โปรดทิ้งขยะให้ลงถัง เรื่องสั้นรางวัลชมเชยพานแว่นฟ้า ปี 53

by หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก @26 ส.ค.53 22.50 ( IP : 113...193 ) | Tags : เรื่องสั้น-ความเรียง

โปรดทิ้งขยะให้ลงถัง

ไม่มีใครไม่รู้จักซ้อเหงี่ยม พลันที่ดวงตะวันสาดแสงแรกลงมากระทบถนน และนกนานาชนิดขานขับ

สรรพสำเนียงต้อนรับอรุณ ซ้อเหงี่ยมจะเปิดประตูเหล็กยืดออกเพียงพอดีตัว ด้วยหน้าตางัวเงียยังไม่

ได้ล้าง และดวงตาปรือๆที่ยังหลับอยู่ครึ่งดวง ในมือมีธูปกำใหญ่ที่จุดไว้  พร้อม ด้วยอาการหลับตา

พริ้มดื่มด่ำอยู่ในศรัทธาเซียนทั้งผองอย่างแรงกล้า  ซ้อเหงี่ยมจะตัวสั่นเล็กน้อย ร่างเล็กที่สูงไม่เกิน

155 เซนติเมตรบนรองเท้าส้นตึก จะโงนเงนโยกเยกไปมาน้อยๆด้วยความเลื่อมใส ประหนึ่งมีองค์

เซียนลงมาประทับ  แกจะกำธูปจรดหน้าผากปากขมุบขมิบพึมพำสารพัดสารเพ ลมเช้าหวิววู่มาจาก

ยอดเขา หอบเอากลิ่นหอมของมวลไม้ป่ามาเบาบาง เหล่าเซียนกำลังอวยพรเป็นเพลงลมระบัดโชย

พลิ้วมาอำนวย โอบกอดร่างเล็กแบนทั้งหน้าหลังของซ้อเหงี่ยมอย่างทะนุถนอมอบอุ่น ลมม้วนตัวเป็น

เกลียวแผ่วราวผ้าสไบห่มคลุมตะพายแล่งจากซ้ายมาขวา ก่อนจะวกขึ้นบนลูบหัวปลอบประโลมเอ็นดู

เซียนบนสวรรค์จะคุ้มครองและอำนวยพรที่ขอให้ทุกอย่าง ซ้อเหงี่ยมได้รับสัญญาณจากกลิ่นดอกไม้

หอมกรุ่น อันสยายเกสรปลิวมาจากฟากฟ้าตะวันออก    แกถึงกับทรุดลงนั่งคุกเข่ากับพื้น แหงนหน้า

มองสวรรค์น้ำตาคลอเบ้า ยกกำธูปขึ้นเหนือหัวกล่าวขอบคุณเซียนทั้งหลายไม่หยุดปาก  หยดน้ำตา

ร่วงเผลาะผล็อยเป็นดวง ไหลรินอาบแก้มทีละเม็ด ควันธูปมุ่นมวยโขมงแสบตาจนต้องขยี้ ดวงตาแดง

ก่ำของซ้อเหงี่ยมเปี่ยมไปด้วยความปลาบปลื้มปีติล้นพ้น  จากนั้นแกก็จะหันไปไหว้เจ้าที่เจ้าทางตรง

ประตูบ้าน หันไปทางแปะกงที่อยู่ใต้โต๊ะวางโทรทัศน์ โค้งตัวทำความเคารพด้วยกำธูปในมือ ก่อนจะ

กลับหันหน้ามาทางตะวันออกอีกครั้ง แล้วปักธูปทั้งหมดลงกับดินในกระถางต้นกวนอิม  แกมีความสุข

ดื่มด่ำ วันนี้จะเป็นวันแห่งความโชคดีของแกอีกหนึ่งวันแน่แท้ ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ใช้เวลาประมาณ 45

นาที เป็นอันเสร็จพิธีบูชาเซียนและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่าที่แกจะรู้จัก ด้วยรองเท้าส้นตึกของคนตัวเล็กร่าง

แบน ซ้อเหงี่ยมผู้มีขาสองข้างไม่เท่ากันพยายามเดินกระดกก้นปกปิดความพิการนั้นไว้ เข้าบ้านและ

ปิดประตูเหล็กยืดมิดชิด ที่แม้แต่แมวสักตัวจะสอดสายตามองเข้าไปก็ไม่มีรูให้ส่อง

ซ้อเหงี่ยมร่างเล็กเป็นคนนิยมจีนอย่างสุดซึ้ง เสื้อผ้าเครื่องประดับล้วนแล้วบอกความเป็นจีนเต็มเปี่ยม

แกเกิดและเติบโตที่นี่ ป่าป๊ากับหม่าม้าของแกก็เกิดและเติบโตที่นี่ หลังการอพยพครั้งใหญ่ของเหล่า

ก๋งจากเมืองจีน ครอบครัวเหล่าก๋งต่างๆกระสานซ่านเซ็นไปทั่วแผ่นดินไทย มีไม่น้อยที่มาเพียงพักรอ

การโยกย้ายไปประเทศที่สาม บรรยากาศภายในบ้านซ้อเหงี่ยมจึงอบอวลไปด้วยกลิ่นธูป ตั้งแต่แกจำ

ความได้ก็เห็นเทวรูปเซียนทั้งหลายเรียงรายอยู่บนหิ้ง ซ้อเหงี่ยมบูชาเซียนทั้งหลายด้วยดวงใจ

ศรัทธาระคนยำเกรง  ทุกครั้งที่นั่งคุกเข่าเงยหน้ามอง ประหนึ่งแสงรังสีเทพส่องประกายเจิดจ้ามาอาบ

ชโลมผิวเนื้อ  ไฟดวงเล็กลากสายรายไปตามหิ้ง  ของเซ่นไหว้จำพวกขนมผลไม้ไม่เคยขาด กระดาษ

เงินกระดาษทองกองเป็นพะเนิน เอาไว้จุดเผาในวันไหว้หรือครบรอบปีการเสียชีวิตของป่าป๊าหม่าม้า

ในวันนั้นแกจะหากงเต๊กจำพวกคนใช้ บ้าน รถยนต์ เผาส่งไปให้พร้อมกัน ควันโขมงที่พวยพุ่งขึ้นมา

จากถังเป็นกลุ่มก้อน ลอยล่องขึ้นสูงไปถึงสวรรค์ ที่นั่นป่าป๊าหม่าม้ากำลังนั่งกระดิกเท้ารอรับกงเต๊ก

ซ้อเหงี่ยมอิ่มความรู้สึกแห่งบุญบารมีที่ได้สร้าง แกหวังถึงภพหน้าว่าจะมีทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้จากการ

เผากงเต๊กให้บรรพบุรุษ ทั้งที่แกมีทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้เหลือเฟือเหลือใช้แล้วในชาตินี้ อ้อ แกขาด

แค่คนใช้เท่านั้นเอง ไม่เคยปรากฏว่ามีคนใช้รายใดจะสามารถอดทนอยู่กับแกได้เกิน 2 เดือน ไม่มีใคร

ที่จะไม่รู้ว่าทำไม ทุกคนสามารถคาดเดากันได้ทั้งสิ้น


ทุกครั้งที่ฝนตกน้ำเจิ่งถนน แกจะนั่งเฝ้าอยู่ที่ประตูหน้าบ้านอย่างอดทน ในมือมีไม้ขนาดเล็กยาว

ประมาณสามฟุตถืออยู่ แกจะนั่งหน้าบูดหน้าบึ้ง  เพื่อจะมองดูว่ามีใครหน้าไหนบ้าง ที่อาจหาญเดิน

หลบฝนเข้ามาย่ำใต้ร่มชายคา ถ้ามีและยิ่งถ้าเป็นคนไทยพื้นบ้านละก็ แกจะรีบลุกขึ้นเท้าสะเอวขมึงตา

โบกไม้ไล่ด้วยเสียงแหลมเล็ก มิให้เขาผู้นั้นเอารอยเท้าสกปรกๆมาย่ำฟุตปาธที่สะอาดเอี่ยมอ่องเสมอ

หมาแมวที่ถลำผ่านโดยไม่ตั้งใจ แกจะตะเพิดไล่ไม่ต่างจากที่ไล่คนไทยพื้นเมือง ครั้นฝนซาและหยุด

จนแล้งดีแล้ว แกจะเดินก้นบิดๆเขยกขาไปปักไม้ไว้ในกระถางกวักมรกต รอการหยิบชักขึ้นมาในวันที่

ฝนตกหนักอีกครั้ง



ไม่มีใครเลยที่อยากจะสนทนาปราศรัยกับซ้อเหงี่ยม และทุกคนต่างเวทนาสงสารเฮียย้งกันทั้งสิ้น เฮีย

ย้งคนขายก๋วยเตี๋ยวใจดีคนนี้มีร้านติดกับซ้อเหงี่ยม แกมักรำพึงว่านรกคงชังสวรรค์คงแกล้งให้มาอยู่

ใกล้ ชาติก่อนคงทำบาปเอาไว้หนักหนาสาหัส จึงต้องมาใช้กรรมอันแสนทรมานนี้ แกจะตื่นมาเปิด

ประตูร้านทุกเช้า  ลูกจ้างจะทยอยมาเตรียมของเสร็จสรรพ ร้านก๋วยเตี๋ยวของแกขายดีขึ้นชื่อ ความ

ใจเย็นและสุภาพเสมอทำให้มีขาประจำคุ้นเคยกันมากมาย  แกตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินจนเป็นที่รัก

ใคร่ของใครต่อใคร ตึกแถวพานิชสี่ชั้นนี้มีคลินิกหมอเรียงรายอยู่ 2-3  แห่ง ร้านของแกกับบ้านของซ้อ

เหงี่ยมอยู่กึ่งกลางแถวพอดี เฮียย้งสนิทกับทุกบ้านด้านขวาไล่ไป  ในส่วนฟากด้านซ้ายนั้น ข้ามบ้าน

ซ้อเหงี่ยมไปสักหลัง  แกก็สามารถพูดคุยกันเฮฮาได้ปกติ แต่ก็ไม่ได้มีความสนิทสนมมากนัก  ทุกคน

สันนิษฐานกันว่าเพราะมีซ้อเหงี่ยมมากั้นกางขวางไว้ เฮียย้งจึงไม่สมารถเดินเข้าออกบ้านโน้นบ้านนี้

ได้เหมือนดั่งด้านขวา ดังนั้นการสังสรรค์ปาร์ตี้ในทุกเทศกาล จึงเป็นการสังสรรค์ที่แบ่งเป็นปีกของ

ตึกแถวไปโดยปริยาย  เว้นไว้เพียงบ้านของซ้อเหงี่ยมที่จะเงียบเชียบไม่เคยเข้าร่วมด้วย  เช่นที่ไม่มี

ใครบ้านไหนสักหลังจะเอ่ยปากชวนเชิญ เสมือนหนึ่งซ้อเหงี่ยมไม่มีตัวตนอยู่ในห้องแถวพานิชนี้ แต่

ทุกคนทั้งสองปีกมักจะพูดคุยนินทาลับหลังกันสนุกปาก และหากเมากันหนักเข้า ก็อาจมีการถุยให้อยู่

เหมือนกัน


แรกๆนั้นบ้านทุกหลังจะมีระดับของพื้นหน้าบ้านที่เท่ากัน ตามแบบที่เทศบาลอนุญาตให้สร้าง ซ้อเหงี่

ยมเป็นคนรักความสะอาดอย่างที่สุด ใบไม้ทุกต้นในกระถางได้รับการฉีดน้ำและเช็ดจนแวววับ โดย

เฉพาะใบของกวักมรกตที่เขียวเข้ม  จะเป็นประกายสะท้อนแดดที่สาดเข้ามาแตะต้อง วาวเลื่อมราวกับ

เช็ดด้วยน้ำมัน ประตูเหล็กยืดได้รับการเช็ดถูอย่างดี ลับแลบังตาไม่เคยปรากฏว่าจะมีหยากไย่ฝุ่นหรือ

คราบจารบีเปรอะเปื้อน พื้นหน้าบ้านจะได้รับการกวาดและล้างทุกวันอาทิตย์ วันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันที่

ร้านก๋วยเตี๋ยวของเฮียย้งขายดีเป็นพิเศษ ลูกค้าจะมายืนรอเป็นแถวยาวรายเรียง โต๊ะเสริมถูกนำมาวาง

ไว้ริมถนน และหน้าบ้านของปีกขวาทุกหลัง กระนั้นก็ยังไม่เพียงพอแก่การรองรับลูกค้า  เฮียย้งหาโต๊ะ

เสริมมาเพิ่ม ขออนุญาตบ้านปีกซ้ายเพื่อวางโต๊ะเก้าอี้  เว้นไว้เพียงหน้าบ้านของซ้อเหงี่ยมเพียงหลัง

เดียว ไม่มีลูกค้าเก่าคนไหนไม่รู้ว่าทำไม นอกจากลูกค้าหน้าใหม่ๆที่มีเข้ามาทุกวัน ด้วยความที่ไม่รู้

ลูกค้ารายใหม่จึงยืนรอกระจุกกันเต็มหน้าบ้านซ้อเหงี่ยม เฮียย้งต้องรีบเอ่ยปากขอโทษที่ให้ยืนรอตรง

นั้นไม่ได้ อย่างเกรงใจยิ่ง เฮียย้งจะวิ่งหาเก้าอี้มาเสริมให้ลูกค้าหน้าใหม่นั่งรอในที่ที่ควรนั่ง ก่อนจะ

อธิบายให้ได้ยินกันทั่วถึงในคราวเดียว ว่าการยืนรอหน้าบ้านซ้อเหงี่ยมนั้นเป็นเรื่องอันตรายและ

อัปมงคลยิ่งนัก เคยมีลูกค้ารายหนึ่งเข้ามาอุดหนุนครั้งแรก เป็นวันที่แดดร้อนจัดจนถนนแทบลุกไหม้

หน้าร้านหันไปทางทิศตะวันออก  ช่วงเดือนที่โลกหมุนขยับทิศนั้น  แดดที่เคยสาดส่องเข้ามาแล้ว

โดนอาคารสี่ชั้นตรงข้ามบังบด ก็ย้ายมุมมาส่องจังๆที่ร้านเฮียย้ง  แดดเก้าโมงเช้าช่างร้อนได้จัดจ้าน

เหลือใจ กันสาดบังแดดไม่สามารถเป็นร่มเงาได้เพียงพอ ลูกค้ารายนั้นขับมอเตอร์ไซค์มาจอดหน้า

ร้าน เหลียวมองดูที่ร่มก็ไม่เห็นมี ครั้นแล้วก็เหลือบสายตาขึ้นมอง เห็นหน้าบ้านซ้อเหงี่ยมว่างอยู่ ทั้ง

ร่มรื่นไปด้วยแมกไม้ในกระถาง  เขาลงจากมอเตอร์ไซค์แล้วจูงขึ้นไปตั้งขาตั้งหน้าบ้านซ้อเหงี่ยมอย่าง

ยินดี เบาะหนังของมอเตอร์ไซค์หากโดนแดดเผานั้น จะร้อนจนเกินจินตนาการว่าทำไมถึงนั่งไม่ลง

หลังจากสั่งก๋วยเตี๋ยวใส่ห่อได้ประมาณสิบนาที และยืนรอด้วยความหิวอร่อย ซ้อเหงี่ยมก็กลับมาจาก

ธุระข้างนอก มอเตอร์ไซค์ซ้อเหงี่ยมถูกบีบแตรเสียงดังเพื่อไล่ลูกค้าที่ยืนรอเกะกะขวางทาง พลันที่

มอเตอร์ไซค์ซ้อเหงี่ยมทะยานขึ้นฟุตปาธ แกก็ต้องตกใจตาเหลือกลานเมื่อเห็นมอเตอร์ไซค์ของ

ลูกค้ารายนั้นจอดอยู่แนบชิดติดประตูบ้าน ซ้อเหงี่ยมตาเบิกโพลง  รีบเดินมาเท้าสะเอวหน้าร้าน

ก๋วยเตี๋ยว  ปากร้ายๆก็ทำงานอย่างฉับไว เสียงแหลมเล็กนั้นแผดขึ้นหวีดโวยวายในทันที ซ้อเหงี่ยม

ด่าพ่อด่าแม่คนที่จอดรถหน้าบ้านแกอย่างไม่ไว้หน้า ลูกค้าทั้งหลายตกอกตกใจไปตามๆกัน  ลูกค้า

รายนั้นคงกำลังตะลึงจึงไม่ขยับเขยื้อนรถออก เป็นเฮียย้งที่เดินเข้าไปฉวยแฮนด์มอเตอร์ไซค์แล้วจูง

ลงมาที่ถนนหน้าร้าน ลูกค้ารายนั้นยังคงตะลึง ยิ้มแห้งๆอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมต้องโกรธและด่ากัน

ขนาดนี้ เฮียย้งส่ายหน้าระอาช้าๆ  และแปลกใจที่ลูกค้ารายนั้นไม่รู้สึกโกรธซ้อเหงี่ยมแม้แต่น้อย

หนำซ้ำยังกล่าวขอโทษเฮียย้งเสียอีก ที่ทำให้แกต้องเสียเวลามาจูงรถลงถนนให้


และนับแต่นั้น เพื่อป้องกันอาณาเขตของตน ซ้อเหงี่ยมจึงให้ช่างมาเทพื้นฟุตปาธให้สูงขึ้นมาอีกหนึ่ง

ฟุต ปูด้วยกระเบื้องผิวด้านขนาด 12 คูณ 12 สีเทาสวยงาม  เว้นตรงมุมขวาเอาไว้สำหรับวางถังขยะ

ใบหนึ่ง  และเพื่อความเป็นมงคลของฮวงจุ๊ย ซ้อเหงี่ยมจึงหาปลาหางนกยูงมาปล่อยในกระถางบัว พื้น

ฟุตปาธที่เทสูงขึ้นมานี่เอง ที่เฮียย้งต้องกล้ำกลืนฝืนเก็บความรู้สึกเอาไว้ ไม่ใช่เพราะแกโดนทับฮวง

จุ๊ย หรือกำลังโดนซ้อเหงี่ยมดูถูกว่าต่ำกว่าอย่างที่มีหลายคนบอกกล่าว แต่เพราะทุกวันอาทิตย์ จะเป็น

วันที่ซ้อเหงี่ยมกวาดพื้นถูฟุตปาธอย่างมีความสุขยิ่ง  แกจะฉีดน้ำเนิ่นนานจนพื้นฉ่ำเย็นไปทั่ว ลาก

สายยางไปที่กระถางต้นไม้แล้วรดน้ำจนชุ่ม ปากก็พูดกับต้นไม้เจื้อยแจ้วเรื่อยเปื่อย น้ำยาถูถูกเทลงพื้น

เมื่อแกออกแรงขัดด้วยแปรงด้ามยาว น้ำยาก็จะฟูขึ้นเป็นฟอง คราบสกปรกทั้งมวลถูกขัดชะล้างจน

ฟองนั้นดำหม่น แล้วแกก็จะฉีดน้ำไล่ฟองหม่นดำนั้นออกไป แน่ล่ะที่น้ำย่อมไหลลงที่ต่ำ เมื่อฟุตปาธ

เฮียย้งต่ำกว่า ก็หมายความว่าต้องรองรับคราบสกปรกเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เฮียย้งยืนมองตา

ปริบๆ  ในขณะที่ซ้อเหงี่ยมร้องเพลงจีนล้งเล้งไม่สนใจ เฮียย้งรอจนเก็บร้านแล้วจึงขัดถูพื้นให้หมด

คราบฟอง ซ้อเหงี่ยมเดินไปมาอย่างมีความสุขสบายอารมณ์ ความรู้สึกขุ่นเคืองใจทวีความรุนแรงขึ้น

ในอกเฮียย้ง  แต่แกเลือกที่จะเก็บมันเอาไว้เงียบๆ และทำเป็นไม่เห็นไม่ได้ยินเสีย  เสมือนหนึ่งซ้อเหงี่

ยมเป็นเพียงหมาแมวสักตัวที่สร้างความรำคาญใจ ไม่มีประโยชน์ใดเลยที่จะไปทะเลาะกับหมาอย่าง

ซ้อเหงี่ยม


หลายปีผ่านกับความกล้ำกลืน เฮียย้งแทบจะเป็นโรคประสาทเพราะผู้หญิงร่างเล็กขาเกคนนี้  เสียงที่

แผดดังไม่มีกังวานนั้น บาดแก้วหูเฮียย้งเหลือจะรับ ร้านก๋วยเตี๋ยวยังคงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เฮียย้ง

แก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการขึ้นป้ายประกาศขอความร่วมมือจากลูกค้า กรุณาอย่ายืนหน้าบ้านหลังนี้

พร้อมลูกศรขนาดใหญ่ชี้ไปที่บ้านซ้อเหงี่ยม  จนรถเข็นที่วางตู้ก๋วยเตี๋ยวมีสภาพทรุดโทรม เฮียย้งจึง

ตัดสินใจหยุดร้านเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ พร้อมด้วยการสั่งต่อรถเข็นใหม่ ไหนๆก็ไหนๆ เฮียย้งจึงให้

ช่างมาเทพื้นฟุตปาธเสียเลย เพื่อง่ายต่อการเข็นรถเข้าในบ้านเมื่อเก็บร้านเสร็จแล้ว และเพื่อแก้

ปัญหาคราบสกปรกเวลาซ้อเหงี่ยมล้างฟุตปาธ  ปูนถูกเทลงมาจนเสมอกับตัวบ้าน กระเบื้องสีอ่อน

นวลถูกปูอย่างบรรจง ทำบันไดเป็นขั้นด้านหน้าเพื่อให้ลูกค้าเดินขึ้นร้านได้สะดวก ซ้อเหงี่ยมที่เหล่

มองมาตั้งแต่เฮียย้งเริ่มโครงการ ก็กระวนกระวายใจอยู่ไม่ติด แกเดินวนไปมาหน้าบ้านเหมือนหมาติด

ท้ายตรอกตัน  ครั้นเชื่อแน่แล้วว่าเฮียย้งเทพื้นให้สูงกว่าของแกเพื่อข่มบารมี ซ้อเหงี่ยมก็เป็นฟืนเป็น

ไฟโกรธโมโหจนแทบจะคลั่ง จะเทพื้นให้สูงขึ้นกว่าอีกก็เสียดายกระเบื้องราคาแพงที่ปูอยู่ก่อน จึง

เรียกช่างให้มาทำคันกั้นระหว่างบ้าน ก่อขึ้นมาให้สูงกว่าพื้นของเฮียย้ง แม้จะอยู่ในเขตบ้านของแก แต่

ระดับความสูงนั้นทำให้ใครต่อใครเข้าใจว่าเฮียย้งก่อขึ้นมา คำอธิบายชุดใหม่ถึงคันปูนจึงต้องถูกพร่ำ

บอกกันนานอีกหลายเดือน ว่านั่นไม่ใช่ของแก แต่เป็นของซ้อเหงี่ยมคนข้างบ้าน หากใครเดินสะดุด

ล้มลงหัวแตก แกก็ไม่รู้จะรับผิดชอบได้อย่างไร  อีกทั้งแกจนปัญญาที่จะจัดการแก้ไขอย่างใดได้อีก

แล้ว


และไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครรู้ ว่าเมืองใหญ่อย่างนี้จะมีหนูอาศัยอยู่ในท่อมากมายเพียงไร  เมื่อซ้อเหงี่ยมพบ

หนูจำนวนมากป่ายปีนขึ้นมาหาเศษอาหารจากถังขยะของแก ถังขยะของแกที่วางอยู่มุมขวาหน้าบ้าน

แกเองนั่นแหละ  ซ้อเหงี่ยมก็แสดงอาการขยะแขยงขึ้นมาทันที    ส่งเสียงตะเพิดไล่หนูเหล่านั้น

ไปเสียให้พ้นจากถังขยะ พวกมันกรูหนีด้วยความตกใจไปทางหมู่กระถางต้นไม้  เพียงครู่หนูพวกนั้นก็

โผล่จมูกออกมาจากเงามืด มันสอดส่ายสายตาดูซ้อเหงี่ยมที่เต้นแร้งเต้นกาเป็นผีเข้า รอจนได้จังหวะ

ที่ซ้อเหงี่ยมเผลอ ก็กรูวิ่งสวนกลับมาทางซ้อเหงี่ยม แล้วหลบหายไปในรูท่อระบายน้ำตามเดิม ซ้อเหงี่

ยมร้องกรีดขึ้นดังลั่น ด่าพ่อด่าแม่ไอ้หนูสกปรกพวกนั้นเสียงขรม ตัวแกสั่นพับๆเหมือนกับมีเซียนองค์

ร้ายๆลงประทับ  ทำให้ใครต่อใครหันมามองดูว่าเกิดอะไรขึ้น ครั้นแล้วเสียงหัวเราะเยาะก็ดังลั่นขึ้นมา

ถล่มทลายรอบทิศ  ทุกคนสมน้ำหน้าซ้อเหงี่ยม ดีใจที่มีหนูยั้วเยี้ยวิ่งกันเพ่นพ่านหน้าบ้านแก ซ้อเหงี่

ยมหยุดกึก หันมามองดูทุกคนด้วยดวงตาเย็นชาเยียบเย็นอยู่นาน สบตากับเฮียย้งที่ไม่ได้หัวเราะเยาะ

แกแม้สักน้อย มีเพียงแค่เสียงดังหึหึอยู่ในลำคอเท่านั้น ดวงตาแกมาดร้ายจนเฮียย้งรู้สึก ต้องถอน

หายใจรำพึงถึงความซวยที่จะมีมาแน่ๆ



และจริงเช่นนั้น ยามค่ำของอีกวันหนึ่ง เฮียย้งเดินออกจากร้านเพื่อไปกินอาหารมื้อค่ำ ก็ต้องแปลกใจ

ที่เห็นถังขยะซ้อเหงี่ยมมาวางอยู่บนถนนบริเวณที่ตรงกับหน้าร้านของแก เพื่อความสบายใจทั้งปวง

ทั้งของแกเองและของซ้อเหงี่ยม เฮียย้งลากถังขยะใบนั้นให้กลับไปอยู่ที่เดิม จากนั้นก็ออกไปหาข้าว

กิน จนได้เวลาประมาณสามทุ่มนั่นแหละ แกจึงจะเสร็จสิ้นการกินที่เปี่ยมสุขเหลือคณานั้น แต่แล้ว

ความสุขแสนสั้นก็ดับวูบลง เมื่อเฮียย้งกลับมาแล้วเห็นถังขยะวางอยู่บนถนนหน้าร้านอีกครั้ง แกเกา

หัวยิกๆทั้งโกรธทั้งฉุนและทั้งขำในความปัญญาอ่อนของซ้อเหงี่ยม ง้างขาเตะถังขยะจนกลิ้งหลุนๆ

ระเนระนาด เดินบ่นพึมพำปิดประตูบ้านอาบน้ำนอนทันที  ไม่มีใครรู้ว่าเป็นกี่คืนวัน ที่ถังขยะซ้อเหงี่ยม

มาอยู่บนถนนหน้าร้านเฮียย้ง แต่เศษอาหารขยะต่างๆที่โดนหนูลากลงมาเรี่ยราดนั้น นับวันยิ่งระเกะ

ระกะสกปรกส่งกลิ่นไปทั่ว แม้เฮียย้งจะกวาดพื้นถนนในทุกเช้าก็ตามที กลิ่นจากรังหนูในรูท่อระบายน้ำ

ก็โชยมาหึ่งเหม็นจนสุดจะทน เฮียย้งต้องคอยลากถังขยะใบนั้นให้กลับไปอยู่ที่เดิมของมันทุกวัน ทั้ง

โกรธและไม่พอใจ อยากจะเตะซ้อเหงี่ยมให้กลิ้งหลุนๆเหมือนถังขยะ  อยากจะโยนถังขยะทุ่มใส่ประตู

บ้านซ้อเหงี่ยมให้มันแล้วๆกันไป แต่ถนนเป็นที่สาธารณะ จะพูดว่าไม่มีเจ้าของก็ไม่ได้ เพราะทุกคน

เป็นเจ้าของถนนร่วมกัน ในความหมายที่ทุกคนสามารถใช้ร่วมกันได้แต่ครอบครองไม่ได้นี้  เฮียย้งจึง

ไม่รู้จะจัดการกับถังขยะอย่างไรดี ไอ้เรื่องการจะไปบอกซ้อเหงี่ยมว่าอย่ามาวางหน้าร้านแกนั้น ความ

เป็นไปได้ไม่มีเลย


ไม่ใช่การแก้แค้นของซ้อเหงี่ยมหรอก กับการจงใจย้ายถังขยะไปอยู่หน้าร้านเฮียย้งในตอนเย็น  คน

ข้างร้านบอกว่านั่นเป็นการแก้ฮวงจุ๊ยต่างหาก ถังขยะเป็นสิ่งรองรับของเสียของสกปรก ไม่ควรวางอยู่

หน้าบ้านแต่อย่างใด และช่วงเย็นที่เฮียย้งเก็บร้านพักผ่อนนั้น เหมาะแก่การลอบเอาถังขยะมาวางไว้

ที่สุด  เฮียย้งวาบขึ้นมาในทรวงอกทันที  พินิจตริตรองดูแล้วเห็นท่าจะจริง ครั้นหวนคิดไปถึงเรื่อง

สารพัดที่โดนซ้อเหงี่ยมเอาเปรียบ  แกก็หน้าตาแดงก่ำด้วยความโกรธขึ้นมาติดหมัด ยิ่งรื้อฟื้นการเท

พื้นของซ้อเหงี่ยมมาคิด  การก่อคันกั้นระหว่าง  การเดินดูถังขยะหน้าบ้านตอนกลางวันว่ามีใครเอา

อะไรมาทิ้งไหม ถ้ามีแกก็จะใช้ไม้เขี่ยขยะนั้นออกมาทิ้งหน้าร้านเฮียย้ง  และที่ครั้งหนึ่งเคยพูดเสียงดัง

ให้ได้ยิน ว่ากันสาดบ้านตรงข้ามเยื้องไปทางซ้ายนั้นลาดลงมาเป็นปลายหอก โชคดีที่มุมลาดนั้นไม่ชี้

บ้านแก โชคดีจริงๆที่ปลายหอกนั้นพุ่งทิ่มเข้าใส่บ้านเฮียย้ง  ยิ่งคิดยิ่งแค้น  ยิ่งทำให้รู้สึกเกลียดซ้อ

เหงี่ยมยิ่งขึ้น  เฮียย้งนอนไม่หลับ แกกลัดกลุ้มและทุกข์ทรมานกับความแค้นคลั่ง จะไปตบตีก็ละอาย

ใจที่ซ้อเหงี่ยมเป็นผู้หญิง  จะทำอย่างไรดี ? กลางวันที่ซ้อเหงี่ยมเทียวเดินดูของแปลกปลอมในถัง

ขยะ และเขี่ยออกมากองบนพื้นถนนหน้าร้านเฮียย้ง  จะจัดการเช่นไรดี ? กลางคืนที่ถังขยะหราอยู่

เบื้องหน้าเมื่อมองมาจากตัวบ้าน หนูขวักไขว่กระโดดขึ้นลงถังคาบโน่นคาบนี่ไม่หยุด เฮียย้งได้แต่กัด

กรามลากถังขยะกลับไปไว้ที่เดิม หลายครั้งที่ซ้อเหงี่ยมเห็น ซ้อเหงี่ยมก็จะยืนเท้าสะเอวขมึงตาไม่

พอใจ และรอจนเฮียย้งกลับเข้าไปในตัวบ้าน แกก็จะลากถังขยะอย่างรุนแรงไปไว้หน้าร้านเฮียย้งทันที

เศษขยะกล่นเกลื่อนหกออกมาเป็นทาง แล้วที่สุดการต่อปากต่อคำเถียงด่ากันก็เกิดขึ้นจนได้  เฮียย้ง

แทบหมดความอดทน แกง้างมือหมายจะตบซ้อเหงี่ยมให้คว่ำลงไปสักฉาด ก็ได้แต่เงื้อง้างค้างไว้เช่น

นั้น  กระฟัดกระเฟียดลดมือลง ทำได้แค่เถียงด่ากลับไปตามเดิม ซ้อเหงี่ยมรู้ดี เฮียย้งไม่กล้าลงมือกับ

แกเป็นเด็ดขาด  เพราะแกเป็นผู้หญิงตัวเล็ก หนำซ้ำยังพิการขาไม่เท่ากัน  หากเฮียย้งตบตีก็จะโดน

ติฉินนินทา อาจร้ายไปถึงการถูกแสดงความรังเกียจเลยก็ได้ นี่คือชัยชนะของซ้อเหงี่ยม นี่คือความ

ปรายชัยพ่ายแพ้หมดรูปของเฮียย้ง การต่อปากต่อคำคืนนั้นจึงจบด้วยเสียงหัวเราะเป็นเป็ดของซ้อ

เหงี่ยม และการแช่งชักหักกระดูกของผู้แพ้  เมื่อซ้อเหงี่ยมกล้าที่จะเบียดเบียนเอาจากสาธารณะด้วย

การวางถังขยะบนถนน ทำไมเฮียย้งจะทำบ้างไม่ได้ ? ในเมื่อทุกคนมีสิทธิเหนือถนนร่วมกัน รถยนต์

สามารถจอดได้ค้างคืน บ้านไหนๆก็สามารถวางกระถางต้นไม้ใหญ่ได้ แกจะมาทำเหนียมต่อสำนึกร่วม

สาธารณะอยู่ทำไม ? จึงมีคันปูนก่ออิฐเกิดขึ้นกั้นถนนระหว่างบ้านซ้อเหงี่ยมกับร้านเฮียย้ง คันปูนนั้น

ลากยาวออกไปประมาณสามฟุต  แบ่งบอกอาณาเขตของสองบ้านชัดเจน แน่ล่ะที่ซ้อเหงี่ยมไหน

เลยจะรู้ร้อนรู้หนาว    แกยังคงยกถังขยะมาวางไว้ร้านเฮียย้งตามปกติ   เฮียย้งจะทำเช่นไร ? ก็ได้แต่

ยืนมองตาปริบๆตามที่เคยเป็น และยกถังขยะกลับไปให้อยู่ที่เดิมของมันเหมือนที่เคยยก



ไม่มีใครไม่รู้จักซ้อเหงี่ยม อาณาเขตบ้านแสนสวยที่แกหวงแหนนั้นไม่เคยมีใครได้กรายใกล้แม้เพียง

ฟุตปาธ ดั่งนั่นเป็นอาณาจักรส่วนตัวที่เป็นเอกเทศแล้วจากสังคมและเทศบาล ซ้อเหงี่ยมไม่ใยดีอย่าง

ใดทั้งสิ้นกับเพื่อนบ้าน แกยืนยันในสิทธิของแกเต็มเปี่ยม สิทธิในอาณาเขตที่แกครอบครองเป็น

เจ้าของ และสิทธิในการเป็นเจ้าของถนนร่วมกัน ไม่ต้องให้มีใครบอก ทุกคนรู้ดีว่าแกจะโต้เถียงกลับ

มาอย่างไรในเรื่องของถังขยะบนถนน และแน่นอนที่ทุกคนก็เถียงแกไม่ได้ในเรื่องนี้ เฮียย้งจึงได้แต่

กล้ำกลืนฝืนทนต่อไป กลิ่นควันธูปที่แกจุดเซ่นไหว้เทพเจ้าเซียนทั้งหลายยังคงล่องลอยโขมงไปทั่ว

เสียงงิ้วจากแผ่นซีดีกังวานกลบสรรพเสียงบนท้องถนน เศษประทัดที่ถูกจุดเพื่อถวายความศรัทธา

เซียนทั้งหลายว่อนเวี่ยปะปนกับกลิ่นกำมะถัน ซ้อเหงี่ยมเดินโขยกเขยกเข้าออกบ้าน ตรวจดูฮวงจุ๊ยใน

ทุกสัปดาห์ว่าถูกที่ถูกทางดีหรือไม่ และรังหนูในรูท่อระบายน้ำนั้น ซ้อเหงี่ยมได้จุดประทัดยาวลงไป

เป็นตับ แรงอัดของประทัดทำให้ฝาท่อสะเทือนเล็กน้อย  แต่ก็มากพอที่จะเกิดรอยร้าวขึ้น  ควันและ

กลิ่นกำมะถันอบอวลกับน้ำคู กระเซ็นขึ้นมาตามรูท่อและรูฝาท่อ ในดงกระถางต้นไม้มงคลของแก ซ้อ

เหงี่ยมก็วางยาเบื่อหนูคลุกเนื้อไก่ล่อไว้ อีกวันซากหนูจำนวนมากมายก็นอนอืดสิ่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว

บริเวณ มันเป็นยาเบื่อชนิดไม่ตายทันที แต่จะทำให้หนูวิ่งพล่านหาน้ำกิน น้ำที่กินเข้าไปนั้นจะทำ

ปฏิกิริยากับยาเบื่อ  และจะกระเสือกกระสนดิ้นไปตายที่อื่น เฮียย้งต้องปิดร้านเพื่อเก็บกวาดซากหนูไป

ทิ้ง  ล้างพื้นทำความสะอาดลงน้ำยาดับกลิ่น  ถังขยะซ้อเหงี่ยมยังวางอยู่บนถนนหน้าร้านเฮียย้ง ไม่มี

หนูวิ่งขวักไขว่หากิน ซ้อเหงี่ยมมีความสุขกับการทำความสะอาดครั้งนี้ แกล้างพื้นหน้าบ้านพลางร้อง

เพลงจีนงึมงำ ฉีดน้ำแล้วกวาดคราบดำหม่นอันอัปมงคลออกไป  โลกของแกช่างสะอาดเอี่ยมและน่า

อยู่อาศัยอย่างยิ่ง



แล้วเฮียย้งล่ะ ? เฮียย้งก็ยังคงลวกก๋วยเตี๋ยวขายยังชีพเหมือนที่เคยเป็น ยังต้องกล้ำกลืนไม่รู้จะทำ

อย่างไรดีกับซ้อเหงี่ยม  แกเคยนึกจะฟ้องร้องเอากับศาล  แต่ก็ไม่รู้ว่าข้อกฎหมายใดที่จะเอาผิดซ้อเหงี่

ยมได้  นึกไม่ออกจริงๆ  ซ้อเหงี่ยมไม่ได้ทำผิดคดีอาญาใดใดเลย  แม้ฟุตปาธจะเป็นพื้นที่สาธารณะ

ร่วม มีกฎเทศบาลบังคับอยู่ก็จริง  แต่ก็อยู่ในความดูแลของเจ้าของบ้านแต่ละหลัง เทศบาลยินดีที่จะ

ให้เอกชนปรับภูมิทัศน์ฟุตปาธให้สวยงาม และถนนนั้นก็อย่างที่รู้อยู่ สร้างมาจากภาษีประชาชนทุก

บาททุกสตางค์  ทุกคนต่างสามารถยืนยันเป็นเจ้าของร่วมกันได้  เพียงแต่ไม่สามารถครอบครองได้

เท่านั้นเอง แล้วจะห้ามซ้อเหงี่ยมไม่ให้วางถังขยะบนถนนได้อย่างไร ? ในเมื่อยังมีรถยนต์จอดริมถนน

ค้างคืนอยู่ ที่สำคัญถนนหน้าร้านนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นของเฮียย้ง



ทุกเช้า เฮียย้งจะเปิดประตูร้านอย่างหมดอาลัยตายอยาก กลิ่นหอมดอกไม้จากยอดเขาฝั่งตะวันออก

ล่องลอยมาปกคลุมบางเบา เซียนทั้งหลายน้อมรับของเซ่นไหว้ต่างๆจากซ้อเหงี่ยม อวยพรให้ชีวิต

มั่นคงสุขสมอารมณ์หมายในทุกอย่าง ให้ซ้อเหงี่ยมปลอดภัยจากการรบกวนใดใดที่ไม่ปรารถนา

เทพเจ้าบนสวรรค์เฝ้ามองดูซ้อเหงี่ยมอย่างเอ็นดู อาณาเขตหน้าบ้านของซ้อเหงี่ยมจะต้องเป็นพื้นที่

บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไร้รอยย่ำเปื้อนจากเท้าใดใดทั้งสิ้น และเทศบาลจะเป็นผู้อาสาเก็บขยะขนไปทิ้งให้ใน

ตอนดึก  ดังนั้นการแก้ปัญหาเรื่องซ้อเหงี่ยมในลำดับต่อมาของเฮียย้ง  ก็คือการขึ้นป้ายประกาศเตือน

ลูกค้าเอาไว้เด่นชัด “โปรดทิ้งขยะให้ลงถังที่ทางร้านเตรียมเอาไว้เท่านั้น” เฮียย้งทำได้เพียงเท่านี้

จริงๆ.


รางวัลชมเชยพานแว่นฟ้า ปี 2553

ทั้งหมดในเรื่องเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น จนมีข่าวคนหาดใหญ่ยิงหญิงชราอายุ 77 ด้วยความโกรธเกลียด ทะเลาะเรื่องที่จอดรถหน้าบ้าน ก็ได้แต่เสียดายที่คนร้ายไม่อยู่แถวบ้านผม 5555

การเขียนเรื่องจริงจะง่ายที่สุด แต่ต้องให้เนียนที่สุดด้วย และที่สำคัญอย่าให้คนที่เราเขียนถึง "กระทบ" เด็ดขาด

Comment #21
saifon (Not Member)
Posted @30 ส.ค.53 22.42 ip : 222...16

อีกหน่อยคงกลายเป็นสุสาน!!

Comment #22
Posted @30 ส.ค.53 22.44 ip : 118...20

มาตอบน้าดินในเมนท์ที่ 11 นะครับ-

งานสกุลกระแสสำนึกนี่ผมก็ไม่ไหว  อ่านพี่น้องราคาคาซัง ( :d  :p ) ของดอสโตเยฟสกี้มา 10 กว่าปีนี้ ยังไม่จบเลย 55555  อืดอาดยืดยาดเหลือเกิน มันอาจมีของใหม่ที่ร่วมสมัยกว่า แล้วผมยังไม่เจอก็ได้ แต่โดยรวมแล้วสกุลนี้ไม่ใช่ทางของผม นักเขียนไทยก็มักจะหลงอะไรบางอย่างกับงานสกุลนี้  ว่ากระแสสำนึกคือการรำพึงรำพันตะพึดตะพือ แล้วก็พร่ำเพ้อไปจนจบเรื่อง ก็ยิ่งทำให้น่าสนใจน้อยลงครับ สำหรับผมนะ


ต่อไปตอบคำถามน้าดิลล์-

  1. อันนี้เห็นด้วยกับน้าดิน จริงๆผมควรเรียกประเทศในงานชิ้นนี้นี้ว่าสยาม แต่ด้วยความที่เผลอเรอ คือไม่แก้ตัวละครับ เพียงแต่คนปัจจุบันอาจหลงลืมประวัติศาสตร์ตรงนี้ไปแล้วก็ได้ หรือไม่ก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลย เพราะมันมีนัยอยู่กับการเมืองและสถาบันกษัตริย์ แล้วผมเองก็อาจจะหลงลืมไปตอนเขียนงานด้วย

2.การเผากงเต๊กนั้นก็เพื่อให้ผู้ล่วงลับไปแล้วครับ  แต่ปัจจุบันคนจีนมักนึกว่านี่คือการทำความดีหนึ่ง ที่จะส่งผลกลับมายังตนที่จะได้ใช้ในภพหน้า เหมือนการใส่บาตรของไทย ที่มักอธิษฐานว่าชาติหน้าขอให้รวย สวย นิสัยดี เอาใจเก่ง ครับ

3.คำว่าพานิชนี่ผมงงจริงๆ แล้วก็ไม่เคยอาศัยพจนานุกรมหาความหมายเลย แต่สังเกตุจากโรงเรียนพานิชน่ะครับ บางแห่งก็พานิช บางแห่งก็พาณิชย์ แค่สงสัยว่าทำไมใช้ไม่เหมือนกัน ส่วนเรื่องชอบเด็กพานิชไหมนั้น ไม่บอกครับ  #)

4.ส่วนคำว่า "ที่" ที่มีอยู่ 124 คำนั้น ขอบคุณครับที่สังเกตุ เพราะตอนเขียนนั้นมันมันส์มาก  :p

น้าดินครับ ผมต้องการคนติงานผมเยอะๆ อย่าได้เกรงใจเด็ดขาดสำหรับเรื่องงาน ผมมีแต่จะขอบคุณครับ รวมถึงทุกท่านด้วยนะครับ กรุณาติงานผมเยอะๆ ผมไม่ชอบการคอมเมนท์แบบดีจัง ชอบ เขียนดี เก่ง อะไรแบบนี้ตะพึดตะพือครับ เพราะรู้ตัวว่าผมต้องปรับปรุงอีกเยอะ และต้องอาศัยคนอ่านนะแหละที่จะช่วยตรงนี้ได้

นะครับ

Comment #23
saifon (Not Member)
Posted @30 ส.ค.53 23.11 ip : 222...16

มาเอา'พัฒนาการของวรรณกรรม'ไปไว้ที่saifonosoth1.blogspot.comอีกเรื่องนึงนะพี่หมี่เป็ด!!

Comment #24
ประทีป จิตติ (Not Member)
Posted @27 ต.ค.53 10.38 ip : 110...51

พานแว่นฟ้าผมก็ส่ง ปีเว้นปี แต่ก็ลงถัง  :d

เห็นด้วยกับความเห็นท้ายเรื่องครับ เรื่องจริงเขียนง่ายแต่ต้องให้เนียน...แต่อย่างหลังผมพลาดไปด้วยคนที่เกี่ยวข้องด้วยไม่ย้อมไม่ยอม ขนาดเปลี่ยนชื่อแซ่หมดแล้ว แต่ก็ยังบอกว่า "ยังไง ๆ มันก็เรื่องของกูอยู่ดี"

:|

Comment #25
Posted @19 ก.พ.55 23.17 ip : 118...92

:d

แสดงความคิดเห็น

« 3575
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 20 user(s)

User count is 2284584 person(s) and 9285356 hit(s) since 4 พ.ค. 2567 , Total 550 member(s).