มาจากร้านหมี่เป็ดศิริวัฒน์ : นังแมวชราผู้จงหองอย่างที่สุด
มาจากร้านหมี่เป็ดศิริวัฒน์ : นังแมวชราผู้จงหองอย่างที่สุด . มันเป็นแมวที่ทระนงโดยแท้!
๑).
มันวิ่งกระเซอะกระเซิงมาอย่างตกใจกลัวสุดชีวิตในเช้าวันหนึ่ง ตามร่างมีรอยแผลพร้อยพรายพร่าง หางกุดๆนั้นชี้แข็งบอกลักษณะขอความช่วยเหลือ แต่ขนที่พองทั่วทั้งตัวก็บอกสัญญาณอันตรายในการป้องกันตัวของมัน มันกระโดดข้ามกองธูปแบกะดินของพี่เล็กหน้าร้านหมี่เป็ด วิ่งพรวดเข้ามาในร้านแล้วไปแอบตัวสั่นอยู่ในกองถ่านสูงท่วมหัว แยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆโก่งตัวพองขน นานจนมันสงบ เตี่ยจึงเดินไปอุ้มลูบหัวเกาคางเบาๆ มันข่วนและกัดแขนเตี่ยเป็นทางยาว ก่อนจะซุกแขนเตี่ยขดตัวนิ่ง แต่ดวงตาตื่นตระหนกนั้นยังคงเบิกโพลง
เป็นแมวแรกสาวตัวเล็กที่หน้าตาขี้เหร่ที่สุดเท่าที่ข้าพเจ้าเคยเห็นแมวมา ขนของมันสามสีจมูกดำหางกุด ยามดวงตาจ้องเขม็งก็เล่นเอาขนหัวลุกได้ง่ายๆ มันเป็นแมวเงียบๆ สันโดษ ขี้หงุดหงิดและเอาแต่ใจตัวเองอย่างแรง ส่วนของร่างกายที่มันหวงแหนที่สุดคือหาง หางกุดๆของมันนั้นไม่เคยมีใครเอื้อมดึงได้โดยดีสักครั้ง การเอี้ยวตัวตะปบกดกรงเล็บ พร้อมๆกับการฝังคมเขี้ยวขาวๆลงบนมืออย่างไม่มีความเกรงใจนั้น สร้างความขยาดแหยงให้กับทุกมืออย่างจดจำไปอีกนาน มันมีสัญชาติญาณของสัตว์ป่าอยู่เต็มเปี่ยม ไม่เชื่อง แม้บางครั้งมันจะยอมนอนนิ่งๆให้เราเกาคางบนตักก็ตามที ครั้นมันจะผลุงออกจากตัก มันก็จะดีดตัวอย่างไม่แยแสใดใดทั้งสิ้น อย่าได้คิดไปคว้ามันกลับมาอีกเลยเชียว ตาขุ่นๆเขียวมรกตกับเขี้ยวขาวๆที่ขู่ฟ่อๆนั้น เราอาจชักมือกลับไม่ทัน
แม่เรียกมันว่า สุพรรณษา ตามชื่อดารายอดนิยมในยุคนั้น แต่ข้าพเจ้าเรียกมันว่า
นังอบเชย !
มันเกิดและเติบโตที่บ้านเจ๊ฮวง บ้านเจ๊ฮวงอยู่หน้าตลาดกิมหยงเยื้องร้านหมี่เป็ดไป ทางขวามือ อาซิ้มแม่ของเจ๊ฮวงเป็นคนรักแมวมาก แกเลี้ยงแมวเอาไว้มากมายหลายตัว โชคร้ายที่เจ๊ฮวงเกลียดแมวอย่างที่สุด ยามที่อาซิ้มไม่อยู่บ้านหรือเผลอเพียงชั่วขณะ เจ๊ฮวงมักจะมีวิธีทรมานแมวทุกตัวอยู่เสมอ แมวแต่ละตัวในบ้านเจ๊ฮวงกลายเป็นแมวโรคประสาท หวาดกลัวคนทุกคนที่ไม่ใช่อาซิ้ม มันพร้อมที่จะป้องกันตัวเองและทำร้ายใครก็ได้ เพียงมันคิดว่ามันจะไม่ปลอดภัย วันที่สุพรรณษากระเซอะกระเซิงมานั้น หางของมันมีเชือกประทัดผูกอยู่ เจ๊ฮวงกดคอมันลงพื้นแล้วจุดประทัด มันวิ่งรอบบ้านด้วยความกลัวตาย เสียงร้องโหยหวนดังลั่นปนเปไปกับเสียงประทัดหนึ่งตับ อาซิ้มไม่อยู่ เพื่อนบ้านได้แต่เวทนาในชะตากรรมของแมวแต่ละตัว มันวิ่งเตลิดจนมาอยู่ในอ้อมแขนเตี่ย ตามตัวมีรอยถลอกมีรอยกัดจากเขี้ยวของแมวด้วยกัน มีรอยน้ำร้อนลวกเนื้อสุกบริเวณโคนหาง มันไม่น่าจะมีชีวิตรอดมาได้เลย แต่สิ่งเหล่านี้กระมัง? ที่สร้างความแกร่งและทระนงอย่างที่สุดเท่าที่แมวตัวหนึ่งจะมีได้
เตี่ยซื้อปลาทูมาหนึ่งเข่ง บี้เอาก้างออกจากตัวแล้วคลุกข้าวใส่จาน เห็นได้ชัดว่ามันกำลังหิวจัด จึงกินข้าวคลุกปลาทูเกลี้ยงเหมือนแมวเลีย มันกลายเป็นสมาชิกถาวรในบ้านอีกหนึ่งชีวิต และเตี่ยกินแต่หัวปลาทูมาตลอดชีวิตของมัน
ว่ากันว่า- แมวเป็นสัตว์เลี้ยงชนิดเดียวที่ยังคงมีสัญชาติญาณป่าอยู่เต็มเปี่ยม ไม่มีแมวตัวไหนจำเจ้าของของมันได้เลย แต่มันจะจำ บ้าน ที่มันอาศัยได้อย่างดี ด้วยสัญชาติญาณสัตว์ป่านี้กระมัง? ที่แม้เราจะจับมันใส่กระสอบไปทิ้งไว้ที่แสนไกล มันก็ยังคลำทางงมทิศกลับมาบ้านได้ถูก มันอาจรู้ว่าในพื้นที่ที่มันครอบครองนั้นมีรายละเอียดอย่างไรก็เป็นได้ มันรู้ว่าพื้นที่นั้นมีมันเป็นแมวเพียงผู้เดียวที่ครอบครองอยู่ ผู้เดียวที่แสนสันโดษและทระนง แหละความสันโดษอันทระนงนี้กระมัง? ที่ฉายความลึกลับน่ากลัวออกมาด้วยความเงียบ เป็นความเงียบที่มันเก็บรายละเอียดทุกส่วนของบ้านและสิ่งแวดล้อมไว้จดจำ
ลึกลับจริงหนอแมวเอ๋ยแมวเหมียว
ทุกคืน- มันจะตามข้าพเจ้าไปนอนในห้อง บ้านหลังตลาดกิมหยงแห่งนั้นห้องนอนข้าพเจ้าอยู่ดาดฟ้า กั้นด้วยกระดานอัดและติดหน้าต่างมุ้งลวด ดาดฟ้าหน้าห้องเป็นเสมือนอุทยานที่เตี่ยได้ปลูกต้นไม้กระถาง มีเพิงสำหรับไม้เลื้อยเล็กๆ ร่มครึ้มและน่านอนเล่นเป็นที่สุด หากยามกลางวันแดดไม่เผาปูนดาดฟ้าจนร้อนวับคายมาในยามค่ำ เมื่อข้าพเจ้าปิดประตูห้องเปิดไฟ ๖๐ วัตต์ เพื่อจะอ่านหนังสือดีดีสักเล่มก่อนนอน มันก็จะขดตัวอยู่บนฟูกของข้าพเจ้า ส่งเสียงกรนในคอเบาๆอย่างมีความสุข จนกระทั่งข้าพเจ้าปิดไฟเพื่อจะพักผ่อนนั่นแหละ ที่ข้าพเจ้าจะเขี่ยมันออกจากฟูกให้ไปนอนบนพรมเช็ดเท้า มันจะยืดขาหน้าบิดขี้เกียจ หาวยาวๆกว้างๆโก่งตัวสลัดความมึนงง และมองค้อนข้าพเจ้าอย่างเคืองๆ ก่อนจะกระโดดแผล็วขึ้นไปนั่งบนโต๊ะเขียนหนังสือ นั่งมองดวงจันทร์เหนือดาดฟ้าจากหน้าต่างมุ้งลวด
นอกจากจะสันโดษและทระนงอย่างที่สุดแล้ว มันยังโรแมนติคอีกด้วย
แมวที่นั่งมองดวงจันทร์ , แมวที่ชะเง้อหาจันทร์ ,แมวหมายจันทร์ เราจะเรียกมันว่าอย่างไรดีหนอ? กับอาการนั่งบนขาหลังหางขดรอบ ยืดตัวตรงแล้วแหงนมองฟ้า ดวงตากลมโตเขียวสุกของมันไม่มีกะพริบแม้เพียงครั้ง จ้องนิ่งเหมือนจะเหม่อลอย มีเพียงใบหูเท่านั้นที่เคลื่อนไหวไปมาเมื่อได้ยินเสียงแม้สักแผ่วน้อย บอกอาการยังมีชีวิตอยู่และตื่นตัวเสมอ แสงไฟจากเสาริมถนนทำให้ข้าพเจ้ามองเห็นมันได้แจ่มชัดพอควร ข้าพเจ้าอยากเป็นนักถ่ายรูป ตอนกดชัตเตอร์หัวใจคงเต้นๆต่อมๆ เกรงมันจะเล่นตัวเมื่อรู้ว่ากำลังโดนแอบถ่าย ข้าพเจ้าอยากเป็นจิตรกร ตอนลากเส้นรูปแมวตัวหนึ่งนั่งมองดวงจันทร์ไกลโพ้น ตอนแรสีดำลงพื้นหลังทางด้านหลังของมัน ให้ด้านหน้ามองเห็นได้ชัดเจนจากแสงไฟ ข้าพเจ้าคงมีบทกวีแมวๆที่ดีๆสักบทออกมา
การจะจับเอาความงามของช่วงหนึ่งในชีวิตให้ดำรงอยู่ตลอดไป มันยาก หลายๆครั้งและหลายๆเรื่องราวที่ข้าพเจ้าอยากบันทึกไว้ด้วยกล้องวีดีโอ อยากจัดแสงสีมือถือโทรโข่งตะโกน Action ! เก็บความเป็นไปต่างๆนั้นให้ยังคงเคลื่อนไหวด้วยบรรยากาศเดิมๆ ก็นั่นแหละ- ข้าพเจ้าได้เพียงแต่นอนมองไอ้แมวขี้งอนมองดวงจันทร์ แล้วเก็บรายละเอียดนั้นไว้ในใจตลอดมา
แมวจำเจ้าของไม่ได้ก็จริง แต่นังอบเชยมันรู้ดีว่าเตี่ยเป็นเพียงคนเดียวที่มันจะเดินตามเมื่อมันหิว และเป็นข้าพเจ้าเพียงคนเดียวที่มันจะเดินตามไปนั่งมองดวงจันทร์ มันจำเตี่ยจำข้าพเจ้าได้อย่างไร? ไม่หรอก มันไม่ได้จำเตี่ยหรือข้าพเจ้าแต่อย่างใดเลย แต่มันจำคนแก่ๆที่ถือจานข้าวของมันนั่นตะหาก มันจำจานข้าวกับเวลากินของมันได้ต่างหาก เหมือนกัน- ที่มันรู้ว่ามีฟูกเดียวในบ้านที่มันจะขึ้นไปนอนขดตัวได้ มีดวงจันทร์ดวงเดียวในบ้านที่มันจะไปนั่งมองได้ หนำซ้ำมันยังจำเวลาตื่นของมันได้อีกด้วย มันจะร้องเสียงเบาๆก่อนในคราวแรก เดินมาบริเวณหมอนแล้วร้องเสียงดังอีกนิด ข้าพเจ้าจะพลิกตัวหนี ด้วยเวลาติ่นของมันมักจะเป็นช่วงตีสองตีสาม มันจะยืนมองตาปริบๆ แล้วก็เดินไปทางปลายฟูก เอาคอเอาหลังมาถูขาข้าพเจ้าแล้วล้มนอน มันจะคลออยู่อีกพักหนึ่ง ถ้ายังได้ยินเสียงกรนของข้าพเจ้าอีกนั่นแหละ ที่มันจะขบและข่วนเบาๆบริเวณเท้าข้าพเจ้า พร้อมด้วยการตะกุยด้วยขาหลัง เบาๆของมันนั้นก็ทำเอาข้าพเจ้าต้องรีบตื่นมาเปิดประตูเลยล่ะ
มันช่างเป็นแมวสันโดษทระนงและแสนโรแมนติคที่ไร้มรรยาทจริงๆ
มีไม่กี่ครั้งหรอกที่เราจะยกครอบครัวไปกรุงเทพหรือต่างจังหวัด ปี ๒๕๒๘ ขณะนั้น ข้าพเจ้าเรียนอยู่ชั้น ม๖/๑๒ กำลังเตรียมลู่สนามสำหรับกีฬาสี เด็กโปรแกรมพลานามัยก็อย่างนี้แหละ สนามทุกสนามเราผูกพันเป็นเจ้าของอย่างแนบแน่น วันนั้นประมาณเก้าโมงเช้า ข้าพเจ้ากำลังนั่งพักเหนื่อยตรงลู่ที่เพิ่งโรยปูนขาว นฤมล-หนึ่งในผู้หญิงไม่กี่คนของห้องก็มาบอกว่ามีญาติมาเยี่ยม แม้จะฟังดูแปร่งๆ แต่ก็อดที่จะมองไปทางประตูเล็กติดสนามฟุตบอลนั้นไม่ได้ พี่สาวคนโตบอกข้าพเจ้าว่าอาม่าที่อยู่ราชบุรีเสียชีวิตแล้ว ด้วยอายุ ๑๐๒ ปี พวกเขาจะล่วงหน้าขึ้นไปก่อนให้ข้าพเจ้าตามไปทีหลัง
นังอบเชยคงรับรู้ได้ถึงภาวะแปลกๆ บ้านที่เงียบสนิทปิดไฟมืด กลิ่นปลาทูจำนวนเยอะกว่าปกติหอมละล่องเตะจมูกทั่วบ้าน ข้าพเจ้าฝากปลาทูไว้กับคนข้างบ้าน วานให้เขาช่วยคลุกข้าวให้นังอบเชยทุกมื้อ น้ำท่าอย่าได้ขาดเลยเชียว แล้วคว้ากระเป๋าสะพายหลังเดินออกไป นังอบเชยเดินตามมาต้อยๆ ชะเง้อมองข้าพเจ้าพลางส่งสียงร้องน่าสงสาร ครั้นได้ยินข้าพเจ้าส่งเสียงดังจิ๊บอกรำคาญ มันก็มาถูตัวกับแข้งข้าพเจ้า กัดชายกางเกงยีนไว้แน่นไม่ให้ไป นี่มันแมวประเทศไหนกันหว่า? ลองนึกถึงแมวที่ทำหน้าที่หมาดูสักหน่อยสิ มันนั่งเฝ้าประตูบ้านตลอด ๖ วัน ใครมาเปิดประตูแง้มมองภายใน มันจะร้องเมี้ยวออกมาดังๆ ครั้นเห็นเป็นคนแปลกหน้ามันจะก้าวถอยหลังนิดหนึ่ง โก่งตัวแยกเขี้ยวครางในลำคอ แต่พอเห็นคนแปลกหน้าถือจานข้าวคลุกปลาทู มันก็จะยืนนิ่งๆเหนียมๆสักพัก เสเลียขนตัวเองแก้ขวย จนวันที่พวกเรากลับมาถึงบ้านนั้น ข้าพเจ้าเป็นคนเปิดประตู พอเสียงไขกุญแจดังกริ๊ก แง้มออกนิดๆมองดูเจ้าแมวไร้มรรยาทนั้น เห็นมันนั่งอยู่บนเก้าอี้มองมา พอประตูเปิดอ้ากว้างก็เท่านั้นแหละ มันวิ่งพรวดเข้ามาทันที ปากร้องส่งเสียงต่อว่าต่อขานไม่หยุด ข้าพเจ้ายองยองนั่งหมายจะอุ้ม มันกลับวิ่งไปคลอแข้งเตี่ยเป็นคนแรก เตี่ยลูบหัวมันเบาๆพร้อมหัวเราะเอ็นดู สักพักมันคงนึกขึ้นได้ว่าถูกทอดทิ้งให้อยู่ตามลำพังถึงหกวัน แล้วมันก็สะบัดตูดเดินเข้าไปนั่งงอนบนเก้าอี้ตามเดิม
หนอยแน่ะ- ไอ้แมวยโส !
๒).
แหละพี่อี๊ด- แกมีแมวตัวผู้อยู่สองตัว ตัวมันลายพร้อยเหมือนเสือโคร่งแต่มีสีเขียว ดำอายุรุ่นราวคราวเดียวกับนังสุพรรณษาของแม่ ตัวหนึ่งชื่อสรพงษ์อีกตัวชื่อวิทูรย์ จะสรพงษ์กับวิทูรย์ไหนล่ะ ถ้าไม่ใช่ สรพงษ์ ชาตรี กับ วิทูรย์ กรุณา ดาราชายเนื้อหอมแห่งยุค มันเป็นแมวที่มีบ้านติดกัน หลังคาบ้านไปมาหาสู่กันได้สะดวก ทุกเย็นข้าพเจ้าจะได้เห็นไอ้หนุ่มสองตัวนั่นนั่งจ๋อยอยู่บนเก้าอี้ พี่อี๊ดบรรจงรดน้ำมันด้วยสายยางจนเปียกชุ่ม มันแหกปากร้องเสียงเครือสั่น พี่อี๊ดก็ยิ้มปลอบอยู่เป็นระยะๆ ลงสบู่ฟอกตัวจนฟองฟอดแล้วราดน้ำล้างออก ข้าพเจ้าไม่แน่ใจนักว่าขั้นตอนนี้จะมีการนวดตัวสปาให้ด้วยหรือไม่ จะเป็นอย่างนี้ทุกวัน จนข้าพเจ้าเคยชินกับเสียงคราวที่ร้องโหยหวนนั้น แต่นังอบเชยนี่สิ......
แรกๆที่นังอบเชยได้ยินเสียงร้องโหยหวน มันตกใจหูตั้งวิ่งพล่านไปทั่วทั้งบ้าน ข้าพเจ้านึกสนุกก็อุ้มมันไปยืนดูพี่อี๊ดปาแมว เข้าใจว่ามันคงเป็นภาพที่สยดสยองอย่างที่สุดสำหรับนังอบเชย ดวงตามันลุกวาวเบิกโพลง เสียงในลำคอสั่นเครือจนนิ้วข้าพเจ้ารู้สึก มันคงช็อคชั่วขณะกระมัง เมื่อตั้งสติได้ก็โผนจากอ้อมแขนข้าพเจ้าวิ่งหายไปทันที พี่อี๊ดรักแมวเหมือนลูก หากระดิ่งน่ารักๆมาผูกคอส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งๆเวลาเดิน เมื่อถึงวันขึ้นปีใหม่ตรุษจีนก็จะหาริบบิ้นสีแดงมาทำเป็นโบว์คล้องคอ เวลาที่แกพูดถึงไอ้หนุ่มสองตัวนั่นดวงตาแกจะมีความสุขเปี่ยมล้น พี่อี๊ดทำให้ข้าพเจ้าเชื่อว่าพฤติกรรมของสัตว์นั้นเปลี่ยนได้ด้วยการฝึก ใครเล่าจะเคยเห็นแมวอาบน้ำ?
แต่ก็นั่นแหละ- แมวมันจะเปลี่ยนพฤติกรรมมาอาบน้ำได้จริงๆหรือ?
ความผูกพันของนังอบเชยที่มีต่อเตี่ยนั้นแนบแน่น มันเริ่มมาจากวันแรกที่วิ่ง
กระเซอะกระเซิงมา และความเอ็นดูของเตี่ยก็ทวีคูณต่อมันยิ่งขึ้น เมื่อมันซอกซอนเข้าไปในกองถ่านท่วมหัวเพื่อเสาะหารังหนู ทุกครั้งที่ได้ลูกหนูตัวแดงๆมันจะดีใจ คาบไปมาจนกว่าเตี่ยจะเอากระดาษมารองให้ มันจะวางลูกหนูไว้บนกระดาษแล้วนั่งมอง พอลูกหนูดิ้นพยายามมีชีวิตอยู่ มันจะตบเบาๆ กัดลำคอแล้วโยนขึ้นอากาศ และถ้านั่นเป็นหนูที่โตจนมีขนสีดำ มันจะใช้ขาหน้ากดตรงหางหนู เมื่อเห็นว่าหนูตัวนั้นกำลังจะวิ่งหนีกรงเล็บ มันจะเล่นเอาเถิดอยู่อย่างนั้นจนหนูสิ้นแรง นอนพะงาบๆหายใจรวยริน
แมวก็คือแมว สัตว์ป่าทิ้งไพรมาอยู่กับมนุษย์ ทุกครั้งที่มันเริ่มอ้าปากจะเคี้ยวกิน
ข้าพเจ้าจำเป็นต้องเลื่อนกระดาษรองไปไว้ในที่ลับตาคน เคยเห็นแมวกินหนูไหม? มันจะกัดตรงส่วนหัวเป็นขั้นตอนแรก เลือดจะทะลักออกมาแดงฉานกระดาษรอง ดวงตาขณะที่มันเคี้ยวกัดนั้นเป็นดวงตาของนักล่า เป็นดวงตาที่มีแววของดวงตาเสือชัดเจน
ที่สุดแล้ว- บาดแผลทุกชนิดของสัตว์ทุกประเภท มันลากลึกจากผิวหนังไปถึงเนื้อหัวใจหรืออย่างไร? เสียงร้องโอดโอยขอความเมตตาช่วยเหลือ มันกลายเป็นการหุบปากนิ่งสนิท เพียงครางอยู่ในลำคอสั่นเครือหรืออย่างไร? แหละหากดวงตาตื่นตระหนกนั้น เปลี่ยนดวงไปเป็นดวงตาแห่งความแค้นเคียดเกลียดชัง มนุษย์เราจะทนทานต่อแรงอาฆาตนั้นได้มากน้อยแค่ไหน? ยิ่งคิดก็ยิ่งน่ากลัว เมื่อวันหนึ่งไอ้แมวเซื่องๆนอนหวดบนพรมเช็ดเท้า จะโก่งตัวพองขนแล้วกระโดดตะปบเนื้อหนังของมนุษย์ คมเขี้ยวขาวๆฝังลงลึกสุดเขี้ยวแล้วกระชากเป็นทาง รอยแผลเป็นบนก้อนเนื้อหัวใจของสิ่งมีชีวิต มันอาจจะแปรรูปความตระหนกตื่นกลัว เป็นความไม่ไว้วางใจผู้ใดทั้งสิ้น และอาจจะเปลี่ยนจากผู้ถูกกระทำเป็นผู้ชิงกระทำเสียก่อน
น้ำมือของมนุษย์นี่แหละ ที่จะทำให้เป็นไปได้ทั้งสิ้น
บาดแผลตามตัวยังปรากฏร่องรอยของมันอยู่ แม้ขนปุกปุยจะขึ้นสะอาดเต็มตัวมานานปีแล้วก็ตาม มันเป็นแมวที่คาดเดาอารมณ์ได้ยากเย็นยิ่ง บางครั้งที่นั่งอยู่เฉยๆมันก็จะกระโดดมาขึ้นตัก ลูบหัวเกาคางมันได้ถ้ามันอารมณ์ดี แมวเป็นสัตว์ที่รั้นที่สุดชนิดหนึ่งด้วย ต่อให้ข้าพเจ้าใช้มือตบตักให้มันกระโดดขึ้นมานั่งเพียงไร มันก็อาจจะไม่แยแสแม้น้อย มันทระนงเสียจนจองหอง และต่อให้ตะกร้าจ่ายตลาดของลูกค้าร้านหมี่เป็ดจะมีปลาสดๆอยู่สักกี่ตัวก็ตาม มันไม่เคยสักครั้งที่จะเดินเข้าไปคุ้ยเขี่ย อย่าว่าขนาดคุ้ยเขี่ยเลย แค่เดินเข้าไปดมๆตะกร้ามันก็ไม่เคย ครั้งหนึ่ง- ลูกค้าสาวชาวมาเลเซียของข้าพเจ้าสามสี่คนต้องกระโดดขึ้นบนเก้าอี้นั่ง ร้องลั่นด้วยความตกใจ เมื่อสวมกระโปรงนั่งไขว่ห้างกระดิกเท้า
นี่เพราะนังอบเชยเป็นแมวกุลสตรีไทยแท้..
ข้าพเจ้าเคยเห็นแมวกัดกัน นังอบเชยกับแมวคราวจรจัดตัวเขื่องแยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆหน้า บ้าน ขนของทั้งสองลุกชันน่ากลัว มันจ้องตากันนิ่ง นาทีนั้นข้าพเจ้ามิกล้าแม้แต่จะส่งเสียงตะเพิดไอ้จรจัด ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าเคยเห็นแมวจ้องตากันอย่างนี้ในตลาดกิมหยง ด้วยความซนแท้ๆ ข้าพเจ้าใช้เท้าไปดุนหลังตัวหนึ่งประชิดกับอีกตัว นาทีนั้นมันก็แว้งกลับมาตะปบฉีกหลังเท้าข้าพเจ้า คมเขี้ยวฝังรอยจนเลือดไหลหยด ข้าพเจ้าร้องลั่น ขณะที่แมวสองตัวนั้นก็กัดกันเอาเป็นเอาตาย ข้าพเจ้าไม่สนใจจะดูสงครามแมวอีกต่อไปแล้ว หันหลังวิ่งร้องไห้กลับบ้านทันที
นังอบเชยจ้องตาไอ้คราวไม่วางตา แล้วก็หันหลังผลุนวิ่งเข้าในบ้าน โดยที่ไอ้คราวตัวนั้นก็วิ่งตามไล่ไปจนทัน สงครามแมวๆก็เกิดขึ้นบนสมรภูมิร้านหมี่เป็ดทันที โชคดีที่เป็นช่วงเวลาโพล้เพล้เก็บร้านเสร็จนานแล้ว โชคร้ายที่แมวมันไม่รู้ว่ามีข้าวของอะไรเสียหายบ้าง นังอบเชยเพลี่ยงพล้ำหลายยก นอนหงายกางเล็บแยกเขี้ยวป้องกันตัว ขาหลังก็ตะกุยท้องไอ้คราวรุนแรง ไอ้คราวงับบริเวณสันคอแล้วยืนคร่อมไปทางหัว นังอบเชยสะบัดหลุดแล้ววิ่งหนีอีก ไอ้เจ้าชู้ยักษ์ก็วิ่งตามไปงับคอเข้าอีก ดูเหมือนนังอบเชยจะสิ้นท่า มันร้องแผดเสียงลั่นแล้วดิ้นสุดแรง คราวนี้มันวิ่งหนีลับหายไปทางหลังบ้าน เสียงกระโดดขึ้นหลังคากันสาดดังขึ้นมาโครมคราม แน่นอน- เป็นเสียงโครมครามของไอ้จรจัดก็กระโดดตามไล่ไม่ห่างด้วย วันนั้นข้าพเจ้าได้แต่ยิ้มแหยๆทำอะไรไม่ถูก เลิ่กลั่กหาทางช่วยก็ไม่รู้จะทำประการใดดี
ไม่นานเดือน- นังอบเชยก็ท้องโย้
คลอกแรกของนังอบเชยเป็นตัวผู้สองตัวเมียสาม มันแอบไปคลอดที่ซอกมุมไหนไม่มีใครรู้ ได้ยินแต่เสียงครางงี้ดๆแผ่วๆมาจากที่ลับตา คลอกหลังๆของมันนั้นข้าพเจ้าเคยรื้อที่รกๆย่องเข้าไปดู นังอบเชยจ้องข้าพเจ้าเขม็ง แม้ไม่มีท่าทีคุกคามข้าพเจ้า แต่ความเงียบของมันก็บอกให้รู้ว่ามันระวังลูกน้อยของมันอยู่ มันดมมือข้าพเจ้าแล้วเลียสลับกับลูกของมัน
พวกเราเห่อกับลูกแมวมาก มันเป็นสมาชิกใหม่ มันเป็นแมวตัวเล็กๆไร้เดียงสาแสนซนวิ่งกันยั้วเยี้ยเต็มบ้าน มันจะมีเห็บอยู่เต็มตัว ข้าพเจ้านั่งแหวกขนอุยๆหยิบขึ้นมาบี้ทีละตัวทีละตัว นังอบเชยจะป้วนเปี้ยนอยู่ไม่ห่าง คงกังวลลูกตัวเล็กๆของมันที่อยู่ในเงื้อมมือของมนุษย์ รอยแผลที่ลากลึกกลางใจคงบอกมันอย่างนั้น
ปัญหาที่ขุ่นเคืองอารมณ์แม่มากที่สุดคือ ไอ้ตัวเล็กๆเหล่านี้ไม่รู้ว่าส้วมของมันอยู่ไหน และเป็นแม่- ที่ต้องเอาขี้เถ้ามากลบโกยไปทิ้ง แม่จะโกยไปบ่นไป และเริ่มมีความคิดจะตอนนังอบเชยซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่แม่ก็โกยไปบ่นไปแจกจ่ายลูกๆของมันให้คนอื่นๆไป จนมันย่างเข้าคลอกที่สี่ วันเวลาที่นังอบเชยต้องถูกตอนก็มาถึง
การเอาแมวสันโดษทระนงที่โรแมนติคได้อย่างไร้มรรยาทออกจากบ้านนั้น เป็นเรื่อง ยากเย็นยิ่ง และเป็นหน้าที่ของข้าพเจ้าในฐานะลูกชายคนเดียวของบ้าน เพียงอุ้มมันก้าวพ้นธรณีประตู มันก็ดิ้นตะกุยจากวงแขน อุ้มใหม่-มันก็ดิ้นใหม่ อุ้มอีก-มันก็ดิ้นอีก หนักเข้ามันก็เริ่มข่วนและกัดแรงๆ ข้าพเจ้าโทรฯหาเพื่อนมาช่วย เขาขับมอเตอร์ไซค์ชาลีของข้าพเจ้า จับนังอบเชยใส่ตะกร้าใบใหญ่แล้วเอาผ้าคลุม ทุลักทุเลไม่น้อยกว่าจะไปถึงสัตวแพทย์
แล้วมันก็อ้วนเอาอ้วนเอา พร้อมๆกับอารมณ์ที่หงุดหงิดร้ายกว่าเดิม
อันที่จริงเตี่ยเป็นคนไม่ชอบเลี้ยงสัตว์ทุกชนิด ยิ่งแม่ยิ่งไม่ชอบให้มีสัตว์เลี้ยงใดใด
เพ่นพ่านในร้านอาหาร การมาของนังอบเชยจึงเป็นปรากฏการณ์ใหม่ เป็นการทายท้าการตัดสินใจอย่างยิ่งยวด หากเตี่ยไม่อุ้มมันขึ้นมาจากกองถ่าน เราไม่รู้เลยว่าเราจะเสียใจกันมากเพียงไร
เมื่อตอนที่ย้ายบ้านมาอยู่ถนนละม้ายสงเคราะห์แห่งนี้ ภาวะทุลักทุเลในการขนย้ายไม่ใช่เครื่องทำเส้นหมี่หนักอึ้ง อีกทั้งไม่ใช่เครื่องเรือนชิ้นใหญ่ๆแต่อย่างใดหรอก มันเป็นนังอบเชยนี่แหละที่ก่อความลำบากยากเข็ญเหลือแสน ในขณะที่เราง่วนอยู่กับการขนโน่นเคลื่อนนี่ เสียงเซ็งแซ่ดังมิได้ศัพท์โขมงโฉงเฉง เราปล่อยให้มันนอนอยู่เงียบๆ เฝ้ามองดูเราจากซอกมุมที่ไหนสักแห่ง ข้าพเจ้าเชื่อว่าหัวใจมันคงเต้นตูมๆไม่รู้เกิดอะไรขึ้น จนค่ำที่เราขนย้ายเครื่องเรือนชิ้นใหญ่หมดเกลี้ยง เหลือเพียงชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่รอเช้าวันต่อไปจะขน ก็เป็นคิวของนังอบเชย...
เพียงเดินเข้าใกล้ มันก็วิ่งปรู๊ดหายไปอีกทางหนึ่ง เราล้อมมันไว้ มันกระโดดพรวดเดียวหนีขึ้นบันไดไปหน้าห้องนอนข้าพเจ้า เอาล่ะ- เป็นอันว่ามันหมดทางหนี เพราะประตูอุทยานได้ถูกปิดไว้มาตั้งแต่กลางวัน ข้าพเจ้าเดินไปช้าๆเบาๆ ปากก็ร้องเมี้ยวๆเป็นพวก นั่งยองๆลูบหัวมันเบาๆ พูดกับมันว่าเราไปกันเถอะไปบ้านใหม่ของเรา แล้วอุ้มทันที
การอุ้มแมวตัวร้ายมันต้องมีวิธี จะอุ้มอย่างไรไม่ให้มันกัดหรือข่วนหรือตะกุยเอาได้ แขนซ้ายข้าพเจ้าสอดเข้าไปใต้ท้องให้มือไปจับขาหลังทั้งคู่ แขนขวาทาบไปตามสันหลังแล้วกดแรง กางนิ้วให้ฝ่ามือจับตรงต้นคอ ให้นิ้วโป้งกับนิ้วก้อยยึดกุมขาหน้าทั้งสองของมัน สามนิ้วที่เหลือก็กดคอมันลงแนบท่อนแขนซ้าย พลิกแขนเล็กน้อยพอให้มันนอนตะแคงจะได้ไม่แว้งกัดเอา ด้วยวิธีนี้- นังอบเชยก็นอนนิ่งอยู่ในตะกร้ามีผ้าหนาคลุม และข้าพเจ้าก็นั่งปิดปากตะกร้านั้นไว้แน่น
ทุลักทุเลกันพอสมควรจนมาถึงบ้าน พอเปิดประตูผางข้าพเจ้าก็เปิดตะกร้าทันที มัน กระโดดแผล็วมายืนงงงง มองซ้ายมองขวาเป็นแมวแปลกหน้าหลงทาง ดวงตาตื่นตระหนกและหูหันไปรอบทิศ จากนั้นก็วิ่งเหยาะไปทั่วบ้าน ครั้งนั้นมันไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้แม้กระทั่งเตี่ย มันเหยาะๆและดมทุกสิ่งที่เจอ อาการสะดุ้งปรากฏทุกครั้งที่มีแม้เสียงใครสักคนจาม นี่ยิ่งบ่งว่าแมวเป็นสัตว์ที่วิญญาณป่ายังสมบูรณ์ มันไม่จำเจ้าของ มันไม่สำนึกสำเหนียกแม้สักกระผีกว่าใครเป็นเจ้าของมัน
แมวเป็นสัตว์ที่ชอบนอนในที่อุ่น มันจะนอนผึ่งพุงพลิกตัวไปมากลางแดดเช้า มันจะวิ่งๆไปทั่วบ้านแล้วขดตัวนอนใต้เพิงเตาอั้งโล่ ข้าพเจ้าชักไม่แน่ใจว่าพฤติกรรมของสัตว์เปลี่ยนได้ด้วยการฝึก บางทีการฝึกนั้นอาจเป็นการฝืนธรรมชาติของชีวิตที่ต่างออกไป โดยเฉพาะแมว เพราะข้าพเจ้าไม่เคยเห็นแมวที่ไหนอาบน้ำก่อนนอน
และเพราะไม่นานเลย ที่เจ้าสรพงษ์กับเจ้าวิทูรย์จะตายไปด้วยโรคปอดบวม
การทำบุญขึ้นบ้านใหม่ของเรา นิมนต์พระมา ๙ รูป เชิญแขกมาจนล้นบ้าน มีการเจิมป้ายร้านหมี่เป็ดศิริวัฒน์เป็นศิริมงคล เราทำแกงและขนมหวานถวายเพลพระ และช่วงที่พระกำลังฉันเพลนี่แหละ ที่ใครต่อใครจดจำนังอบเชยไปจนมันตาย เสียงประทัดปึงปังสนั่นหวั่นไหวหน้าบ้าน มันถูกลากตับเป็นแพยาวจากระเบียงชั้นสอง กลิ่นกำมะถันคลุ้งไปทั่ว เศษกระดาษแดงปลิวว่อนเป็นกองๆ นังอบเชยกระโดดตัวลอยสุดชีวิต มันวิ่งไม่คิดชีวิตเหมือนวันที่มันวิ่งหนีออกมาจากบ้านเจ๊ฮวง พรวดขึ้นชั้นสองที่พระกำลังฉันเพล แหวกวงญาติโยมที่นั่งพับเพียบ ถลำเข้าไปบนสำรับนานา คราวนี้ทั้งคนทั้งแมวตกใจพอๆกัน มันวิ่งขึ้นไปชั้นสี่ มุดหัวใต้จักรเย็บผ้าโผล่หางจุกตูด ตัวสั่นงันงกน่าเวทนา และคราวนี้เป็นอีกรอยแผลที่ฝากไว้บนหลังมือข้าพเจ้า
มันย้ำว่า- รอยแผลที่พร่างพร้อยนั้น ที่สุดแล้วบาดลึกลงในหัวใจอย่างไม่มีวันลบเลือน
จากวันที่มันกระเซอะกระเซิงมาจนพฤษภาทมิฬปี ๓๕ นับได้ ๒๐ ปีพอดี และถัดมาอีก๒ ๓ ปีมันจึงตายจากไป มันเป็นแมวอายุยืนที่ไร้อารมณ์ขัน วาระสุดท้ายของมันมีอาการกินไม่ได้ ท้องบวมเป่งนอนร้องครวญครางทั้งวันทั้งคืน ข้าพเจ้าอุ้มทะนุถนอมแผ่วบาในอ้อมแขน เป็นการพาออกจากบ้านไปหาหมอโดยมันไม่ขัดขืนครั้งแรก มันมองข้าพเจ้ามีหยดน้ำปริ่มดวงตา แมวร้องไห้ได้ไหม?ข้าพเจ้าไม่รู้ แต่ข้าพเจ้ากลั้นสะอื้นเต็มที่
หมอบอกมันเป็นมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย การผ่าตัดมีความเสี่ยงสูงด้วยมันเป็นแมวชราทั้งบ้านตกอยู่ในความเศร้าโศกสงสาร มันเป็นสมาชิกเก่าแก่ของบ้านนามหนึ่ง มันไม่ใช่เป็นแค่แมวยโสไร้มรรยาท แต่มันเป็นนังอบเชย นังอบเชยที่จองหองในการมีชีวิตอยู่อย่างที่สุดเท่าที่ข้าพเจ้าเคยพบเห็น
มันตายไปในไม่กี่วันถัดมา มันลากสังขารตัวเองด้วยขาหน้า ขาหลังทั้งสองพับไร้
เรี่ยวแรงทาบไปกับพื้น กว่าเราจะเห็นมันก็ไปถึงบ้านหลังสุดท้ายของแถว ข้าพเจ้าวิ่งไปอุ้มมันกลับมาสามครั้ง แล้วมันก็สิ้นเรี่ยวแรงนอนพะงาบๆอยู่ในบ้าน เปิดพัดลมไล่อากาศ ลูบหัวมันด้วยความรักอย่างสุดซึ้ง เตี่ยและแม่ยืนอยู่ข้างๆ พี่สาวสองคนยืนนิ่ง แม่บอกให้มันไปดี ให้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ข้าพเจ้าไม่ได้ตาฝาดหรือน้ำตารื้นกลบที่เห็นมันร้องไห้ มันนอนตะแคงจ้องเตี่ยไม่วางตา เหมือนนานแสนนาน มันสะท้อนในอกเป็นห้วงๆ ร่างกายเริ่มเกร็งกระตุก ลมสุดท้ายที่ออกจากปากมันดังคล้ายๆเสียงเมี้ยว
และนั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตของข้าพเจ้าที่เห็นเตี่ยร้องไห้ ข้าพเจ้าฝังมัน
ไว้ริมคลองละแวกบ้าน เสียงเมี้ยวสุดท้ายของมันทำให้เราไม่เคยเลี้ยงแมวตัวไหนอีกเลย
๓).
เรารักมันเพราะมันเป็นนังอบเชย เป็นแมวจองหองที่ไม่เคยเคล้าแข้งเคล้าขาสอพลอใคร เราไม่เคยเอาอกเอาใจมันอุ้มไปไหนมาไหนอวดชาวบ้าน ไม่เคยปฏิบัติต่อมันมากไปกว่าแมวตัวหนึ่ง ลูกค้าที่พาหมาเข้ามาในร้าน ข้าพเจ้าไม่เคยต้องออกปากห้ามปรามร้องขอเลย นังอบเชยนี่แหละที่จะไปขู่ฟ่อๆ โก่งตัวพองขนแล้วเข้าตบทันทีที่เห็น
บอกแล้วไงว่ามันไม่ใช่เป็นแค่แมวตัวหนึ่ง แต่มันเป็นนังอบเชยต่างหากเล่า !
๑๗ มีน ๒๕๔๙
Relate topics







