รุสนี
รุสนี
๑).
รุสนีแหงนมองขึ้นไปบนยอดบูโด มันสูงจนต้องเงยแทบจะหงายหลัง เขาบูโดสูงใหญ่และรกทึบ
รุสนีได้ยินเรื่องเล่าแปลกๆจากรอกิบป๊ะของเธอ คืนที่ป๊ะกับเพื่อนบ้านชายหนุ่มฉกรรจ์ ๕-๖ คนนั่งล้อมวงคุยกันนอกชาน รุสนีนอนฟังอยู่เงียบๆในห้องที่อยู่ไม่ไกลนั้นนัก หมู่บ้านแคและแห่งนี้มันเงียบสงัดเสียจนได้ยินเสียงแห่งความเงียบ กระนั้นเธอเองก็จับใจความได้ไม่มากนัก เค้าๆว่ามีคนหนุ่มเดินขึ้นบูโดแล้วหายลับไปกับเทือกสัน จนกระทั่งเสียงใครคนหนึ่งจุ๊ปาก การสนทนาในคืนวันนั้นจึงเลิกรา รุสนีได้ยินแต่เสียงถอนหายใจ แล้วเธอก็หลับไปในความมืดเมื่อมะปิดไฟนอน
เด็กหญิงคนนี้อายุ ๑๒ ขวบ ป๊ะกับมะทำนารับช่วงต่อมาหลายชั่วอายุคน ฐานะทางบ้านของเธอข้นแค้นเหมือนกันเกือบทุกครัวเรือน ตีนเขาบูโดรายรอบไปด้วยหมู่บ้านยากจน โลกที่เธอเห็นมีเพียงผืนนาหน้าบ้าน และหลังบ้านคือชายป่าที่แน่นพืดยาวเหยียดสู่สันเขา เธอชะเง้อมองขึ้นไปอยู่บ่อยๆ คนหนุ่มบ้านไหนกันหนอที่เดินหายขึ้นไป
มันนานมาแล้ว ป๊ะลูบหัวเธอเบาๆเมื่อเธอถามถึงคนหนุ่ม
ป๊ะชื่อรอกิบ มะเล่าว่าครั้งหนึ่งป๊ะเป็นศูนย์กลางของชาวบ้านตีนเขาบูโด เธอเองก็สังเกตและรู้สึกได้ถึงความเคารพเชื่อถือในตัวป๊ะ นี่เป็นสิ่งที่เธอภูมิใจ และรุสนีก็ประหนึ่งดอกไม้หอมกลางป่า หน้าตาเธอสะสวย ตาคมผมดำ แม้ทุกครั้งที่ออกนอกบ้านเธอจะต้องคลุมฮิญาบไว้ก็ตามที แต่นั่นก็ทำให้หัวใจเด็กหนุ่มคนหนึ่งสั่นไหวทุกครั้งที่เห็นเธอ
ยะห์ยาเด็กหนุ่มอายุ ๑๖ รูปร่างผอมเพรียวแต่แข็งแรง เขาเป็นเด็กหนุ่มผู้เงียบขรึม แต่ในความเงียบขรึมของเขานั้นเผยความอารมณ์ดีอยู่เสมอ เขาเป็นผู้ชายยิ้มเก่ง และนี่เองที่เด็กหญิงรุสนีต้องขวยอายอยู่เสมอเมื่อเขายิ้มให้
ฤดูเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นไปแล้ว นาโล่งโจ้งเหลือแต่ตอซัง เด็กๆมอมแมมกำลังวิ่งเล่นกันอยู่ในท้องนา ยะห์ยาเดินเข้าไปหารุสนีที่กำลังนั่งมองเด็กๆซุกซน
วันก่อนฉันเห็นผีเสื้อ เขาเอ่ยเบาๆ
มันสวยมาก ปีกสีสดกางแผ่ออกเป็นเหมือนผ้าปาเต๊ะ เขาแกล้งวาดมือออกไปจนสุด รุสนีหัวเราะคิก เธอรู้ดีว่าเขาชอบพอเธอ และเธอก็รู้ดีว่าเธอยังอายุน้อยอยู่
เดี๋ยวฉันจะบอกป๊ะให้ไปหามาให้ เธอนั่งเงยหน้ายิ้มให้เขา ยะห์ยาเกรงและกลัวป๊ะของเธอมาก แต่เขาก็รักป๊ะของเธอไม่น้อยไปกว่าความกลัวนั่น รอกิบเป็นผู้นำชุมชน ทุกครั้งที่รอกิบพูดทุกคนจะเงียบฟังอย่างตั้งใจ รอกิบไม่เคยเกรี้ยวกราดไม่ว่าจะด้วยเรื่องอันใดทั้งสิ้น เขาจะนิ่งเงียบสุขุม รับฟังในทุกปัญหาของเพื่อนบ้าน จากนั้นจะใช้วิธีพูดอันชาญฉลาดผ่านการไตร่ตรองรอบคอบแก้ปัญหานั้น
มันอยู่บนบูโด เขาเอ่ยเบาๆ หันหน้ามองไปทางบูโดอันสูงตระหง่านนั้น แล้วชี้ไปที่กึ่งกลางเขา
นั่นแหละ บริเวณนั้น
รุสนีตกใจ เธอเอามือกุมอกเอ่ยถึงอัลเลาะห์
เธอขึ้นไปทำไม?
ฉันเดินไปที่ลำธาร เธอก็รู้ว่าฉันชอบไปนอนเล่นอยู่บนนั้น ลำธารน้ำใสดี
บูโดมีลำธารใสเย็นไหลลงมาเป็นทางยาว มันจะออกไปถึงไหนสู่ไหนทั้งเขาและเธอก็ไม่รู้ได้
ฉันเห็นทะเลด้วยนะ มันเวิ้งว้างไกลสุดหูสุดตาเลยล่ะ บางทีนะ ให้ฉันโตกว่านี้อีกสักหน่อย ฉันจะไปทะเล
แต่ฉันอยากพาเธอไปดูผีเสื้อบนเขาบูโดมากกว่า ยะห์ยาจ้องหน้ารุสนีนิ่ง หัวใจเด็กหนุ่มสดชื่นเกินจะเอ่ยคำใดออกมาได้ เขาอยากชวนเธอไปดูผีเสื้อ นั่งตีเท้าในลำธาร เด็ดดอกไม้ป่าลอยตามรางน้ำ
รุสนีไม่เอ่ยตอบคำใด เธอรู้สึกถึงเสียงของหัวใจที่เต้นรัว พยายามบอกตัวเองว่าเธอยังเด็กนัก และยังมีงานทางบ้านให้ต้องผ่อนแรงผู้ใหญ่สองคนนั่น เด็กชายคนหนึ่งล้มลง รุสนีรีบวิ่งเข้าไปดูรอยแผลถลอก เด็กมอมแมมคนนั้นร้องไห้เสียงดัง ยิ่งปลอบก็ยิ่งร้อง รุสนีจึงอุ้มเด็กมอมแมมพากลับไปส่งที่บ้านไม่ไกลจากบ้านเธอยะห์ยามองตามหลังรุสนี ยิ้มกริ่มอยู่ในใบหน้า แล้วเดินออกไปยังที่เด็กๆมอมแมมกำลังซุกซน
๒).
หลังจากที่ร้อนอบอ้าวมาทั้งวัน คืนนั้นฝนจึงตกลงมาหนักหน่วง ป่าไพรทึบส่งเสียงร่าเริงรับฝนค่ำ หยาดฝนพรูลงจากหลังคาเป็นม่านหนา บ้านปิดไฟมืดแล้ว แต่รอกิบยังคงนั่งอยู่นอกชาน เขาสูบยาเส้นพ่นควันอ่อยเอื่อย กลุ่มควันฉุนๆแตกกลุ่มฉับพลันที่ลอยออกไปพ้นหลังคา เมื่อคืนมีเหตุการณ์ประหลาด ผู้เฒ่าปะจูมะบอกว่าได้ยินเสียงรถยนต์วิ่งอยู่ไม่ห่างมากนัก และคนหนุ่มอีกคนบอกว่าเห็นคนแปลกหน้าเดินอยู่ ๓-๔ คนบนบูโด เขาขึ้นไปกรีดยางเมื่อหัวรุ่ง โชคดีที่ดับตะเกียงทัน เขาเล่าอีกว่าล้มตัวลงนอนราบพื้น หูฟังเสียงย่ำเดินของกลุ่มคนแปลกหน้าว่าไปทิศทางไหน แต่หัวรุ่งนั้นมีลมแรงจนได้ยินแต่เสียงหวีดหวู รอกิบกำลังใช้ความคิดหนัก เขาเตือนคนหนุ่มคนนั้นว่าอย่าเอะอะอะไรไป และให้ทำเป็นไม่รู้เรื่องที่ได้เห็นมา บอกปะจูมะว่าเมื่อพลบค่ำแล้วอย่าไปไหน ให้ทุกบ้านดับไฟนอนให้เร็วที่สุด หมู่บ้านมืดมิด มีเพียงจุดแดงๆของยาเส้นที่รอกิบสูบวาบเป็นระยะ เขากำลังรอคอยใครบางคน
มีเสียงนกกลางคืนผิวปากจากราวป่า รอกิบดับยาเส้นทิ้ง เดินเงียบๆไปในความมืด เขามองหาต้นตอเสียง ลมและฝนเหเสียงนั้นไปหลายทิศ เขาพยายามเงี่ยหูฟังอีกครั้ง ไม่มีเสียงอันใดนอกจากลมและฝน ทบทวนทิศทางเสียงอีกครั้งแล้วเดินเลี้ยวขวาไปทางทิศตะวันออก เขาพบกลุ่มคน ๓-๔ คนยืนอยู่ พูดคุยกันเงียบกริบในความมืด แล้วรอกิบก็เดินตากฝนกลับเข้าบ้าน เขามีสีหน้าหนักใจจนรู้สึก ยกมือขึ้นลูบหน้า ใบหน้าเปียกโชกไปทั้งหัว ก้าวขึ้นบ้านเบาๆ รุสนีแอบมองทางช่องเล็กๆของห้อง เธอตกใจที่ป๊ะออกไปกลางค่ำกลางคืนคนเดียว
รุ่งขึ้น มีคนถูกยิงตายขณะออกไปกรีดยางบนบูโด ศพโดนยิงที่หัวอย่างแม่นยำ เขาเป็นชาวบ้านแคและที่นิสัยดี ใครๆก็รักรุสลันคนนี้
มันมาถึงอีกแล้วหรือ? เสียงสั่นเครือหวาดกลัวของใครบางคนดังขึ้นขณะเดินไปดูศพ ไม่มีคำตอบจากผู้ใด ทุกคนเศร้าและหวาดกลัว พิธีศพเป็นตามศาสนา ลูกเมียของรุสลันร้องไห้ รุสนีก็ร้องไห้ ยะห์ยาก็ร้องไห้ ใครๆก็ร้องไห้
ใครยิง? นี่เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบเช่นเดียวกัน
รอกิบเดินกลับบ้านเงียบๆหลังเสร็จพิธี รุสนีเดินคู่กับมะ เธอเห็นยะห์ยายืนนิ่งมองมา เธอเห็นดวงตาสงสัย และเห็นดวงตาลุกโชนของความรู้สึกบางอย่าง ยะห์ยารักรุสลัน ใครๆก็รู้ รุสลันเป็นผู้เกื้อหนุนทุกอย่างให้เด็กกำพร้าอย่างเขามาโดยตลอด ยะห์ยาสูญเสียพ่อและแม่เมื่อ ๔ ปีก่อน ป๊ะกับมะของยะห์ยากำลังขับมอเตอร์ไซค์ไปอำเภอ สถานีอนามัยเล็กและเครื่องมือน้อยเกินกว่าจะรักษาอาการของมะได้ ป๊ะของยะห์ยาไม่รู้ว่ามะเป็นอะไร อาการไข้หนักจะกำเริบในตอนกลางคืน และตัวร้อนผ่าวราวผิงไฟลุกโชนไปทั้งตัว ตกดึกมะจะเพ้อหนัก จับใจความในคำเพ้อนั่นไม่ได้สักคำ แต่เสียงมะอ้อนวอนองค์พระอัลเลาะห์ทำให้หัวใจยะห์ยาเยียบเย็น เขารู้ว่ามีการฆ่ากันโดยไร้เหตุผลเกิดขึ้นมาแล้วหลายปี แต่ไม่รู้ว่าใครและทำไม คำอ้อนวอนต่อองค์พระอัลเลาะห์เป็นน้ำเสียงสั่นกลัว มะร้องไห้สะอึกสะอื้น คำเพ้อค่อยๆดังขึ้นๆแล้วกรีดเสียงหวีดร้องคลุ้มคลั่งได้ยินไปทั่วทั้งตีนเขาบูโด ครั้นยามรุ่งที่ดวงอาทิตย์สาดแสงส่องเทือกเขาบูโด อาการเพ้อไข้ของมะก็จะค่อยๆเงียบลง ตัวที่ร้อนผ่าวเหมือนกระทะบนเตาก็ค่อยๆราไฟ มะจะนอนหลับอย่างเหนื่อยอ่อน ยะห์ยาเห็นป๊ะดูแลไข้ของมะอย่างอดทน พาไปสถานีอนามัยก็ไม่มีใครรู้ว่าอาการของมะเป็นอะไร วันนั้นเขาจึงพามะขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์บุโรทั่งไปโรงพยาบาลบาเจาะ ยะห์ยามองตามอย่างหวั่นๆว่าหมอจะรักษามะได้มากน้อยเพียงไร
แล้วก็มีคนมาส่งข่าว ว่าป๊ะกับมะของยะห์ยาถูกยิงบนถนน ยะห์ยายืนนิ่งอึ้งกับข่าวร้าย เขาร้องไห้สุดเสียง วิ่งตะโกนก่นด่าคนร้ายไปตามทางที่ป๊ะกับมะนอนอาบเลือด มันไกลเกินกว่าเด็กอายุ ๑๒ จะวิ่งถึง ยะห์ยาถูกผู้ใหญ่อุ้มกลับมาอย่างทุลักทุเล และรุสลันนี่แหละที่เป็นคนดูแลยะห์ยามาตลอด ๔ ปี
รุสลันตายแล้ว รอกิบบอกรุสนีว่าสงสารยะห์ยา เขาสิ้นไร้ไม้ตอกไม่มีญาติคนใด โชคดีที่เขาโตพอจะดูแลตัวเองได้ รอกิบบอกรุสนีว่าเขารู้สึกถึงความน่ากลัวอะไรบางอย่างของยะห์ยาอยู่เสมอ แต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร ยามที่รอกิบเพ่งดวงตายะห์ยา เขารู้สึกเย็นวาบไปทั้งสันหลัง จ้องนิ่ง คาดคั้น และรอคอย
แต่ยะห์ยายิ้มหวาน รุสนีก้มหน้าบอกป๊ะอายๆ รอกิบหัวเราะเบาๆแล้วถามรุสนีว่าปีนี้อายุเท่าไรแล้ว รุสนีไม่ตอบ เธอรู้ว่าป๊ะกำลังหมายถึงอะไร รอกิบลูบหัวเธอเบาๆ เด็กน้อย แล้วก้าวขึ้นบันไดบ้าน
ทั้งหมู่บ้านเหมือนมีความมืดสีดำปกคลุม การตายของรุสลันนำมาซึ่งความไม่ไว้วางใจใครทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่รอกิบที่ระแวงต่อทุกคน โดยเฉพาะต่อปะจูมะที่เขารู้สึกว่ากลายเป็นผู้เฒ่าลึกลับคนหนึ่ง เช่นที่ทั้งหมู่บ้านก็ไม่ไว้วางใจใคร โดยเฉพาะต่อรอกิบ ชาวบ้านรู้สึกว่ารอกิบฉลาดเกินไป มันเป็นความรู้สึกใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้น ความฉลาดและสงบของรอกิบก่อความใคร่รู้แก่ชาวบ้านหลังจากรุสลันตายไป นอกชานบ้านของรอกิบไม่มีหนุ่มๆมานั่งพูดคุย รอกิบไปกรีดยางเพียงลำพังเงียบๆตอนเช้ามืด และนั่นส่งผลโดยตรงมายังรุสนี เธอหวั่นไหวกับท่าทีเมินเฉยของชาวบ้าน ถามมะว่าเกิดอะไรขึ้น มะได้แต่โอบเธอแล้วร้องไห้ และทุกคนเริ่มสังเกตว่ายะห์ยาหายออกจากหมู่บ้านบ่อยครั้ง
ยะห์ยาเดินไต่เขาไปเรื่อยๆ มันมีทางเดินเล็กๆให้ย่างไปอย่างปลอดภัยจากสัตว์ร้าย เขาเศร้าเกินกว่าจะรับรู้อารมณ์คนในหมู่บ้าน เขาพร่ำถามตนเองว่านี่คือความสิ้นหวังใช่ไหม? เขาเดินไปถึงลำธารน้ำใส หย่อนก้นลงนั่งเอาเท้าตีน้ำเย็นๆ ผีเสื้อตัวหนึ่งโบกปีกสีสวยมาใกล้ เขาปรายตามองเล็กน้อย เมื่อได้จังหวะ เขาก็เอื้อมมือคว้าผีเสื้อไว้อย่างแม่นยำ ปีกสวยสีสดของผีเสื้อลอยล่องไปตามทางน้ำไหล
๓).
จู่ๆบ้านของรุสนีก็มีผู้มาเยือนยามดึก เป็นชายฉกรรจ์ ๕ คนถืออาวุธสงครามครบมือ พวกเขาแต่งตัวมิดชิด ชุดสีดำแล้วคลุมหน้าด้วยผ้าสีดำ รุสนีตกใจกลัวตัวสั่น มะเองก็ร้องไห้สะอื้นอยู่เงียบๆ ในขณะที่รอกิบเอ่ยเพียง อัลเลาะห์ แล้วชายชุดดำก็ลากรอกิบออกไปจากบ้าน
มีคนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใครคนหนึ่งแอบมองตามช่องฝาบ้าน เขาเห็นชายชุดดำตบหน้ารอกิบฉาดใหญ่ อีกคนจิกหัวเขาแล้วตะคอกถาม ใครผู้แอบดูไม่ได้ยินเสียงตะคอกนั้น แต่เขาเห็นรอกิบหัวคว่ำไปกับพื้นทั้งที่ยังนั่ง ชายชุดดำลากรอกิบออกนอกบ้าน ผ่านทุ่งนาไปตามทางเดินเล็กๆ จนกระทั่งหายลับไปในความมืด มะกับรุสนีร้องไห้ ตะโกนขอความช่วยเหลือละล่ำละลัก ยะห์ยาคือผู้ที่วิ่งเข้ามาหา เขาถามเธอว่าใครพารอกิบไป ไม่รู้ แล้วรุสนีก็ร้องไห้หมดแรงล้มลงไปนอนกับพื้น
รอกิบกระเซอะกระเซิงกลับบ้านในยามที่แดดกำลังจัด เขามีร่องรอยถูกทำร้ายตามร่างกายหลายแห่ง เพื่อนบ้านเห็นเขาเดินมาก็พากันหลีกหนี และนับแต่นั้นไม่มีใครเลยที่จะพูดคุยกับรอกิบ ทุกคนต่างกลัวเหตุร้ายจะตกไปถึงตน หมู่บ้านแคและงำเงียบในยามกลางวัน และน่าสะพรึงกลัวในยามกลางคืน
ทุกคนเชื่อว่าการตายของรุสลันนั้นรอกิบมีส่วนเกี่ยวข้อง ปะจูมะนึกถึงคำพูดของรอกิบที่สั่งให้เขาอยู่เงียบๆ เช่นที่คนหนุ่มคนนั้นพยายามตอบคำถามว่าทำไมรอกิบจึงสั่งให้เขาทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นในคืนนั้น และรุสนีเองก็ประหวั่นเมื่อนึกถึงคืนที่รอกิบเดินตากฝนออกไปนอกบ้าน เธอสลัดหัวอย่างไม่ต้องการได้รับคำตอบ เธอบอกตัวเองว่าสิ่งที่เธอคิดเป็นเพียงเรื่องเหลวไหล มะเคยบอกว่าป๊ะเป็นศูนย์กลางชาวบ้าน ชาวบ้านรักป๊ะ ยะห์ยารักป๊ะ ใครต่อใครรักป๊ะของเธอ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่ป๊ะจะ....แล้วเธอก็รีบฟุบหน้าลงกับหมอน ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ทุกคืน รุสนีจะนั่งแอบอยู่ฝาห้อง มองไปทางช่องแตกที่เห็นไปถึงชายป่า เธอสังเกตอากัปกิริยาของป๊ะ เธอไม่เชื่อว่าป๊ะจะเป็นผู้ติดต่อสื่อสารกับผู้ร้ายฆ่าคน มีแสงวับๆอยู่ตรงชายป่าลึกเข้าไปสัก ๒๐ เมตร เธอใจหายวาบ แล้วเบนสายตามองไปที่บันได เฝ้าดูว่าป๊ะของเธอจะเดินแอบออกไปนอกบ้านไหม มันช่างเนิ่นนาน เหงื่อเธอเต็มหน้าผาก หัวใจเธอเต้นโครมคราม ภาวนาต่อองค์อัลเลาะห์ว่าอย่าเลย ป๊ะอย่าเดินออกไปเลย เธอภาวนาให้มันเป็นเพียงแสงหิ่งห้อย
เสียงป๊ะเปิดประตูบ้าน รุสนีตะลึง เธอไม่เชื่อว่าป๊ะจะเดินออกไปชายป่า รุสนีรีบเปิดประตูห้องผางออก เกาะขาป๊ะไว้แน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นอ้อนวอนป๊ะอย่าไป รอกิบมีสีหน้างุนงง สักพักก็หัวเราะออกมาเบาๆ เขาพอจะรู้ว่าลูกสาวอายุ ๑๒ ของเขากำลังคิดอะไร
คืนนี้ฟ้าสวย ฉุดแขนรุสนีขึ้นมาแล้วสวมกอด รอกิบจูบหน้าผากเธอเบาๆอย่างอ่อนโยน
เห็นแสงวับๆที่ชายป่านั่นไหม? เขาเชิดหน้ารุสนีให้หันไปมอง
หิ่งห้อยเป็นฝูงกำลังเล่นเอาก้นถูกัน เขาพยายามให้มันเป็นเรื่องตลก รุสนีมองตามเงียบๆ เธอหายจากอาการสะอื้นแล้ว เธอเห็นแสงหิ่งห้อยวับวับอยู่ไม่กี่วับ มันไม่ได้เป็นฝูงเหมือนที่ป๊ะบอก
ป๊ะ เธอเอ่ยขึ้นในที่สุด
องค์อัลเลาะห์จะคุ้มครองเราใช่ไหม?
รอกิบยิ้มอย่างเมตตา ลูบหัวรุสนีแล้วกล่าวว่า
ไม่มีใครจะคุ้มครองมุสลิม นอกจากองค์พระอัลเลาะห์
พลันนั้น เสียงมะกรีดแหลมหวีดขึ้นข่มทุกสวรรพเสียง รอกิบกับรุสนีรีบวิ่งพรวดเข้าไปดูในห้อง ทั้งสองเห็นมะกำลังดิ้นทุรนทุราย ใบหน้าซีดเผือดและเหงื่อเม็ดเป้งท่วมตัว รอกิบเข้าไปสวมกอดไว้แนบอก พร่ำถามว่าเกิดอะไรขึ้น รุสนีตกตะลึง มือเธอสั่นจนต้องกุมชายผ้าถุงตนเอง มะยิ่งหวีดเสียงร้องขึ้น เป็นเสียงแหลมสูงเหมือนสัตว์ร้ายบาดเจ็บสาหัส แล้วรุสนีก็เป็นลมล้มลงไป
รอกิบมึนงง ยามนี้เขาเหมือนตัวคนเดียวในโลกกว้างใหญ่ และมีผู้ที่ต้องรีบปฐมพยาบาลถึงสองคน เขาหันซ้ายหัวขวาเคว้งคว้าง ลุกขึ้นได้ก็รีบกระโดดลงจากบ้าน หมายจะไปขอความช่วยเหลือจากใครสักคนที่อยู่ใกล้ แล้วรอกิบก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่มีใครพูดคุยกับเขาอีกแล้ว เขาหันหลังกลับกระโดดขึ้นบันได ได้ยินเสียงมะพึมพำอ้อนวอนต่อองค์อัลเลาะห์ไม่ได้ศัพท์ เนื้อตัวของมะร้อนดังเปลวไฟ รอกิบทรุดนั่ง ข่มความตกใจกลัวไว้ แล้วเอื้อมมือประคองหัวของมะ โอบกอดจนกระทั่งมะหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนในค่อนรุ่งรอกิบบอกรุสนีให้อยู่บ้าน และกำชับว่าอย่าออกจากบ้านไปไหนเป็นอันขาด
จนกว่าป๊ะจะกลับมา เขาสั่งรุสนี
มอเตอร์ไซค์เก่าคร่ำติดเครื่องเสียงดัง รุสนีมองมะนั่งซ้อนท้ายป๊ะอย่างหมดเรี่ยวแรง เธอนึกถึงเรื่องป๊ะกับมะของยะห์ยาแล้วเกิดความกลัว ยะห์ยาไปไหน?
ไม่มีใครเห็นยะห์ยาในวันนั้น ยะห์ยากลายเป็นผู้เงียบขรึมที่เงียบขรึมยิ่งขึ้นหลังการตายของรุสลัน เมื่อคืนเขาไม่ได้กลับบ้าน เขานอนอยู่ริมลำธารแห่งนั้นตั้งแต่ช่วงเย็น ตีเท้ากระเพื่อมน้ำเป็นวงกว้างออกไปจนค่ำ เขาเอนหลังนอนราบไปกับพื้นหญ้าเขียวชุ่ม เขายังร้องไห้ เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเขา รุ่งขึ้นเขาเดินลึกเข้าไปในป่าอีก มันสูงเสียจนต้องใช้มือเหนี่ยวเถาวัลย์ไว้บ่อยๆ มองเห็นทะเลเวิ้งว้าง ทะเลนั้นไกลไม่มีที่สิ้นสุด เขาสงสัยว่าใครมาเยือนบ้านของรุสนีในคืนนั้น
๔).
เกิดเหตุคนร้ายวางระเบิดบนถนนไม่ไกลไปจากหมู่บ้านนัก ชาวบ้านรีบปิดประตูบ้านเก็บตัวเงียบกริบด้วยความอกสั่นขวัญหาย แรงระเบิดทำลายรถหุ้มเกราะของทหารยับเยิน มีทหารบาดเจ็บ ๒ นาย และเสียชีวิต ๑ นาย เป็นเวลาเดียวกับที่ยะห์ยาเดินลงมาจากบูโด เขาเห็นเหตุการณ์นั้นตั้งแต่แรก แอบตัวอยู่หลังต้นยางใหญ่หายใจแผ่วเบา เขากลัวกลุ่มคนร้ายจะจับได้ เช่นที่กลัวทหารจะคิดว่าเขามีส่วนร่วมในการสังหาร เมื่อสิ้นเสียงตูม และเปิดการกราดกระสุนสงครามใส่กัน เขาเห็นทหารยิงสะเปะสะปะไร้ทิศทาง ในขณะที่กลุ่มคนร้ายยิงโดยมีเป้าหมาย เขาพยายามทำตัวให้ลีบเล็กที่สุด หัวใจเต้นรัว กระสุนนัดหนึ่งถากโคนยางฉีกเปลือกออกเป็นริ้ว
เหตุการณ์สงบในไม่นาน และกลุ่มทหารตำรวจได้จากไป เขาเดินอ้อมไปอีกฟากหนึ่งของป่า หลีกเลี่ยงการรับรู้รับเห็นเหตุการณ์นั้น ขณะเดินถึงหมู่บ้าน เขาเห็นทหารหน่วยหนึ่งนำกำลังเข้าโอบล้อม มีการถกเถียงและแย่งชิงตัวผู้ต้องสงสัย เขาเห็นมะของเด็กหนุ่มอายุ ๑๕ เพื่อนของเขาร้องไห้ที่ลูกชายโดนจับ เขาเห็นทหารไกล่เกลี่ยเกลี้ยกล่อมให้มะของเด็กหนุ่มคนนั้นทราบว่าเป็นเพียงผู้ต้องสงสัย ยังไม่มีการชี้โทษ แค่นำตัวไปสอบปากคำ มะของเด็กหนุ่มคนนั้นตะโกนใส่หน้านายทหารว่าไม่เชื่อ แล้วร้องไห้สะอึกสะอื่น คุกเข่าเงยหน้าอ้อนวอนองค์พระอัลเลาะห์ให้ช่วยลูกชาย มีทหารคนหนึ่งเห็นเขาเดินเข้าหมู่บ้าน ทหารรีบวิ่งกรูเข้าจับกุม ปืนทุกกระบอกส่องจ้องไปยังหน้าอกและหัวของยะห์ยา เขาตกใจหน้าซีดเผือด ยกมือขึ้นท่วมหัว แล้วก็ถูกนำตัวขึ้นรถยีเอ็มซีไปสอบสวนที่ค่ายทหารส่วนหน้า เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วเกินจะตั้งสติทัน รุสนีวิ่งตามรถยีเอ็มซีไปอย่างสิ้นหวัง ตะโกนเรียกยะห์ยาอยู่ตลอดเวลา ยีเอ็มซีวิ่งเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ทหารที่นั่งควบคุมเด็กหนุ่มสองคนอยู่ในท่าเตรียมพร้อม ยะห์ยามองหน้าเด็กหนุ่มเพื่อนของเขา เด็กหนุ่มสองคนสบตากันแล้วร้องไห้ เขาไม่แน่ใจได้เลยว่าชะตากรรมจะเป็นอย่างไรต่อไปนี้
รุสนีเดินเข้าบ้านอย่างหมดเรี่ยวแรง ป๊ะกับมะเข้าไปหาหมอในเมือง เกิดเหตุระเบิดถนนมีทหารบาดเจ็บและตาย ต่อมาทหารกรูเข้าปิดล้อมหมู่บ้านและจับยะห์ยาพร้อมกับเด็กหนุ่มไปอีกคน ชาวบ้านได้แต่นิ่งอึ้ง ทุกคนต่างต้องช่วยเหลือตัวเอง ทุกคนต่างไม่ไว้วางใจใครอีกแล้วทั้งสิ้น ต่างคนต่างลงความเห็นอย่างเดาสุ่มต่อเรื่องที่เกิด จนกระทั่งมีคนมาบอกข่าวกับรุสนีว่า ป๊ะกับมะของเธอถูกยิงบนถนนใกล้ตัวอำเภอ มีคนตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อหลายสิบปีก่อน รอกิบอยู่ร่วมกับขบวนการแบ่งแยกดินแดนในนามพูโล อีกคนก็แย้งว่าพูโลหมดสิ้นศักยภาพไปแล้วนี่ และรอกิบก็แก่เกินกว่าจะรับรู้อุดมการณ์ใหม่ของขบวนการใหม่ อีกคนก็ถามว่าขบวนการใหม่มีอุดมการณ์อย่างไร? ในเมื่อฆ่ากันไม่เว้นพุทธหรือมุสลิม ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กคนแก่หรือผู้หญิงท้อง แล้วความเงียบงำก็มาปกคลุมหมู่บ้านแคและอีกคำรบ ทุกคนไม่รู้ว่าใครทำ และทำไปเพื่ออะไร
วิทยุมีรายการใต้สันติสุข ผู้จัดรายการกำลังพูดถึงเหตุรุนแรงที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ มีสายโทรศัพท์จากทางบ้านโทรฯเข้าไปประณามผู้ก่อเหตุร้าย ผู้จัดรายการพยายามควบคุมสายโทรฯเข้าไม่ให้กระทบกระทั่งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ครั้นเมื่อเห็นว่ามีสายที่ใช้อารมณ์ในการพูดคุย ก็จะจัดการตัดสายในทันที พวกเขาไม่ต้องการให้เกิดการแตกแยกในหมู่ชาวบ้าน เท่าที่พบเห็นมันก็เลวร้ายมากพออยู่แล้ว รุสนีร้องไห้อยู่ในบ้านเพียงลำพัง เธอไม่รู้ว่าจะออกไปตามศพป๊ะกับมะของเธอได้ที่ไหน
เด็กสาวอายุ ๑๒ ผู้ไม่เคยออกไปไหนไกลเกินกว่าตีนเขาบูโด สูญเสียป๊ะกับมะไปอย่างไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธอพยายามประมวลเหตุการณ์ทั้งหมด ตั้งแต่คืนที่มีคนหนุ่มมาพูดคุยกับป๊ะที่นอกชาน คืนที่ป๊ะออกไปนอกบ้านกลางสายฝน วันที่รุสลันถูกยิงตาย ยะห์ยาที่หายไปบนบูโด วันที่ป๊ะกลับมาอย่างกระเซอะกระเซิง มะของเธอกับมะของยะห์ยาที่เป็นโรคแปลกประหลาด รุสนีมึนหัวติ้วๆ วิทยุกำลังพูดถึงเรื่องความสมานฉันท์ เธอกำลังวิเคราะห์ว่าความสมานฉันท์จะเกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อไร และจากใคร หมู่บ้านแคและที่เธอเกิดเหมือนหมู่บ้านแปลกหน้า ไม่มีเด็กๆมาวิ่งเล่นอยู่ในแปลงนาหน้าบ้าน พื้นที่ระหว่างบ้านกับตีนเขาบูโดมีหญ้าขึ้นแน่นพืด หมู่บ้านแคและกำลังประสบปัญหาความไม่ไว้วางใจกันและกัน
รุสนีแหงนมองขึ้นไปบนยอดบูโด มันสูงจนต้องเงยแทบจะหงายหลัง เขาบูโดสูงใหญ่และรกทึบ บนนั้นจะมีผีเสื้อจริงไหม? ทะเลที่เวิ้งว้างนั้นมันจะมีลักษณะอย่างไร? ยะห์ยาเป็นอย่างไรบ้าง? เธอมองไปที่แปลงนาหน้าบ้านอย่างเหม่อลอย ไม่มีเด็กๆมอมแมมมาวิ่งเล่นซุกซน อีกหน่อยเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น พวกเขาจะต้องสูญเสียพลัดพรากอย่างที่ชาวแคและตอนนี้ประสบไหม? ใครทำ? องค์อัลเลาะห์จะคุ้มครองพวกเขาใช่ไหม?
ไม่มีใครจะคุ้มครองมุสลิม" รุสนีรำพึงเบาๆ
"นอกจากองค์พระอัลเลาะห์
๒๔ มีนาคม ๒๕๕๐
ปุถุชนเอื้อเฟื้อสถานที่
Deep South Bookazine.
เดือนมิถุนายน ๒๕๕๐