โลกยามแดดอัสดง
โลกยามแดดอัสดง
๑).
3 ปีมานี้ ทุกเย็นผมจะเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องคอมพิวเตอร์ ซึ่งครั้งหนึ่ง
มันเคยเป็นห้องบันทึกเสียงเล็กๆ ผมเงียบหายอยู่ในห้องนั้นเป็นชั่วโมงๆ มิรับรู้กระแสลมพัดผ่าน หรืออายแดดที่ดินคายยามพลบ หน้าต่างห้องผ้าม่านสีเหลืองซีด เปิดทิ้งไว้เพื่อระบายควันบุหรี่ และเพื่อได้ละสายตาทอดยาวไปยังเขาคอหงส์ลิบลิบโน่น มันเป็นช่วงพลบ 2-3 ปี ที่ผมกับโลกต่างรู้สึกปลอดภัยจากกันและกัน
ในห้อง ผมกั้นห้องเล็กๆเอาไว้อีกชั้น บุด้วยฟองน้ำทั่วทุกด้านฝา ฝา
ด้านที่มีความยาวที่สุด ผมเจาะช่องติดกระจกใส ไว้เวลาให้สัญญาณกับนักร้องนักดนตรี ฝุ่นจับหนาเขรอะอยู่บนอุปกรณ์แต่ง-สร้างเสียง นับจากต้นปี 2545 หลังจาก เรา แตกวงกันทั้งที่ทำได้เพียงเดโมดิบๆ (5 ปี) ผมก็ไม่สนใจแม้จะเอื้อมมือไปแตะต้องมันอีกเลย มันก็เหมือนกับการเอามือลูบไปบนรอยแผลเป็นสากๆนั่นแหละ รังแต่จะระคายมือระเคืองใจมิสิ้น ลำโพงราคาแพงตระหง่านอยู่บนขาตั้ง กับเครื่องเล่นสำเร็จรูปเท่านั้น ที่ผมหมั่นเช็ดถู อันที่จริงเครื่องเล่นนั้นนับว่าเน่าไปมากแล้ว ด้วยการใช้งานสมบุกสมบันนับนานปี ได้ลำโพงคู่แพงนี่แหละที่ช่วยให้การฟังเพลงระรื่นหูขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องนุ่งกางเกงในเลย หากคุณนุ่งยีนได้สวย
๒).
โลกยามอัสดงของคุณเป็นอย่างไร? เมื่อดวงอาทิตย์หลบแรงแสงอ่อน
เข้าสู่อ้อมกอดเมฆขาวนวล ขอบเมฆก็เรื่อไปด้วยแสงสีทองอร่ามดั่งทองคำลุกไหม้ คุณได้ยินเสียงนกร้องเซ็งแซ่บนไม้ใหญ่บ้างไหม? คุณจะเดินอาบแดดไปตามทางลูกรัง มือล้วงกระเป๋าผิวปากเป็นเพลงสักเพลงหรือไม่? หรือคุณกำลังนั่งอยู่ริมตลิ่งน้ำนิ่ง หย่อนเท้าลงจุ่มน้ำเย็นเฉียบ ตีขาเบาๆ สร้างวงน้ำกระเพื่อมออกไปสู่อีกฟากตลิ่ง?
มันคงเป็นอัสดงที่น่าอิจฉาอย่างที่สุดเลยคุณ
ก่อนหน้าที่ผมจะรู้จักคอมพิวเตอร์ และก่อนหน้าของประโยคก่อนหน้า
ผมเป็นนักกีฬา ด้วยความสูง 175 ซม. หนัก 65 ซม. แม้จะดูเก้งก้างเงอะงะขายาวไปหน่อย แต่มันส่งผลดีต่อการสปีดไล่เบียดกับเบอร์ 9 ของอีกฝ่าย ตำแหน่งเซนเตอร์ตัวสุดท้ายของผม ความสูงช่วยให้กระโดดโหม่งแย่งคู่ต่อสู้ได้สูสี แน่นอนที่ผมต้องศึกษาแทคติกการตุกติก เพื่อหยุดเกมเอาไว้ในขณะที่กำลังเสียเปรียบ อย่าลืมสิหลุดไปจากผมก็หมายถึงผู้รักษาประตูต้องเสี่ยงกับโอกาสบอลเข้าประตูเกือบ 100% การล้มตัวกวาดขาเบอร์ 9 การดึงเสื้อเบอร์ 11 กระทั่งการกระโดดโหม่งตีศอกใส่หน้าเบอร์ 10 อย่างแนบเนียน มันคุ้มกว่าหากผู้รักษาประตูของผมได้วัดใจจากลูกโทษ ฟุตบอลทำให้ผมมีเพื่อนมากมาย อย่างน้อยก็ 21 คนในสนาม เช่นที่ผมอาจมีศัตรูเพิ่มมาถึง 11 คน หากเล่นในเกมแรงเกินไปจนวางมวยฟาดปากกัน
โลกยามอัสดงบนสนามหญ้าเป็นหย่อมๆนั้น เราหยุดการวิ่งไล่อย่างบ้า
คลั่งเมื่อดวงอาทิตย์ลับหายไปจากเหลี่ยมตึก เสียงหอบเหนื่อย เสียงวิจารณ์เกม เสียงเอ็ดตะโรต่อคนที่เล่นพลาดบ่อยๆ เซ็งแซ่ท่ามกลางควันบุหรี่ และเสียงโบกเสื้อไล่ยุงที่บินมาจากมุมมืดที่ไหนสักแห่ง ผมเดินออกจากสนามกับเพื่อนอีก 2-3 คน มือหนึ่งหิ้วสตั๊ดอีกมือคีบบุหรี่ เมื่อเผชิญหน้ากับแสงนีออนนานับคับคั่งที่ถนนใหญ่ เราต่างสวมเสื้อแล้วบิดมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน หรือไม่ก็ร้านเหล้าที่ไหนสักแห่ง
จำไม่ได้ว่าผมเลิกเล่นฟุตบอลตั้งแต่เมื่อไหร่ จำไม่ได้แม้กระทั่งสตั๊ด
ADIDAS รุ่น LAPATA 13 ปุ่มนั้น ผมให้หรือขายใครไป หรือทิ้งลืมไว้ใต้บันได้จนเปื่อยราให้หนูแทะเล่น ผมรู้เพียงว่าช่วงวัยเวลานั้น เมื่อโลกอลหม่านด้วยผู้คนรถราที่วิ่งแข่งกันกลับบ้าน ผมอยู่ในร้านเหล้าเสียแล้ว เป็นร้านที่มีต้นไม้สูงใหญ่ร่มครึ้มคลุมปรกอยู่เหนือพื้นกรวด อยู่ลึกเข้าไปในซอยประมาณ 500 เมตรจากถนนใหญ่ชานเมือง ไม้โมกออกดอกขาวพรึบไปทั้งต้น ส่งกลิ่นหอมกรุ่นมากับอายลมร้อนผ่าว แมวตัวเซื่องๆขี้เกียจๆหลับอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน เจ้าของร้านเป็นชายวัยประมาณ 48-52 หนวดครึ้มดั่งเฟิร์นที่ย้อยย่านจากคาคบ ดวงตาคู่นั้นดุ พูดน้อย ดื่มจัด แต่ที่สังเกตุเห็นคือเมายาก และยิ้มหวาน ผมไม่กล้าชวนเขาคุยนักหรอก คุณควรได้เห็นฝ่ามือของเขาเสียก่อน มันใหญ่และหนาเตอะ ลำแขนนั้นก็กล้ามเนื้อคับติ้วดั่งรัดด้วยมัดหวาย พูดไม่ถูกหูเขานิดเดียว หัวผมคงหลุดไปตามแรงตบเปล่าๆ
ผมจิบเบียร์เย็นๆเงียบๆ เนิบช้า ละเลียดบรรยากาศสนธยาเอาไว้ให้
มากที่สุด เบียร์ที่นี่เย็นเป็นวุ้น คุณคิดดูสิ เบียร์เป็นวุ้นในยามโมงที่โลกกำลังถดถอยแรงร้อน กลิ่นไม้หอมสารพัดกรุ่นกำจายอยู่เกลื่อนอาณา มันอบร่ำเสียจนผมแทบจะกลายเป็นบุหงารำไปเลยทีเดียว เสียงนกกระจอกทะเลาะแย่งรังดังขึ้นเมื่อที่ร้านเปิดไฟอ่อนตรงเคาท์เตอร์ นั่นแหละไอ้แมวสันหลังยาวจะลุกมาบิดขี้เกียจ เหยียดขายาวแล้วสะบัดตัวแรงๆ หาวใหญ่ๆอีก 2-3 ฟอด แลบลิ้นเลียริมฝีปาก 2-3 ที จากนั้นมันก็จะนั่งนิ่งดูนกอยู่อย่างนั้นอีกเป็นเวลานาน
เป็นความสุขลึกเพียงสิ่งเดียวกระมัง? หลังจากการงานอันหนักหน่วง
และจำเจนับนานปีในแต่ละวัน เหนื่อยและเครียดไปกับการค้าขาย รีบตื่นแต่ตี 4-5 รีบไปตลาด รีบขายของ รีบเก็บร้าน ก่อนจะได้รีบมาผ่อนคลายจิบเบียร์ เพื่อจะได้รีบกลับไปนอน!!
๓).
มันกลายเป็นห้องนั่งเล่นอินเตอร์เนตไปโดยปริยาย ความรู้สึกโดด
เดี่ยวและไม่ไว้วางใจโลกหายไปเมื่อผมปิดประตูบ้าน ผมไม่มีตัวตนอยู่บนถนน ไม่มีชื่อให้ใครเรียกขาน ผมลบตัวตนออกจากความทรงจำของใครต่อใครอย่างไร้ไยดี
ในความสูญหายเหล่านี้ ลึกๆลงไปผมเหงา!!
ในการคัดนักฟุตบอลเยาวชนเขตเมื่อปี 2526 ผมเป็นคนแรกที่ถูกคัด
ออก ผมโวยวายกับเหตุผลของโค้ชที่ว่าผมเก้งก้าง เล่นแรงเกินไป ผมเถียง ผมโกรธ ผมเตะลูกบอลใส่หน้าโค้ชเต็มแรง เลือดกำเดาทะลักจากจมูกโค้ช เย็นนั้นผมลากสังขารไปทำแผลที่ร้านเหล้าในซอย 500 เมตรนั้น รอยปุ่มสตั๊ด 6 ปุ่มปรากฏอยู่บนใบหน้า มันลากเป็นแผลยาวลงมาจากโหนกแก้มถึงคาง ฟันหัก 2 ซี่ และช้ำไปทั้งตัว คลับคล้ายว่านั่นจะเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้ผมลืมรองเท้าสตั๊ดคู่นั้นของผม
ชีวิตใช่จะยืนยาวอมตะเสียเมื่อไหร่ ระยะเวลาช่วงวัยกินเวลาเข้าไปแต่
ละช่วงก็ 4-5 ปี เด็กหญิงที่เห็นวิ่งเล่นอยู่หลัดๆ จับพลัดจับผลูก็มีประจำเดือนแล้ว มันกร่อนแทะชีวิตเราไปทุกขณะ พริบตาจากเด็กหนุ่มผมก็กลายเป็นชายเต็มวัย ผู้ซึ่งเมื่อโลกร่มแดดก็กรึ่มๆเมาๆอยู่ในร้านไม้โมกแห่งนั้น ทุกเย็นในซอยลึก 500 เมตร ผมมีความสุขเงียบๆ จนกระทั่งเหตุการณ์สยดสยองที่สุดในชีวิตได้เกิดขึ้น
เจ้าของร้านคู่ตาดุหนวดเฟิ้มคนนั้น คงจิบเบียร์เข้าไปแต่หัววันกระมัง?
เมื่อผมย่างล้ออีดรีมร้ายๆเข้าไป เขาก็โบกมือทักกวักเรียกให้นั่งที่เคาท์เตอร์ตรงมุมที่เคยนั่งประจำ เขาพูดไม่หยุด ยิ้มหวานนั้นยิ่งหยาดเยิ้มไปด้วยความมันของลิป ผมผิดสังเกตุแต่ก็ยังวางใจว่าอากาศในร้านค่อนข้างเย็นอยู่เอาการ เขาอาจปากแตกเพราะความเย็นนั้นก็เป็นได้ เบียร์ขวดแรกหมดไปอย่างรวดเร็ว เราหัวเราะให้กับมุขเศร้าๆของชีวิต ผมถามถึงแมวขี้เกียจตัวนั้น เขายักไหล่ไม่ตอบ ขวดที่สามพร่องไปหน่อย เขาก็ย้ายมานั่งข้างๆผม เขายังดื่มจัดเหมือนที่เคย แต่อาการเมานั้นเริ่มคุอยู่ในดวงตาแดงก่ำ แขนล่ำโอบคอผมอย่างสนิทสนม มือนั้นคลึงติ่งหูผมจนขนลุกเกรียว ผมถอยห่างเขาขยับเข้าใกล้ ผมถอยอีกครั้ง คราวนี้แขนล่ำก็ฉวยแขนผมกระชากเข้าอ้อมกอดเขา เขาพยายามจะจูบผม!!
ผมถุยน้ำลายใส่หน้า แล้วชกเปรี้ยงเข้าที่ดั้งจมูกโด่งๆนั้นทันที
๔).
โลกยามอัสดงเลวร้ายสำหรับผมเสมอมา 3 ปีที่ผ่าน ผมเก็บตัวเงียบ
อยู่ในห้องคอมพิวเตอร์ เปิดหน้าต่างกว้างมองดูเขาคอหงส์ลิบลิบ แดดค่อยๆร่มลงช้าๆ ดวงอาทิตย์ลูกโตแอบอยู่หลังกลุ่มเมฆขาวฟ่อง ระบายขอบแรเงาสีทองอร่ามเรือง
ลึกลงไปคือความเหงาอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ยามโลกอัสดงคุณอยู่ ณ
ที่แห่งใด? ริมตลิ่งน้ำนิ่ง? เดินล้วงกระเป๋าผิวปากอาบแดดสีทอง? หรือนั่งฟังเสียงนกเจี๊ยวจ๊าวอยู่ในรังรวง ช่วงวัยชีวิตมันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมยังคงนั่งหน้าจอมอนิเตอร์ วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า จมเงียบอยู่ในเวบไซด์ต่างๆ
ผมได้ยินเสียงโลกถอนใจโล่งอกมาตลอด 3 ปี!!
เออแน่ะอัสดงพลบค่ำโพล้เพล้ ในห้องคอมพิวเตอร์ ผมหันไปดู
อุปกรณ์สร้าง-แต่งเสียงนั้นอย่างขมขื่น ฝุ่นยังจับหนาเขรอะอย่างเดิม หยากไย่รกรุงรัง ลมโยนสายระยางนั้นต่องแต่งจะร่วงมิร่วงแหล่ ความฝันเล็กๆที่อยากจะมีอัลบั้มสักชุด กับการลงทุนไปเกือบแสนบาทไทยนั้นสูญเปล่า มันสร้างความเจ็บปวดแก่ผมเสมอแผลที่ลากยาวตั้งแต่ท้ายทอยจรดก้นกบ
อาจถึงเวลาช่วงผลัดเปลี่ยนอีกครั้งกระมัง? ช่วงวัยชีวิตอีกช่วงหนึ่ง
กำลังสุดสิ้นลง เขาคอหงส์ตระหง่านอยู่เขียวครึ้มไกล นวลเมฆปาดแผ่วอยู่บนยอด แดดทางตะวันตกกำลังร่วงแรง ผมรู้สึกโหยหาโลกขึ้นมาติดหมัด เหมือนเดินหิ้วสตั๊ดออกจากสนามฟุตบอล เหมือนนั่งมองแมวขี้เกียจท่ามกลางกลิ่นหอมของไม่ดอก เถอะน่าอัสดงที่ผ่านๆมาก็ยังมีเสน่ห์อยู่บ้างหรอก อย่างน้อยก็แจ่มชัดในความทรงจำให้รำลึกถึง
ปิดประตูห้อง ผมพร้อมแล้วที่จะเดินออกจากบ้าน ทิ้ง 3 ปีในโลกอิน
เตอร์เนตให้อยู่ในห้องฝุ่นเขรอะและหยากไย่ อีดรีมร้ายๆยังคงวิ่งได้ แม้ไม่เร็วนัก แต่ก็ไปถึงล่ะ ถึงไหนก็ช่าง แดดสีทองอร่ามอย่างนี้ มันคงอาบร่างผิวสีทองแดงของผมให้เหมือนพระสังข์ได้บ้างละน่า
และผมไม่จำเป็นต้องนุ่งกางเกงใน เพราะผมนุ่งยีนได้สวยเข้าทรง!!
พิมพ์ครั้งแรกที่ จิ้งจกทัก 3