โลกยามแดดอัสดง

by หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก @2 ธ.ค.46 16.20 ( IP : ) | Tags : เรื่องสั้น-ความเรียง

โลกยามแดดอัสดง ๑). 3 ปีมานี้  ทุกเย็นผมจะเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องคอมพิวเตอร์  ซึ่งครั้งหนึ่ง มันเคยเป็นห้องบันทึกเสียงเล็กๆ  ผมเงียบหายอยู่ในห้องนั้นเป็นชั่วโมงๆ  มิรับรู้กระแสลมพัดผ่าน  หรืออายแดดที่ดินคายยามพลบ  หน้าต่างห้องผ้าม่านสีเหลืองซีด  เปิดทิ้งไว้เพื่อระบายควันบุหรี่  และเพื่อได้ละสายตาทอดยาวไปยังเขาคอหงส์ลิบลิบโน่น  มันเป็นช่วงพลบ 2-3 ปี  ที่ผมกับโลกต่างรู้สึกปลอดภัยจากกันและกัน ในห้อง  ผมกั้นห้องเล็กๆเอาไว้อีกชั้น  บุด้วยฟองน้ำทั่วทุกด้านฝา  ฝา ด้านที่มีความยาวที่สุด  ผมเจาะช่องติดกระจกใส  ไว้เวลาให้สัญญาณกับนักร้องนักดนตรี  ฝุ่นจับหนาเขรอะอยู่บนอุปกรณ์แต่ง-สร้างเสียง  นับจากต้นปี 2545  หลังจาก เรา แตกวงกันทั้งที่ทำได้เพียงเดโมดิบๆ (5 ปี)  ผมก็ไม่สนใจแม้จะเอื้อมมือไปแตะต้องมันอีกเลย  มันก็เหมือนกับการเอามือลูบไปบนรอยแผลเป็นสากๆนั่นแหละ  รังแต่จะระคายมือระเคืองใจมิสิ้น    ลำโพงราคาแพงตระหง่านอยู่บนขาตั้ง  กับเครื่องเล่นสำเร็จรูปเท่านั้น  ที่ผมหมั่นเช็ดถู  อันที่จริงเครื่องเล่นนั้นนับว่าเน่าไปมากแล้ว  ด้วยการใช้งานสมบุกสมบันนับนานปี    ได้ลำโพงคู่แพงนี่แหละที่ช่วยให้การฟังเพลงระรื่นหูขึ้น  คุณไม่จำเป็นต้องนุ่งกางเกงในเลย    หากคุณนุ่งยีนได้สวย ๒). โลกยามอัสดงของคุณเป็นอย่างไร?  เมื่อดวงอาทิตย์หลบแรงแสงอ่อน เข้าสู่อ้อมกอดเมฆขาวนวล  ขอบเมฆก็เรื่อไปด้วยแสงสีทองอร่ามดั่งทองคำลุกไหม้  คุณได้ยินเสียงนกร้องเซ็งแซ่บนไม้ใหญ่บ้างไหม?  คุณจะเดินอาบแดดไปตามทางลูกรัง  มือล้วงกระเป๋าผิวปากเป็นเพลงสักเพลงหรือไม่?  หรือคุณกำลังนั่งอยู่ริมตลิ่งน้ำนิ่ง  หย่อนเท้าลงจุ่มน้ำเย็นเฉียบ  ตีขาเบาๆ  สร้างวงน้ำกระเพื่อมออกไปสู่อีกฟากตลิ่ง? มันคงเป็นอัสดงที่น่าอิจฉาอย่างที่สุดเลยคุณ ก่อนหน้าที่ผมจะรู้จักคอมพิวเตอร์  และก่อนหน้าของประโยคก่อนหน้า ผมเป็นนักกีฬา  ด้วยความสูง  175 ซม.  หนัก  65 ซม.  แม้จะดูเก้งก้างเงอะงะขายาวไปหน่อย  แต่มันส่งผลดีต่อการสปีดไล่เบียดกับเบอร์ 9 ของอีกฝ่าย  ตำแหน่งเซนเตอร์ตัวสุดท้ายของผม  ความสูงช่วยให้กระโดดโหม่งแย่งคู่ต่อสู้ได้สูสี  แน่นอนที่ผมต้องศึกษาแทคติกการตุกติก  เพื่อหยุดเกมเอาไว้ในขณะที่กำลังเสียเปรียบ  อย่าลืมสิหลุดไปจากผมก็หมายถึงผู้รักษาประตูต้องเสี่ยงกับโอกาสบอลเข้าประตูเกือบ 100%  การล้มตัวกวาดขาเบอร์ 9    การดึงเสื้อเบอร์ 11  กระทั่งการกระโดดโหม่งตีศอกใส่หน้าเบอร์ 10  อย่างแนบเนียน  มันคุ้มกว่าหากผู้รักษาประตูของผมได้วัดใจจากลูกโทษ  ฟุตบอลทำให้ผมมีเพื่อนมากมาย  อย่างน้อยก็  21 คนในสนาม  เช่นที่ผมอาจมีศัตรูเพิ่มมาถึง  11  คน  หากเล่นในเกมแรงเกินไปจนวางมวยฟาดปากกัน โลกยามอัสดงบนสนามหญ้าเป็นหย่อมๆนั้น  เราหยุดการวิ่งไล่อย่างบ้า คลั่งเมื่อดวงอาทิตย์ลับหายไปจากเหลี่ยมตึก  เสียงหอบเหนื่อย  เสียงวิจารณ์เกม  เสียงเอ็ดตะโรต่อคนที่เล่นพลาดบ่อยๆ  เซ็งแซ่ท่ามกลางควันบุหรี่  และเสียงโบกเสื้อไล่ยุงที่บินมาจากมุมมืดที่ไหนสักแห่ง  ผมเดินออกจากสนามกับเพื่อนอีก 2-3 คน  มือหนึ่งหิ้วสตั๊ดอีกมือคีบบุหรี่  เมื่อเผชิญหน้ากับแสงนีออนนานับคับคั่งที่ถนนใหญ่  เราต่างสวมเสื้อแล้วบิดมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน    หรือไม่ก็ร้านเหล้าที่ไหนสักแห่ง จำไม่ได้ว่าผมเลิกเล่นฟุตบอลตั้งแต่เมื่อไหร่  จำไม่ได้แม้กระทั่งสตั๊ด ADIDAS  รุ่น  LAPATA 13 ปุ่มนั้น  ผมให้หรือขายใครไป  หรือทิ้งลืมไว้ใต้บันได้จนเปื่อยราให้หนูแทะเล่น  ผมรู้เพียงว่าช่วงวัยเวลานั้น    เมื่อโลกอลหม่านด้วยผู้คนรถราที่วิ่งแข่งกันกลับบ้าน  ผมอยู่ในร้านเหล้าเสียแล้ว  เป็นร้านที่มีต้นไม้สูงใหญ่ร่มครึ้มคลุมปรกอยู่เหนือพื้นกรวด    อยู่ลึกเข้าไปในซอยประมาณ 500 เมตรจากถนนใหญ่ชานเมือง  ไม้โมกออกดอกขาวพรึบไปทั้งต้น  ส่งกลิ่นหอมกรุ่นมากับอายลมร้อนผ่าว  แมวตัวเซื่องๆขี้เกียจๆหลับอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน  เจ้าของร้านเป็นชายวัยประมาณ 48-52  หนวดครึ้มดั่งเฟิร์นที่ย้อยย่านจากคาคบ  ดวงตาคู่นั้นดุ  พูดน้อย  ดื่มจัด  แต่ที่สังเกตุเห็นคือเมายาก  และยิ้มหวาน  ผมไม่กล้าชวนเขาคุยนักหรอก  คุณควรได้เห็นฝ่ามือของเขาเสียก่อน    มันใหญ่และหนาเตอะ  ลำแขนนั้นก็กล้ามเนื้อคับติ้วดั่งรัดด้วยมัดหวาย  พูดไม่ถูกหูเขานิดเดียว  หัวผมคงหลุดไปตามแรงตบเปล่าๆ ผมจิบเบียร์เย็นๆเงียบๆ  เนิบช้า  ละเลียดบรรยากาศสนธยาเอาไว้ให้ มากที่สุด  เบียร์ที่นี่เย็นเป็นวุ้น  คุณคิดดูสิ  เบียร์เป็นวุ้นในยามโมงที่โลกกำลังถดถอยแรงร้อน  กลิ่นไม้หอมสารพัดกรุ่นกำจายอยู่เกลื่อนอาณา  มันอบร่ำเสียจนผมแทบจะกลายเป็นบุหงารำไปเลยทีเดียว  เสียงนกกระจอกทะเลาะแย่งรังดังขึ้นเมื่อที่ร้านเปิดไฟอ่อนตรงเคาท์เตอร์    นั่นแหละไอ้แมวสันหลังยาวจะลุกมาบิดขี้เกียจ  เหยียดขายาวแล้วสะบัดตัวแรงๆ  หาวใหญ่ๆอีก 2-3 ฟอด  แลบลิ้นเลียริมฝีปาก 2-3 ที  จากนั้นมันก็จะนั่งนิ่งดูนกอยู่อย่างนั้นอีกเป็นเวลานาน เป็นความสุขลึกเพียงสิ่งเดียวกระมัง?  หลังจากการงานอันหนักหน่วง และจำเจนับนานปีในแต่ละวัน  เหนื่อยและเครียดไปกับการค้าขาย  รีบตื่นแต่ตี 4-5  รีบไปตลาด  รีบขายของ  รีบเก็บร้าน  ก่อนจะได้รีบมาผ่อนคลายจิบเบียร์    เพื่อจะได้รีบกลับไปนอน!! ๓). มันกลายเป็นห้องนั่งเล่นอินเตอร์เนตไปโดยปริยาย  ความรู้สึกโดด เดี่ยวและไม่ไว้วางใจโลกหายไปเมื่อผมปิดประตูบ้าน    ผมไม่มีตัวตนอยู่บนถนน  ไม่มีชื่อให้ใครเรียกขาน  ผมลบตัวตนออกจากความทรงจำของใครต่อใครอย่างไร้ไยดี ในความสูญหายเหล่านี้  ลึกๆลงไปผมเหงา!! ในการคัดนักฟุตบอลเยาวชนเขตเมื่อปี 2526  ผมเป็นคนแรกที่ถูกคัด ออก  ผมโวยวายกับเหตุผลของโค้ชที่ว่าผมเก้งก้าง  เล่นแรงเกินไป  ผมเถียง  ผมโกรธ  ผมเตะลูกบอลใส่หน้าโค้ชเต็มแรง  เลือดกำเดาทะลักจากจมูกโค้ช  เย็นนั้นผมลากสังขารไปทำแผลที่ร้านเหล้าในซอย 500 เมตรนั้น  รอยปุ่มสตั๊ด 6 ปุ่มปรากฏอยู่บนใบหน้า  มันลากเป็นแผลยาวลงมาจากโหนกแก้มถึงคาง  ฟันหัก 2 ซี่  และช้ำไปทั้งตัว  คลับคล้ายว่านั่นจะเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้ผมลืมรองเท้าสตั๊ดคู่นั้นของผม ชีวิตใช่จะยืนยาวอมตะเสียเมื่อไหร่  ระยะเวลาช่วงวัยกินเวลาเข้าไปแต่ ละช่วงก็ 4-5 ปี    เด็กหญิงที่เห็นวิ่งเล่นอยู่หลัดๆ  จับพลัดจับผลูก็มีประจำเดือนแล้ว  มันกร่อนแทะชีวิตเราไปทุกขณะ  พริบตาจากเด็กหนุ่มผมก็กลายเป็นชายเต็มวัย  ผู้ซึ่งเมื่อโลกร่มแดดก็กรึ่มๆเมาๆอยู่ในร้านไม้โมกแห่งนั้น    ทุกเย็นในซอยลึก 500 เมตร  ผมมีความสุขเงียบๆ  จนกระทั่งเหตุการณ์สยดสยองที่สุดในชีวิตได้เกิดขึ้น เจ้าของร้านคู่ตาดุหนวดเฟิ้มคนนั้น  คงจิบเบียร์เข้าไปแต่หัววันกระมัง? เมื่อผมย่างล้ออีดรีมร้ายๆเข้าไป  เขาก็โบกมือทักกวักเรียกให้นั่งที่เคาท์เตอร์ตรงมุมที่เคยนั่งประจำ  เขาพูดไม่หยุด  ยิ้มหวานนั้นยิ่งหยาดเยิ้มไปด้วยความมันของลิป  ผมผิดสังเกตุแต่ก็ยังวางใจว่าอากาศในร้านค่อนข้างเย็นอยู่เอาการ  เขาอาจปากแตกเพราะความเย็นนั้นก็เป็นได้  เบียร์ขวดแรกหมดไปอย่างรวดเร็ว  เราหัวเราะให้กับมุขเศร้าๆของชีวิต  ผมถามถึงแมวขี้เกียจตัวนั้น  เขายักไหล่ไม่ตอบ  ขวดที่สามพร่องไปหน่อย  เขาก็ย้ายมานั่งข้างๆผม  เขายังดื่มจัดเหมือนที่เคย  แต่อาการเมานั้นเริ่มคุอยู่ในดวงตาแดงก่ำ  แขนล่ำโอบคอผมอย่างสนิทสนม    มือนั้นคลึงติ่งหูผมจนขนลุกเกรียว    ผมถอยห่างเขาขยับเข้าใกล้  ผมถอยอีกครั้ง  คราวนี้แขนล่ำก็ฉวยแขนผมกระชากเข้าอ้อมกอดเขา    เขาพยายามจะจูบผม!! ผมถุยน้ำลายใส่หน้า  แล้วชกเปรี้ยงเข้าที่ดั้งจมูกโด่งๆนั้นทันที ๔). โลกยามอัสดงเลวร้ายสำหรับผมเสมอมา    3 ปีที่ผ่าน  ผมเก็บตัวเงียบ อยู่ในห้องคอมพิวเตอร์  เปิดหน้าต่างกว้างมองดูเขาคอหงส์ลิบลิบ  แดดค่อยๆร่มลงช้าๆ  ดวงอาทิตย์ลูกโตแอบอยู่หลังกลุ่มเมฆขาวฟ่อง  ระบายขอบแรเงาสีทองอร่ามเรือง ลึกลงไปคือความเหงาอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง  ยามโลกอัสดงคุณอยู่ ณ
ที่แห่งใด?  ริมตลิ่งน้ำนิ่ง?  เดินล้วงกระเป๋าผิวปากอาบแดดสีทอง?  หรือนั่งฟังเสียงนกเจี๊ยวจ๊าวอยู่ในรังรวง  ช่วงวัยชีวิตมันผ่านไปอย่างรวดเร็ว  ผมยังคงนั่งหน้าจอมอนิเตอร์  วันแล้ววันเล่า    ปีแล้วปีเล่า  จมเงียบอยู่ในเวบไซด์ต่างๆ ผมได้ยินเสียงโลกถอนใจโล่งอกมาตลอด 3 ปี!! เออแน่ะอัสดงพลบค่ำโพล้เพล้  ในห้องคอมพิวเตอร์  ผมหันไปดู อุปกรณ์สร้าง-แต่งเสียงนั้นอย่างขมขื่น  ฝุ่นยังจับหนาเขรอะอย่างเดิม  หยากไย่รกรุงรัง  ลมโยนสายระยางนั้นต่องแต่งจะร่วงมิร่วงแหล่  ความฝันเล็กๆที่อยากจะมีอัลบั้มสักชุด  กับการลงทุนไปเกือบแสนบาทไทยนั้นสูญเปล่า  มันสร้างความเจ็บปวดแก่ผมเสมอแผลที่ลากยาวตั้งแต่ท้ายทอยจรดก้นกบ อาจถึงเวลาช่วงผลัดเปลี่ยนอีกครั้งกระมัง?  ช่วงวัยชีวิตอีกช่วงหนึ่ง กำลังสุดสิ้นลง    เขาคอหงส์ตระหง่านอยู่เขียวครึ้มไกล  นวลเมฆปาดแผ่วอยู่บนยอด  แดดทางตะวันตกกำลังร่วงแรง  ผมรู้สึกโหยหาโลกขึ้นมาติดหมัด  เหมือนเดินหิ้วสตั๊ดออกจากสนามฟุตบอล  เหมือนนั่งมองแมวขี้เกียจท่ามกลางกลิ่นหอมของไม่ดอก  เถอะน่าอัสดงที่ผ่านๆมาก็ยังมีเสน่ห์อยู่บ้างหรอก  อย่างน้อยก็แจ่มชัดในความทรงจำให้รำลึกถึง ปิดประตูห้อง  ผมพร้อมแล้วที่จะเดินออกจากบ้าน  ทิ้ง 3 ปีในโลกอิน เตอร์เนตให้อยู่ในห้องฝุ่นเขรอะและหยากไย่  อีดรีมร้ายๆยังคงวิ่งได้  แม้ไม่เร็วนัก  แต่ก็ไปถึงล่ะ  ถึงไหนก็ช่าง  แดดสีทองอร่ามอย่างนี้  มันคงอาบร่างผิวสีทองแดงของผมให้เหมือนพระสังข์ได้บ้างละน่า และผมไม่จำเป็นต้องนุ่งกางเกงใน  เพราะผมนุ่งยีนได้สวยเข้าทรง!!


พิมพ์ครั้งแรกที่  จิ้งจกทัก 3

Comment #1
สันต์ธวัช ศรีคำแท้ (Not Member)
Posted @19 ธ.ค.46 13.29 ip :

น่าจะหาหนทางไปเผยแพร่ที่อื่นๆเช่นผู้จัดการวันเสาร์-โอเค ใช้ได้..บ๊ะ..เพิ่งเจอขาบอลตัวจริง...ทว่า...เบอร์11ตัวนี้คงโดนเตะกลิ้ง...แน่...ชะเอิงเอย

Comment #2
ธิดาดาว (Not Member)
Posted @22 ธ.ค.46 11.08 ip :

เขียนได้ดีนะคะ ทั้งเรื่องสั้นบทกวี ใช่!พี่น่าจะเผยแพร่เรื่องสั้นลงหนังสือบ้างนะคะ เพราะเขียนได้ดีไม่แพ้กัน ช่วงนี้ธิดาดาวกำลังหัดเขียนเรื่องสั้นอยู่เหมือนกันค่ะ แต่คงต้องให้สอบเสร็จก่อนนะคะ

Comment #3
ดรีมมี่ (Not Member)
Posted @22 ธ.ค.46 12.10 ip :

อารมณ์ร่วมเลยอ่ะ พี่คับ  ชอบจัง อยากเขียนแบบนี้ได้บ้างจัง

Comment #4
ผีเสื้อปีกบางฯ (Not Member)
Posted @23 ธ.ค.46 7.01 ip :

รู้แล้วล่ะ....คนที่เขียนร้อยแก้วได้ดี...ก็จะเขียนร้อยกรองดีด้วย

อืมมม...เป็นแบบเนี้ยทุกคนป่ะพี่

เวลาอ่านงานกลอนของพี่อ่ะ ...มันก็เหมือนร้อยแก้วที่มีสัมผัสนั่นเอง บางคนอาจจะบอกว่าเยิ่นเย้อ  แต่จาวตาลชอบนะมันบรรยายได้ละเอียด บ่งบอกถึงอารมณ์...ความรู้สึก

แหะๆๆๆ...อ่านร้อยแก้วอยู่ดีๆ...ไมวนไปที่ร้อยกรองได้

Comment #5
Posted @20 เม.ย.48 20.48 ip : 61...70

ตอนที่ 1 รสชาดเหมือนหมี่เป็ดแรกน้ำซุปแตะลิ้น

ตอนที่ 2 กำซาบซ่านเมื่อคมฟันชำแรกหนั่นเนื้อขาเป็ด และพริกเผ็ดบนริมฝีปาก

ตอนที่ 3 หวาดหวั่นกับปริมาณหมูแดงที่ค่อยๆ ลดจำนวนลง

ตอนที่ 4 ตะแคงถ้วยซดน้ำโฮกสุดท้ายเป็นเกียรติแก่เป็ดผู้พลีร่าง พลางเอ่ยกับเจ้าของร้านใจดีว่า "แปะไว้ก่อน"

Comment #6
Posted @15 ม.ค.51 11.39 ip : 61...210

อ่านแล้วรู้สึกได้เลยว่า...กวีหมี่เป็ด...สุดยอดจริง  อิอิ...ให้ความรู้สึกดีได้อารมณ์ของมนุษย์ที่ไม่ธรรมคนนึง....สู้ๆๆ

แสดงความคิดเห็น

« 3575
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 14 user(s)

User count is 2283487 person(s) and 9248626 hit(s) since 3 พ.ค. 2567 , Total 550 member(s).