าลองให้ผมออกไปยืนบนถนน แล้วทำท่าตกใจมีรถสิบล้อจะวิ่งชนดูสิ จะเห็นผู้คนแถวนั้นวิ่งหลบกันชุลมุน เตี่ยบอกว่าคืนนั้นนักดับเพลิงปีนบันไดขึ้นไป กระแทกเหล็กดัดด้วยขวานอันเบ้อเร่อ แล้วช่วยเด็กน้อยคนนั้นออกมาได้ต่างหาก ไม่มีหรอกไรดงไรเดอร์อะไรนั่น มีแต่ในการ์ตูนเท่านั้นเอง แต่นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมไม่เชื่อเตี่ย
เตี่ยผมเป็นไรเดอร์! มันจะมีอะไรน่าภาคภูมิใจยิ่งไปกว่านี้อีกเล่า เด็กชายคนหนึ่งมีพ่อเป็นฮีโร่! ผู้พิทักษ์มนุษยชาติด้วยคุณธรรมล้ำลึก ผมรับปากเตี่ยเป็นมั่นเหมาะ สัญญาลูกผู้ชายให้ไว้ต่อกัน ว่าผมจะเหยียบความลับนี้ไปชั่วชีวิต รู้แล้วก็ช่วยผมเหยียบเอาไว้ด้วยนะครับ
2.
มันควรจะเป็นตำนานตลอดไป ผมควรปล่อยให้ฮีโร่เตี่ยเป็นเรื่องที่เล่าขานไม่รู้จบ อยู่ในความทรงจำอันแสนปลาบปลื้มของชาวหาดใหญ่ไปนิรันดร์กาล มันควรจะเป็นเช่นนั้น ไรเดอร์แมนควรมีเพียงหนึ่งเดียว ฮีโร่แมนหนึ่งเดียวที่ตายไปแล้วเพื่อความเป็นอมตะ เมื่อสังคมกลียุคเกิดความขัดแย้งรุนแรง หรืออาชญากรรมที่ก่อขึ้นมาโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ผมควรปล่อยให้กลไกสังคมแก้ไขกันไปตามเรื่องตามราว หลังจากผมล่วงละเมิดรู้ความลับของเตี่ย แต่นั้นมาเตี่ยก็ไม่มีอะไรปกปิดผมอีกเลย เหมือนดั่งศิษย์ที่กำลังเรียนรู้วิชาจากครูผู้กล้าแกร่ง เตี่ยเคี่ยวเข็ญให้ผมเป็นไรเดอร์สืบทอดรับช่วงต่อไป สั่งสอนอบรมให้ปฏิบัติตนเพื่อเตรียมความพร้อมที่จะเป็นไรเดอร์ที่ดี ความพยายามแรกๆของเตี่ยล้มเหลวไม่เป็นท่า เมื่อผมลองยกแขนทั้งสองขึ้นทำมุมฉาก แล้วเบ่งกำลังภายในปล่อยแสงออกมาให้เหมือนอุลตร้าแมน เตี่ยเขกกะโหลกผมดังป๊อก จิ้มหน้าผากแรงๆพูดว่าทำไมไร้สาระได้ขนาดนี้ ผมบอกเตี่ยว่าอยากเป็นอุลตร้าแมนมากกว่า
อย่าทำเป็นเล่น อุลตร้งอุลตร้าอะไรนั่นไม่มีหรอก เตี่ยสำทับด้วยอีกป๊อก
วันที่เตี่ยไม่สบายหนัก เราดูแลอาการเตี่ยอย่างใกล้ชิดตามคำสั่งหมอ ร่างกายบึกบึนของเตี่ยเริ่มล้าโรย กล้ามเนื้อหย่อนยานผิดหูผิดตา เหมือนเตี่ยรู้ว่าแบตเตอรี่ใกล้จะหมดเต็มที เรียกผมเข้าไปกระซิบใกล้ๆ ผมหลับตาตั้งใจรับฟังด้วยสีหน้าเหยเกกังวล แล้วถอยออกมาให้แม่ได้รับคำสั่งเสียครั้งสุดท้าย เตี่ยจากไปอย่างสงบ เหมือนคนนอนหลับที่กำลังฝันดี นาทีนั้นผมได้ยินเสียงกระดิ่งจักรยานดังลั่น มันหวีดเสียงแหลมใสกังวานสะท้านแก้วหู กระจกทุกบานแตกละเอียดร่วงลงมา ความเศร้าโศกครอบงำไปทั้งบ้าน เหลือบดูแม่ที่กำลังร้องไห้อาดูรเสียใจ แม่ไม่ได้ยินเสียงกระดิ่ง ไม่เห็นกระจกที่แตกละเอียดร่วงกระจายพื้น ผมโอบกอดแม่ ประคองประโลมให้หายโศกเศร้า แล้วจัดงานศพง่ายๆเรียบๆตามที่เตี่ยสั่งเอาไว้
งานศพเป็นไปอย่างเงียบเหงาตามคำสั่งเสีย ไม่มีใครรู้เลยว่าไรเดอร์แมนได้ตายไปแล้ว ไรเดอร์แมนหนึ่งเดียวของโลกได้ตายไปแล้ว นี่เป็นข่าวร้ายที่ทุกคนควรจะต้องเงี่ยหูรับฟัง ที่คนทั้งโลกจะต้องหยุดทุกๆอิริยาบถ หันหน้ามาทางวัดที่ตั้งศพเตี่ย พวกเขาควรต้องปรับทิศทางใบหู เพื่อรับฟังข่าวร้ายนี้ให้ได้ยินชัดๆ ฟังนะ- ไรเดอร์แมนหนึ่งเดียวของโลกได้ตายไปแล้ว ตายไปอย่างเงียบๆ เสมือนหนึ่งไม่เคยปรากฏมีมาก่อน โลกควรจะต้องตะลึงจังงัง ดวงตาเบิกโพลงแล้วอุทานว่าไม่จริงๆ No, No,No แล้วร้องห่มร้องไห้จนน้ำตาท่วมหอไอเฟล จนน้ำตาซัดสาดกำแพงเมืองจีนถล่มทลายลงราบ จนพื้นที่ทะเลทรายในแอฟริกาเจิ่งนองชุ่มไปด้วยแอ่งน้ำมหึมา ไม่ใช่ให้เขาเสียน้ำตาเพื่อเตี่ยหรือไรเดอร์ แต่เขาควรร้องไห้ให้กับชะตากรรมของตนเอง ที่นับแต่นี้จะต้องอยู่ในโลกอันไร้ไรเดอร์อีกต่อไป โลกที่ทุกคนต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนช่วยเหลือตัวเองให้พ้นจากภัยต่างๆ โลกที่จะไร้ใครปกป้องคุ้มครองดูแลเราอีกต่อไป นี่เป็นเรื่องเศร้าที่ยิ่งกว่าการตายของไรเดอร์ด้วยซ้ำ
ภูเขามหึมาที่เตี่ยโยนมาให้ผมแบกในวันนั้น มันเป็นคำสั่งเสียเดียวที่เป็นมรดกตกทอด ไอ้ตี๋เล็ก! เสือภูเขาที่ผ่านกาลเวลามานับสิบๆปี ผ่านการปราบอธรรมมานับไม่ถ้วน ผมไม่กล้าปฏิเสธเตี่ย แม้จะยังไม่มั่นใจในตัวเองนัก โลกมีไรเดอร์เพียงหนึ่งเดียว และหนึ่งเดียวที่มีนั้นได้ตายไปแล้ว ความยิ่งใหญ่ของไรเดอร์เตี่ยทำให้ผมครั่นคร้าม และไม่หาญกล้าจะวัดรอยเท้าแต่อย่างใด ยกแขวนไอ้ตี๋เล็กไว้ที่ผนัง เคียงข้างหมวกไรเดอร์รูปทรงประหลาด แล้วสืบทอดกิจการหมี่เป็ดของเตี่ย โดยพยายามไม่มองมันเลย
3.
มันเข้าสู่ภาวะที่หาดใหญ่ซบเซาอย่างหนัก ยิ่งเกิดเหตุการณ์ทางชายแดนใต้ หาดใหญ่ยิ่งเหมือนป่าช้าเข้าไปทุกที ทุกคนหวาดกลัวต่ออนาคตชะตากรรมตน การใช้จ่ายถูกรัดเข็มขัดให้แน่นขึ้น และเฝ้ารอความหวังว่าสักวันหนึ่ง สักวันที่เหตุการณ์ร้ายแรงทางชายแดนใต้ จะสงบเงียบเป็นปกติสุขเหมือนก่อน รัฐบาลคงมีนโยบายอะไรสักอย่างที่จะทำให้มันเป็นจริงได้ บ่อยครั้งที่ผมต้องนั่งตบยุงอยู่ในร้าน แดดเช้าผ่านมาเที่ยงแล้วเลยบ่าย เก็บร้านอย่างซังกะตายไปวันๆ กิจการไม่ดีเหมือนสมัยเตี่ย โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
เมื่อก่อนผมจะเปิดประตูร้านตอนตีสี่ครึ่ง ตั้งหม้อต้มน้ำจัดร้านเสร็จเรียบร้อยก็ประมาณตีห้าโดยประมาณ การค้าการขายดีมาก ผู้คนจับจ่ายใช้สอยกันเพลินมือ เงินไม่เคยขาดกระเป๋าให้ขุ่นข้องหมองใจ ผับบาร์เปิดกันครึกครื้น ค้างคาวราตรีทั้งไทยเทศบินร่อนว่อนเวี่ยกันสนุกสนาน สาวๆเนื้อหอมเริงร่าราวลูกนกได้รับแดดอุ่นรุ่งอรุณ พวกเธอสดสวยสดใสราวไม้ดอกหอมกรุ่นในอุทยานฤดูร้อน เฉิดฉายวิไลอรชรไปทั่วตัว ทุกๆหัวรุ่งตีห้า เธอจะกระแซะเบียดก้อนเนื้อล้นหลามกับแขนแขกเดินเข้ามาในร้าน ผมชอบค้าขายกับชาวจีนมาเลเซีย พวกนี้กินกันไม่อั้น และยินดีจ่ายเต็มที่
ผมลืมเรื่องไรเดอร์เตี่ยไปเสียสนิท ไม่เคยรำลึกถึงว่าครั้งหนึ่งเคยรับปากเตี่ย ว่าจะสืบทอดการเป็นฮีโร่เพื่อพิทักษ์มนุษยชาติ มันเป็นการรับปากเพียงให้เตี่ยตายตาหลับเท่านั้นเอง ผมไม่ต้องการเป็นฮีโร่แต่อย่างใด ชีวิตผมสนุกสนานไปกับการใช้จ่ายซื้อหา ความบันเทิงยามราตรีดึงดูดผมไม่เว้นคืน เศรษฐกิจช่วงนั้นเงินสะพัด เมื่อเปิดประตูตั้งร้านเสร็จ ผมจะจุดธูป 3 ดอกบูชาหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน หลวงพ่อทองวัดคลองแห กับหลวงพ่อเพชรวัดทุ่งงาย อาราธนาให้หลวงพ่อช่วยคุ้มครองดูแลแผ่เมตตาค้าขายดี แล้วจุดอีก 5 ดอก สำหรับว็อกไช้ๆเจ้าที่แปะกง บอกแปะกงว่าขอให้ลูกค้าเข้าร้านมาอุดหนุนเยอะๆ ขอให้มีแต่ลูกค้าน่ารักๆนิสัยดี
นั่นมันเมื่อก่อน ตลอดทั้งวันเราจะมีงานยุ่งไมได้พัก ลูกจ้างในร้านสองคนต้องวิ่งกันอุตลุด ยิ่งเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดราชการนั้น เราต้องนอนให้เต็มอิ่ม กินข้าวเช้าก่อนตีสี่ เพื่อจะได้วิ่งทั่วร้านได้จนบ่ายสาม ผมมีรายได้ที่เพียงพอแก่การใช้ชีวิตวัยหนุ่มได้เต็มที่ ผมสนุกกับการค้าขาย สนุกกับการนับเม็ดเงิน สนุกกับการใช้ชีวิต พลบค่ำผมก็จะโผบินไปในแสงสี สถานบันเทิงราตรีทุกแห่งล้วนแล้วยินดีต้อนรับผม ลูกค้ากระเป๋าหนักใช้จ่ายไม่ยั้งย่อมเป็นที่บูชาแก่กิจการเสมอ โดยไม่สนใจว่าเขาผู้นั้นจะเป็นใครมาจากไหน บ่ายหนึ่งของวันหยุดร้าน ขณะที่ผมนอนหลับฝันหวานถึงสาวๆในอ้อมกอด จู่ๆภาพฝันก็เปลี่ยนฉากไปเป็นสถานที่ไม่คุ้นเคย มันรกทึบไปด้วยแมกไม้ยืนต้นแน่นขนัด เสียงนกกระพือบินว่อนท้องฟ้า ผมเห็นสัตว์ป่าหลายชนิดมากมาย ช้างเสือหมีเก้งกวางเม่นกระทั่งไดโนเสาร์ ทุกสายพันธุ์กำลังดำรงชีวิตอันน่ามหัศจรรย์ของมันตามธรรมชาติ ผมเดินเลียบไปตามลำธาร สายน้ำไหลแรงพุ่งทะยานลงจากยอดเขา มันกระแทกพื้นหินส่งเสียงสนั่นหวั่นไหว ปลาบางชนิดโผนขึ้นเหนือผิวน้ำ แล้วดิ่งตัวลงไปสู่ความเย็นใสอีกครั้ง บนก้อนหินขนาดเขื่องกลางน้ำนั่นเอง ผมเห็นเธอ-รุสนี
จึงทันทีที่เกิดเสียงปืนยิงทหารในค่ายกองพันพัฒนาที่นราธิวาส แล้วคนร้ายกวาดเอาอาวุธปืนทั้งหมดไป ผมถึงกับตบอกผาง ลางสังหรณ์บางอย่างตั้งเค้าทะมึนดำหม่น ผมเซไปพิงถังแก๊สลูกใหญ่ ฟังวิทยุรายงานข่าวโดยละเอียด หูอื้อตาลายจนไม่เห็นลูกค้าที่เข้ามาสะกิด ไม่ได้ยินเสียงออเดอร์ที่ลูกจ้างตะโกนมาจากโต๊ะ 3 คลื่นลมในท้องปั่นป่วน ขาไร้เรี่ยวแรงที่จะยืนทรงตัว ผมหน้าซีดหันไปมองลูกค้าคนนั้น ยิ้มให้บางๆพร้อมกล่าวขออภัย ปรายตานิดหนึ่งไปที่ผนัง เป็นการปรายไปมองเต็มตาครั้งแรก หลังจากรับมรดกนี้จากเตี่ย จักรยานเสือภูเขาที่ถูกแขวนเอาไว้ มีหมวกกันน็อกสีสดอยู่ข้างๆ มันกลายเป็นเสือภูเขาที่ตกรุ่นไปนานแล้ว
ลางสังหรณ์รบกวนจิตใจผมตลอดมา ผมเริ่มไม่มีความสุข และนับแต่นั้น หางตาผมมักจะชายไปยังจักรยานบนผนังอยู่เรื่อย ผมต้องควบคุมเอาไว้ ไม่ให้ปรายไปมองมัน ผมไม่เชื่อใจตนเองนัก ว่าจะเป็นไรเดอร์ที่ดีได้เหมือนเตี่ย ผมไม่มั่นใจตนเองเอาเลย เกรงว่าจะทำให้ไรเดอร์เตี่ยที่ผู้คนสรรเสริญยกย่องต้องมัวหมอง แต่อาวุธที่ถูกปล้นไปนั้น มันมากมายเพียงพอที่จะฆ่าคนทั้งจังหวัดนราธิวาสได้ ผมใจหายวูบ นึกภาพนราธิวาสที่ไม่มีผู้คนหลงเหลืออยู่อาศัย วูบหนึ่งที่ใจหายนั้นผมคิดถึงรุสนี
จะว่าเธอเป็นหญิงสาวสวยงามที่คลุมผมด้วยฮิญาบ หรือเป็นภาพจำลองสาวมุสลิมคนหนึ่ง ที่เคยเดินสวนแล้วยิ้มให้กัน หรือเป็นภาพฝันสักภาพ ที่ผมได้ลงลายเส้นและสีเอาไว้ยามหลับ ผมเองยังไม่สู้แน่ใจนัก รู้เพียงว่ามีรุสนีอยู่ที่นราธิวาส รุสนีเด็กสาวดวงตาแสนเศร้าคนนั้น ผมอธิบายไม่ถูกว่ารู้จักเธอได้อย่างไร บางครั้งผมเองก็ยังสับสน ว่านั่นมันเป็นความจริงหรือความฝันกันแน่ รุสนีเหมือนไม่มีตัวตนอยู่เลย แต่ผมรู้-เธอมีชีวิตอยู่จริง เธออยู่ที่นราธิวาส อาจเป็นนักศึกษาอยู่ในสถาบันแห่งหนึ่ง อาจเป็นชาวประมงในเรือกอและ หรืออาจจะเป็นชาวสวนยางในหมู่บ้านเล็กๆสักแห่ง ผมเคยพบเจอพูดคุยกับเธอไหม? โปรดอย่าถามเช่นนี้ ในเมื่อผมยังไม่เคยเดินทางไปที่นั่นเลยสักครั้ง แต่ผมพูดคุยกับเธอเสมอ ด้วยเนื้อเสียงแท้ๆนี่แหละ วันนั้นเธอสวมเสื้อสีชมพู และนุ่งผ้าปาเต๊ะสีเขียวสด รอยยิ้มหวานๆฟันเรียงขาวสะอาด ใบหน้านวลใยขาวผ่องภายใต้แว่นทรงกลม ฮิญาบสีเดียวกับเสื้อ รูปร่างบอบบางและกิริยาอ่อนช้อย ทำไมผมจะจำไม่ได้ล่ะ ในเมื่อเธอสวยออกขนาดนั้น และผมหลงรักเธอตั้งแต่แรกพบ แต่ก็แปลก เมื่อผมกะพริบตาเพียงครั้ง เธอก็หายวับไปต่อหน้า ช่างเถอะ เธอจะมีตัวตนจริง หรือผมแค่เพ้อหารูปฝัน มันก็ไม่สำคัญเท่ากับการปล้นปืนในค่ายที่ได้เกิดขึ้น ที่ทำให้ผมตะครั่นตะครอกังวลใจตลอดมา เพราะไม่นานนัก ก็เกิดเหตุการณ์ฆ่ารายวัน ลางสังหรณ์ของผมเริ่มชัดขึ้น เมื่อระเบิดส่งเสียงและสะเก็ดไม่มีเว้น นราธิวาสทั้งจังหวัดตกอยู่ในนรกทันที
การค้าขายของผมเริ่มซบเซา สื่อมาเลเซียประโคมข่าวกันเอิกเกริก รัฐบาลของเขาโหมข่าวความน่ากลัวของชายแดนใต้เกินจริง เพื่อสกัดยับยั้งเงินของเขา ไม่ให้ไหลมาท่วมหาดใหญ่อย่างที่เคยเป็น เศรษฐกิจหาดใหญ่ยิ่งสะส่ำระสาย นักธุรกิจถนอมเม็ดเงินของตนเอาไว้อย่างระมัดระวัง คนค้าขายต่างนั่งกลอกตาไปมา มันเป็นภาวะช็อก เหมือนคลื่นในทะเลที่ราบเรียบ ผิวน้ำสะท้อนแดดเป็นประกาย แล้วจู่ๆรอยแยกของพื้นโลกก็เลื่อนตัวเพียงน้อย เพียงน้อยเท่านั้นก็สร้างแรงเคลื่อนไหวให้เกิดคลื่นยักษ์ซัดสาดเข้าใส่ หาดใหญ่กำลังจะร้าง! เราทุกคนช็อกกับภาวะกระชากฉุดกะทันหันนี้ ผมยังเปิดร้านตีห้าเหมือนเดิม จุดธูปไหว้พระไหว้แปะกงเสร็จเรียบร้อย แล้วนั่งรอเวลาให้รุ่งเช้าแจ้งสว่าง เผื่อนักเรียนจะแวะมากินก่อนไปโรงเรียน ผมมีเวลาละเลียดมื้อเช้าได้อย่างเต็มรส และเปิดโทรทัศน์ดูข่าวกอซซิปดาราในช่วงบ่าย จนเสียงระเบิดแรกของเมืองได้กึกก้อง ห้างคาร์ฟูกับสนามบินสะเทือนไหวไปชั่วขณะ พอควันที่ฟุ้งตลบนั้นจางลง เราก็เห็นความแตกตื่นของเราเองกันถ้วนทั่ว ไม่นานผมก็ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนคนหนึ่ง บอกว่าเพื่อนของเราคนหนึ่งตายเสียแล้วจากเหตุระเบิด ผมใจหายวูบ ตั้งแต่มีการปล้นค่ายกองพันพัฒนานราธิวาส ผมมักมีเรื่องให้ใจหายอยู่บ่อยๆ เมื่อเช็คข่าวจนแน่ใจแล้วว่าใช่เพื่อนของเราจริง ผมจึงรีบเดินทางไปที่โรงพยาบาล ลูกชายของเขาได้รับสะเก็ดระเบิดจนเสียโฉม วัยเพียงไม่กี่ขวบนั้นสูญเสียดวงตาไปข้างหนึ่ง เมียของเขาร้องไห้โฮอย่างน่าเวทนา ผมบอกเธอให้เข้มแข็ง แต่เป็นผมเองที่กลับบ้านอย่างรวดร้าว โผเผเปิดประตูบ้านอย่างหมดแรง เสียงกระดิ่งจักรยานดังขึ้นรัวถี่ มันดังกังวานด้วยเสียงแหลมเล็กคล้ายคนกรีดร้อง ผมยืนอยู่เบื้องหน้า ตบเบาะเบาๆปลอบประโลมให้มันนิ่ง และพยายามลืมเหตุการณ์ร้ายๆที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ให้ได้
เป็นเรื่องเลวร้ายเหลือเกิน นี่มันลามมาถึงหาดใหญ่แล้วหรือ? ผมพยายามคิดหาสาเหตุแห่งความไม่สงบสุข ดูมันทึบตันไร้คำตอบใดๆทั้งสิ้น หาดใหญ่ได้ยินแต่เสียงคร่ำครวญ เงินขาดมือกะทันหัน ผับบาร์ปิดตัวไปทีละแห่งสองแห่ง ลูกค้าผมเริ่มเขม็ดแขม่ รายได้ผมลดลง เปิดวิทยุฟังรายการใต้สันติสุข ด้วยอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น อย่างไร ใครทำ และจะจบอย่างไร แล้วก็ต้องปิดด้วยความรำคาญ หนังสือพิมพ์ยังคงลงข่าวหน้าหนึ่งด้วยเรื่องชายแดนใต้ แต่ละข่าวน่าสยดสยองพองขน ภาพคนถูกฆ่าตัดหัวหราอยู่หน้าหนึ่ง คนเจ็บคนตาย ดวงตาเศร้าๆของเด็กๆมุสลิม โรงเรียนถูกเผา ระเบิดที่โน่นที่นี่ ทางการส่งกำลังทหารเข้ามาสมทบ ส่งตำรวจเข้ามาเพิ่มเติม ส่งฝ่ายความมั่นคงเข้ามาดูแล ส่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ส่งคณะกรรมการสมานฉันท์ ส่งใครต่อใครวุ่นวายไปหมด ให้เข้ามาดูแลจัดการปัญหาที่นับวันจะขยายใหญ่โต แต่ไม่ว่าจะเป็นชุดใดก็ตาม ก็ล้วนแล้วมีเพียงความเงียบงำตอบคำถามสังคม ลูกค้าที่ร้านมักจะชวนผมคุยเรื่องชายแดนใต้ ทุกคนถามเหมือนกันหมด ว่าทำไมรัฐบาลจึงจัดการอะไรไม่ได้สักที พวกเขาต้องการคำตอบอย่างกระวนกระวาย สีหน้าแห่งความหวังซีดเผือด ยิ่งวันยิ่งเหมือนเราจะหวังกันลมๆแล้งๆ ลูกค้าคนหนึ่งเปรยถึงไรเดอร์อย่างเลื่อนลอย เขาบ่นเสียดายที่ไรเดอร์คนนั้นได้สาบสูญไป ถ้าไรเดอร์ยังอยู่นะ ป่านนี้เรื่องชายแดนใต้คงจบไปนานแล้ว ผมเหลือบมองเขาเงียบๆ ไม่เอ่ยคำใดออกมาให้รู้ ว่าไรเดอร์เตี่ยที่เขารำพึงถึงนั้น ตายไปเมื่อหลายปีโน้นนานแล้ว บอกพวกเขาว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้น เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องจัดการให้สงบสุขให้ได้ มันต้องแก้ไขไปตามกลไกของมัน ใจเย็นๆ เย็นๆใจเถอะ
วันนั้นตีห้าสิบห้านาที ขณะที่ผมกำลังตั้งโต๊ะจัดร้าน และแผ่นซีดีทูน ทองใจกำลังขับขานเพลงโปรดเถิดดวงใจอยู่ เสียงกระดิ่งเสือภูเขาข้างผนังก็กรีดเสียงแหลมเล็กขึ้นมา มันทะลุทะลวงอากาศไปทุกทิศทาง กังวานบาดแก้วหูไปทั่วหาดใหญ่ ผู้คนหน้าตาเลิ่กลั่กวิ่งตื่นมาที่ร้าน ผมผวาเข้าไปกอดมันไว้แน่น ละล่ำละลักถามว่าเกิดอะไรขึ้น เสือภูเขาสะบัดล้อหน้าไปที่ฟุตปาธ ยิ่งกรีดเสียงกระดิ่งขึ้นลั่นจนทุกคนต้องปิดหู ผมวิ่งไปที่หน้าร้าน มองไปฝั่งตรงข้ามที่เป็นร้านข้าวแกง ป้ายประกาศหยุดร้านสองวันแปะอยู่ที่ประตู ต่ำลงมานั้นเหมือนกับมีถุงอะไรสักอย่างวางอยู่ ผมผงะนิดหนึ่ง ลังเลว่าจะทำอย่างไรดี เข้าไปดูดีไหม? หรือจะโทรศัพท์แจ้งตำรวจ? ไทยมุงทั้งหาดใหญ่ต่างวิ่งกรูเข้าไปล้อมรอบถุง พวกเขาวิจารณ์และคาดเดาถึงสิ่งที่อยู่ข้างใน ผมตะโกนให้พวกเขาถอยออกมา มันอาจเป็นระเบิดอานุภาพร้ายแรง ดูเหมือนความอยากรู้ของพวกเขาจะมีมากกว่าความกลัว ผมทำอะไรไม่ถูก เสือภูเขาก็ยังคงกรีดเสียงร้องอยู่อย่างนั้น มันกำลังเตือนให้ทุกคนระวังตัว ครั้นเบนสายตาไปอีกทางหนึ่ง ก็เห็นรุสนียืนอยู่ตรงนั้น เธอกำลังร้องไห้ ใบหน้าซบกับฝ่ามือ ผมเห็นเธอสะอื้นจนทรวงอกสั่นไหว วิ่งไปหาเธอ หมายจะบอกให้เธออยู่ห่างๆอันตราย ผมกลัวมันจะระเบิดทำให้เธอบาดเจ็บ น่าแปลกใจที่ไม่มีใครมองเห็นเธอเลย เธอยืนอยู่ตรงนั้นแท้ๆ ตรงที่อันตรายกำลังก่อตัวสร้างความรุนแรงได้ทุกเมื่อ บัดซบ! ทุกคนเป็นบ้าใบ้บอดเบื้อกันหมดหรืออย่างไรกัน? ไทยมุงจดจ่ออยู่กับถุงลึกลับใบนั้น รุสนีเงยหน้าที่ดวงตาเปียกฉ่ำมองผม สายตาเธอคล้ายกับตัดพ้อต่อว่า และบอกนัยลึกๆบางอย่าง ผมชะงักกับสายตาที่กำลังตำหนิผมรุนแรง สายตาที่เอ่อน้ำกำลังมองผมอย่างปวดร้าว
ทำไม?ผมรำพึงถามเสียงเครือ รุสนีส่ายหน้าช้าๆ เธออยู่ห่างผมเพียงมือเอื้อม แต่มือที่เอื้อมคว้าเธอนั้นกลับว่างเปล่า รุสนีไปยืนอยู่อีกที่หนึ่งเสียแล้ว เธออ้าปากพูดอะไรบางอย่าง ผมเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจที่สุด แต่เสียงเซ็งแซ่อื้ออึงของไทยมุงก็กลบจนสิ้น ผมเพ่งมองการเปิดปากของเธอ แกะรูปปากที่เปิดปิดหุบอ้านั้น อ่านได้ว่าไรเดอร์! ผมตะลึงก้มหน้านิ่ง มือกำหมัดจนเหงื่อชื้น เสียงกระดิ่งเสือภูเขายังคงกรีดแหลมจากในร้าน ผมตะโกนสุดเสียงให้เธอได้ยิน บอกว่าตำรวจจะมาแล้ว มีคนโทรศัพท์ไปแจ้งเหตุร้ายแล้ว ผมไม่ใช่ไรเดอร์ ผมเป็นไรเดอร์ไม่ได้ ไรเดอร์ตายไปนานแล้ว ได้ยินไหม ดูปากผมนะ ไ ร เ ด อ ร์ ต า ย ไ ป นา น แ ล้ ว! ผ ม ไ ม่ ใ ช่ ไ ร เ ด อ ร์ ! ผ ม เ ป็ น ไ ร เ ด อ ร์ ไม่ ไ ด้ ! ไทยมุงหันขวับมามอง คู่คิ้วขมวดสงสัยว่าไอ้ตี๋จืดนี่หรือจะเป็นไรเดอร์ ใครคนหนึ่งถุยน้ำลายลงพื้น
ตำรวจมาจริงๆ เอายางรถไปครอบถุงนั้น แล้วหน่วยเก็บกู้ระเบิดก็พบว่ามันเป็นถุงขยะที่ซุกซ่อนระเบิดแรงดันสูง ซึ่งในนั้นมีถุงยางอนามัยใช้แล้วรวมอยู่ด้วย ผมยิ้มหน้าเจื่อนแกมโล่งอก ที่การเก็บกู้ผ่านพ้นไปด้วยดี เดินข้ามฝั่งกลับร้าน หูได้ยินเสียงรุสนีเรียกชื่อเบาๆอยู่ด้านหลัง ผมเหลียวไปมอง เธอยังคงร้องไห้อยู่ อกกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะสะอื้น แล้วบ้านฝั่งตรงข้ามก็กลายเป็นนราธิวาส หอนาฬิกาตระหง่านอยู่กลางเมือง ลมแม่น้ำบางนราโชยหอมมารำไร พลันเสียงปืนก็รัวขึ้น ประกายไฟจากปากกระบอกปืนฉายแลบออกมา สลับกับเสียงระเบิดในหลายๆจุด รุสนีบอกผมว่าเธอกลัว เธอไม่รู้ว่าจะตายในวันไหนเมื่อไหร่ ปากเล็กๆอ้าน้อยๆนั้นอ่านได้ว่าช่วยเธอด้วย! ไรเดอร์ช่วยเธอด้วย!
ผมนั่งกุมขมับอยู่หน้าเตาแก๊ส สับสนจนบอกไม่ถูก มโนธรรมกระหน่ำเฆี่ยนสำนึกอยู่ขวับๆ ผมเกรงว่าไรเดอร์เตี่ยจะเสื่อมเสียเกียรติภูมิที่ได้สั่งสมมา ผมขี้ขลาดเกินกว่าจะเป็นไรเดอร์ ผมไม่สามารถเป็นไรเดอร์ที่ดีเหมือนเตี่ยได้ มโนธรรมเฆี่ยนผมด้วยแส้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หาดใหญ่เกิดความโกลาหลวุ่นวาย ข่าวลือเรื่องระเบิดมีขึ้นในเกือบทุกพื้นที่ ทำให้ผู้คนขวัญหายสั่นกลัว การค้าขายซบเซายิ่งขึ้น ผู้คนร้องไห้หวาดหวั่น เลิ่กลั่กไขว่คว้าหาที่พึ่งชุลมุน พวกเขาจุดธูปบูชากระทั่งสากกะเบือ ด้วยเชื่อมั่นว่าจะช่วยปกป้องคุ้มครองพวกเขาได้ ผมครางในลำคอ น้ำลายหนืดเหนียวยากเกินจะกลืนลง รัฐบาลหมดสิ้นปัญญาจะแก้ปัญหาเสียแล้ว ผมได้แต่รำพึงอย่างหมดอาลัยตายอยาก ตัดสินใจปิดร้านเดี๋ยวนั้น ผมอยากนั่งพักเงียบๆในโลกส่วนตัว อยากซ่อนตัวอยู่ในห้องไม่รับรู้อันใดอีกต่อไป ความคลื่นเหียนสอขึ้นมาเต็มอก ผมคิดถึงเตี่ยจับจิต หากเตี่ยยังอยู่ ไรเดอร์ที่เป็นตำนานคงจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้ดีกว่าที่เป็น ผมขึ้นไปอาบน้ำ ให้ความเย็นของน้ำช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด ทิ้งตัวลงบนฟูกที่เพิ่งเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ก่อนจะเคลิ้มหลับ รุสนีก็มานั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ผมผลักไสเธอออกไปให้พ้น ตะโกนไล่เธอเสียงสั่น ยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้าง ฟุบหน้าลงกับหมอนไม่ให้มองเห็น เสียงร้องไห้สะอื้นหนักขึ้น รุสนียื่นหน้ามาชิด เธอแนบแก้มลงบนท้ายทอยและโอบกอดผม บอกเสียงแผ่วเบาแทบไม่ได้ยินว่าเธอกลัว ช่วยเธอด้วย..เธออยู่ที่นราธิวาส เสียงแว่วแผ่วเบานั้นลอดริมฝีปากมา บอกผมว่าไรเดอร์ช่วยเธอด้วย...แล้วก็หายวับไปทันที ผมร้องไห้ออกมาจนชุ่มหมอน แล้วหลับไปด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนมวนท้อง ในฝัน เตี่ยเดินมาจิ้มหน้าผากผม สีหน้าเตี่ยผิดหวังในตัวลูกชายคนเดียว เตี่ยกำลังร้องไห้เช่นเดียวกับรุสนี
รุสนีอยู่ที่นราธิวาส ผมเคยดูรายการสารคดีตอนหนึ่ง เทือกเขาบูโดสูงตระหง่านง้ำ สวยงามและร่มครึ้ม บัดนี้มีทหารตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเข้าไปอยู่เต็ม ปืนและบังเกอร์มากมายรายทางถนน รถฮัมวีรถยีเอ็มซีวิ่งกันเพ่นพ่าน ขณะที่การก่อการร้ายยังคงรุนแรงต่อเนื่องไม่เคยว่างเว้น รุสนีต้องการความช่วยเหลือ เธอร้องไห้อยู่ในเสื้อสีชมพู ฮิญาบของเธอคุลมผมไว้มิดชิดอยู่กลางสงคราม เธออยู่กลางสงคราม!
ผมเป็นไรเดอร์! เตี่ยมอบหมายภาระหนักอึ้งนี้ให้กับผมเพียงคนเดียว คาดหมายวาดหวังว่าลูกชายคนนี้ จะช่วยปกป้องคุ้มครองมนุษยชาติให้รอดพ้นจากหายนะทั้งปวง ผมทะลึ่งพรวดลุกนั่ง หัวใจเต้นตึ้กๆรัวเร็ว รุสนีอยู่ที่นราธิวาส เธอกำลังร้องไห้และขอความช่วยเหลือ นั่น-ไรเดอร์เตี่ยปรากฏกายถือแส้มโนธรรม กระหน่ำเฆี่ยนขวับๆลงมาที่หัวใจ ผมดิ้นพราดๆร้องโอย ลุกขึ้นจากเตียงวิ่งลงข้างล่าง โดยไม่ลังเลอีกต่อไป ผมยกเสือภูเขาที่แขวนอยู่ออกมา มันกรีดกระดิ่งกังวานดีใจเปี่ยมล้น
เราไปกันเถอะผมตบเบาะมันแล้วบอก พลันที่สวมหมวกกันน็อก เสื้อผ้าของผมก็เปลี่ยนเป็นชุดไรเดอร์เช่นที่เตี่ยเคยสวมใส่ คร่อมไอ้ตี๋เล็กแล้วออกแรงถีบเพียงน้อย ผมลอยละลิ่วไปบนฟากฟ้า ผมจะไปนราธิวาส ไปหารุสนี!
ใช่ครับ! ผมเป็นหมี่เป็ดไรเดอร์! ยอดมนุษย์สุดหล่อแห่งนครหาดใหญ่ ไรเดอร์หนึ่งเดียวที่โลกมี รู้แล้วเหยียบไว้นะครับ
รางวัลชมเชยจุดประกายอวอร์ด ปี 2552