มาจากร้านหมี่เป็ดศิริวัฒน์: พิราบแดงเหินฟ้าฝ่าพายุโหม!

by หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก @9 พ.ค.50 22.13 ( IP : 203...245 ) | Tags : เรื่องสั้น-ความเรียง

!

ดั่งนกสีเหลืองจากเมืองในคืนมืดมน เหินสู่ลมบนตากฝนสีเลือดเดือดแดง

๑). วันหนึ่งเมื่อ๒๐ปีก่อน เรายังเปิดร้านอยู่ที่ตลาดกิมหยง ขณะกำลังกวาดพื้นเก็บโต๊ะอยู่ นั้น ตรงหน้าประตูก็มีนกพิราบบาดเจ็บเดินอยู่งกๆเงิ่นๆ ปีกของมันข้างหนึ่งห้อยปรกลงมา ถึงขา ข้าพเจ้ายืนมองมันอย่างพิจารณา เป็นนกพิราบสีเขียวเทาที่กำลังโตเต็มที่ ปีกข้าง นั้นหักอย่างเห็นได้ชัดเจน มันมองข้าพเจ้าด้วยดวงตากลมๆ ครั้นข้าพเจ้าขยับเข้าใกล้
มันกลับกระพือปีกหลีกบินหมายจะหนี อนิจจาท่านเอ๋ย นกปีกหักอย่างไรก็อย่างนั้นเลย เชียว มันลอยตัวโผนจากการถีบพื้นได้เพียงน้อยนิด ก็หล่นเอาหน้าอกกระแทกพื้น ซีเมนต์หน้าบ้านดังแปะ ข้าพเจ้าหยุดการเคลื่อนไหว ไม้กวาดในมือก็ยังถือค้างเอาไว้ อย่างนั้น ขยับเข้าไปหาอีกนิด เหมือนมันจะทำใจได้แล้วว่าบินไม่ได้ จึงเดินเตาะแตะๆย้ายก้น ในขณะดวงตากลมๆใสๆก็ยังคงจับจ้องข้าพเจ้ามิวาง ข้าพเจ้าหยุดมันก็หยุด ข้าพเจ้าขยับมันก็ขยับ ข้าพเจ้าทรุดลงนั่งยองๆมันก็โก่งคอลงต่ำ ข้าพเจ้าดีดนิ้วแล้วจุ๊ปากเรียก ดูเหมือนมันจะงงงงอยู่ว่าข้าพเจ้าเรียกมันหรือไม่ หันซ้ายหันขวาเมื่อไม่เห็นสิ่งมีชีวิตอื่นใด  ก็ตอบข้าพเจ้าเสียงเข้มว่ามันไม่ใช่แมว แล้วถ้าเราจุ๊ปากเรียกแมว แมวมันจะตอบเราว่าอย่างไรหนอ? นานนับครึ่งชั่วโมงที่จดๆจ้องๆท่าที จนข้าพเจ้าตัดสินใจยืนขึ้น  เดินเข้าไปหาทื่อๆแล้วตะครุบมันไว้ด้วยความว่องไวคล่องแคล่ว มิเสียแรงที่เรียนโปรแกรมพละมาเมื่อมัธยมปลาย เป็นการจบเกมเล่นเอาเถิดเจ้าล่ออย่างสง่างามที่สุด

ปีกที่ห้อยปรกลงมามีลักษณะเหมือนกระดูกเคลื่อน คงเป็นช่วงรอยต่อระหว่างปีกกับหน้าอก แหวกขนดูก็เห็นรอยช้ำขนาดเล็กกว่าหัวแม่โป้งหน่อย ข้าพเจ้านึกถึงไอ้เคราทันที ไอ้เคราชายหนุ่มลูกจ้างร้านน้ำแข็ง อายุขณะนั้นประมาณสามสิบกว่าๆ ทุกเช้าและเย็นเขาจะขับมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างส่งน้ำแข็ง หน้าตาดุดันหนวดเคราเต็มปาก มีนิสัยก้าวร้าวไม่เกรงกลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น รถพ่วงส่งน้ำแข็งนั้นก็โทรมเหลือคณา และตรงเอวด้านหลังเขาจะพกง่ามไม้หนังสติ๊กอันหนึ่งเสมอ ตลาดกิมหยงสมัยนั้นมีร้านขายข้าวสารอยู่๒-๓เจ้า จึงกลายเป็นแหล่งนกเมืองมากมายที่บินกันว่อน ทั้งนกกระจอก นกเขา นกพิราบ และนกแอ่นลม โดยเฉพาะนกแอ่นที่จะบินฉวัดเฉวียนร่อนลงโผขึ้นตลอดทั้งสายถนนหลังตลาดนั้น มันร่อนเรี่ยแทบจะติดกับพื้นถนนเลยทีเดียว มันบินเรี่ยพื้นเพื่อหาแมลงที่จะมีอยู่ชุกชุมตรงกองขยะหลังตลาดวาย นกแอ่นนกเขามันเป็นนกเมืองไหม? ข้าพเจ้าไม่แน่ใจนัก แต่เคยเห็นมันรวมกันเป็นฝูงกระจัดกระจายอยู่ตามมุมต่างๆของเมือง ครั้งหนึ่งพี่เสือเคยยืนนิ่งๆ รอนกแอ่นร่อนลงมาใกล้ๆ แกคว้าหมับ! นกแอ่นสีดำท้องขาวก็อยู่ในกำมือพี่เสือ ข้าพเจ้ายืนดูด้วยความตื่นเต้น ใครเคยจับนกขณะบินได้ด้วยมือเปล่าบ้าง แม้กระทั่งเรื่องเล่าก็ยังไม่เคย นี่เห็นอยู่กับตาจะจะ จะไม่ให้ตื่นเต้นได้อย่างไร พี่เสือใช้เชือกกล้วยเส้นหนึ่งผูกกับหางนกโชคร้ายตัวนั้น แล้วปล่อยมันให้บินต่อไป ข้าพเจ้าพยายามวิ่งไล่คว้าเชือกเมื่อมันร่อนมาอีกครั้ง แต่ข้าพเจ้าไม่ใช่พี่เสือ!

ทุกคนเคยเห็นไอ้เครายืนซุ่มนิ่งเงียบริมถนน สายตาจับจ้องนกพิราบตัวใดตัวหนึ่ง และไม่ว่ามันจะเกาะอยู่บนสายไฟหรือบานหน้าต่างบ้านไหนสักหลัง ไม่ว่ามันจะกำลังบินอยู่เหนือหลังคาบ้านอาเจ๊กขายธูปหรือจิกเม็ดถั่วเขียวบนถนน หากได้จังหวะในระยะพอเหมาะ ไอ้เคราเป็นเหนี่ยวหนังยางนั้นสุดแรง มือที่กำด้ามก็แกร่งเสียจนเส้นเอ็นปูดโปน ลูกกระสุนดินเหนียวที่ตากแห้งดีแล้วจะพุ่งแหวกอากาศไปยังหน้าอกนกพิราบตัวที่หมายเอาไว้เสมอ แกเป็นคนมือแม่น ทุกนัดจะต้องหมายถึงนกพิราบตัวหนึ่ง แม้หลายๆครั้งมันจะหมายรวมไปถึงบานกระจกหน้าต่างของบ้านสักหลังก็ตามที  นั่นหมายความว่านกที่อยู่ในกำมือข้าพเจ้าตัวนี้ เป็นนกโชคร้ายที่แสนโชคดีชนิดไม่อยากเชื่อ มันน่าจะกลายเป็นนกพิราบคั่วหรือนกพิราบตุ๋นมากกว่าเป็นนกพิการเช่นนี้ ข้าพเจ้าลูบหลังมันด้วยนิ้วเบาๆ มันใช้จะงอยปากจิกมือข้าพเจ้าไม่หยุด เอามันใส่กล่องกระดาษ เจาะรูให้ทั่ว แล้ว ข้าพเจ้าก็กวาดพื้นเก็บร้านจนเสร็จเรียบร้อยแล้วนั่นแหละ จึงนำมันขึ้นไปยังอุทยานดาดฟ้า

ดาดฟ้านั้นเตี่ยได้ปลูกต้นไม้หลายชนิดไว้ในกระถาง มีเพิงกันแดดกันฝนไว้ตรงด้านหน้า ในเพิงจะมีซุ้มเฟื่องฟ้าดอกชมพูสะพรั่ง มีขวดปลากัดของข้าพเจ้าวางอยู่รายเรียง ข้าพเจ้าก่ออิฐโบกปูนทำเป็นแอ่งน้ำ ในนั้นมีปลาหางนกยูงที่ออกลูกได้รวดเร็วจนแอ่งแทบแน่น มันว่ายแหวกร่วมกับปลาเล็กอื่นๆ ปีน้ำท่วมนานมาแล้วโน้น เมื่อน้ำลดลงเกือบหมด ข้าพเจ้าเดินดูในคูระบายน้ำ เห็นปลาแปลกหน้าสีดำกลุ่มหนึ่ง จึงช้อนขึ้นมาใส่โหล แล้วเอาไปปล่อยในแอ่ง ไม่นานมันก็เริ่มหดหางและมีขาขึ้นมา ปลาตัวเล็กในแอ่งก็เริ่มลดจำนวนลง เมื่อยามฝนตกยามค่ำ เสียงอึ่งอ่างเสียงปาดก็ระงมอยู่บนดาดฟ้า ข้าพเจ้าเขกกบาลตัวเองโป๊กใหญ่ กว่าจะจับไอ้ปลาแปลกหน้าที่ทะลึ่งมีขาเหล่านั้นได้ก็เล่นเอาเหนื่อย ต้องรื้อเพิงที่เตี่ยสร้างไว้ ให้แดดเผาพื้นซีเมนต์ดาดฟ้าจนร้อน มันจะกระโดดเหยงๆมาหลบในร่มข้างประตู ข้าพเจ้าเคยคิดจะเอางูมาปล่อยเพื่อให้มันกินอึ่งอ่างพวกนี้ตามทฤษฎีตัวห้ำ เพียงแต่ข้าพเจ้าเป็นคนกลัวงูอย่างที่สุด

ค่อยๆวางนกโชคร้ายลงใต้ซุ้มเฟื่องฟ้า ที่บ้านไม่มีใครชอบกินถั่วเขียวต้ม ข้าพเจ้าจึงหว่านข้าวสารเอาไว้บนพื้น มันจิกกินเล็กน้อย และเดินหนีข้าพเจ้า จนค่ำเมื่อคิดว่ามันหายตกใจดีแล้ว ก็จับมันขึ้นมาดูแผล ปรากฏว่ารอยช้ำนั้นมีรอยเนื้อเปิดอยู่ ข้าพเจ้าใส่ยาสีม่วงที่ใช้เวลานังอบเชยไอ้แมวทระนงมันบาดเจ็บ และบางทีก็เป็นแม่ที่เอาไปใส่ตอนเล็บขบ ทุกขั้นตอนการพยาบาล  ข้าพเจ้าปฏิบัติเหมือนที่ได้เคยร่ำเรียนมาจากโปรแกรมพละ ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดแผล เป่าหัวเพี้ยงๆให้มันรู้สึกอบอุ่น แล้วจึงใช้ยาอะไรไม่รู้สีม่วงนั้นทาไปที่แผล พร้อมกับเช็ดเบาๆบริเวณรอบๆแผล และรอยฟกช้ำ สองสามวันเข้ามันก็คุ้นเคยกับข้าพเจ้า ไม่เดินหนีไปไหนอีก แต่กระนั้นก็เถอะ เมื่อข้าพเจ้านั่งยองๆจุ๊ปากเรียก มันก็ยังคงตอบข้าพเจ้าว่ามันไม่ใช่แมวอยู่ดี มันเริ่มได้กินเม็ดถั่วเขียว นั่นหมายความว่าเราทุกคนในบ้านก็ต้องกินถั่วเขียวต้มน้ำตาลด้วย เพราะข้าพเจ้าไปซื้อมา ๑ กิโล ภาระการต้มจึงเป็นของข้าพเจ้าที่ต้องรับผิดชอบ และนั่นหมายความว่าเด็กๆแถวบ้านก็ต้องได้กินถั่วเขียวต้มน้ำตาลอันเอร็ดอร่อยนั้นอย่างไม่สามารถขัดขืนได้เลย

วันหนึ่ง แดดร้อนระอุยามบ่ายแก่ๆกำลังกราดเกรี้ยวเอากับทุกสรรพสิ่ง ถนนแทบจะไม่มีรถวิ่งฝ่ากระอายแดดร้อน ตลาดทั้งตลาดเงียบเหมือนตลาดร้าง คนขายน้ำสมุนไพรหน้าบ้านนั่งวีลมอยู่จนเหงื่อหยด ข้าพเจ้าเก็บร้านเสร็จก็เดินขึ้นไปบนดาดฟ้า หิ้วน้ำไปถังหนึ่งเพื่อเติมน้ำในแอ่งให้ใหม่ เปิดประตูดาดฟ้าแล้วรีบปิด เพราะเจ้าอบเชยมันตามขึ้นมาด้วย เราเลี้ยงสัตว์อะไรไม่ได้หรอกลงว่ามีนังอบเชยอยู่ในบ้าน ครั้งนั้นข้าพเจ้าได้กระแตมาจากเพื่อน มันเป็นกระแตตัวใหญ่ฟันคม ข้าพเจ้าผูกคอมันด้วยเชือกฟางไว้หลวมๆ และจับมันใส่กรงนกกรงหัวจุกของน้า ตอนที่เปิดประตูกรงเพื่อเอาแตงกวาให้ มันกลับกระโดดเผ่นแผล็วสวนทาง หล่นลงพื้นดังตุ๊บแล้ววิ่งหนีสุดชีวิต ไม่ทันเจ้าอบเชยที่นั่งมองน้ำลายไหลอยู่นานแล้วนั่นหรอกท่าน

มีเพียงต้นไม้ในกระถาง ในเพิงซุ้มเฟื่องฟ้ามีเพียงแอ่งน้ำและปลาหางนกยูงที่เต็มแอ่งอีกครั้ง ข้าพเจ้าพยายามมองหาเจ้านกโชคร้าย เห็นแต่ผีเสื้อปีกสวยบินอยู่ตัวหนึ่งเหนือดอกเข็ม มีเพียงความเงียบงันและอากาศอันร้อนอบอ้าว ข้าพเจ้านั่งยองๆหว่านเม็ดถั่วเขียวไปทั่ว เฝ้ามองการเคลื่อนไหวของขาเล็กๆสองขาที่จะเดินมาจิกกิน ข้าพเจ้ามองเม็ดถั่วเขียวในมือ ยิ้มให้กับการลาจากของมันที่ไร้คำล่ำลา มันแข็งแรงดีแล้ว ปีกที่ห้อยนั้นก็กลับคืนสู่ตามที่มันควรจะเป็น แผลกับรอยช้ำฟกนั้นหายสนิท ข้าพเจ้าอาบน้ำให้มันทุกเย็น ใช้มือจุ่มน้ำแล้วลูบไปตามขุมขน มันไม่จิกมือข้าพเจ้าอีกแล้ว มันปล่อยตัวเองตามสบายในมือข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจับปีกมันสองข้างขึ้นโบกเบาๆเมื่อเห็นว่าอาการปกติดีขึ้นดังเดิม มันเป็นกายภาพบำบัดที่ดี ข้าพเจ้าเดินไปหยิบกองฟางน้อยๆใต้ร่มเฟื่องฟ้า นี่คือที่นอนคือรังของมัน ไม่มีจดหมายลา ข้าพเจ้าพยายามครั้งสุดท้าย นั่งยองๆแล้วจุ๊ปากเรียก มีเพียงเสียงลมร้อนตอบรับมาเบาๆ ข้าพเจ้ามองถั่วเขียวในถุงที่เหลืออยู่อีกกว่าครึ่งกิโลอย่างกล้ำกลืน

๒).

ถั่วเขียวกว่าครึ่งกิโลนั้นเรากินหมดไปนานแล้ว  นานจนลืมเลือนเจ้านกพิราบปีกหักตัวนั้น ไอ้เคราก็ยังคงสนุกอยู่กับการขับรถเครื่องพ่วงส่งน้ำแข็ง โดยมีหนังสติ๊กเหน็บเอวด้านหลัง ยังคงมีนกพิราบตัวอื่นๆที่โชคร้ายกลายเป็นพิราบตุ๋นพิราบย่าง  ข้าพเจ้าเดินทางเข้ากรุงเทพไปเรียนต่อที่รามคำแหง รถไฟชั้นสามที่กลิ่นส้วมหึ่งตลบ ข้าพเจ้ากับเพื่อนคนหนึ่งนั่งดื่มไปตลอดทางจนรถถึงหัวลำโพง เขามีพี่ชายที่เรียนรามฯอยู่ก่อนแล้วจึงไปพักที่นั่น ข้าพเจ้ามีพี่สาวที่เรียนอยู่ก่อน แต่เจ๊เขาอยู่หอผู้หญิง เลยงกๆเงิ่นๆขึ้นรถเมล์ไปรามฯ๒ หาหอพักในย่านนั้นได้ก็ปักหลักอย่างมีความสุข

เป็นหอผู้ชายล้วน ที่หลังตึกติดชิดกับหอผู้หญิง มีแนวคูเป็นอาณาเขตประมาณ ๑ ก้าว
ค่ำๆกรึ่มๆได้ที่ข้าพเจ้าก็จะนั่งริมระเบียงเล่นกีตาร์ หมายจะให้สาวคนนั้นที่หมายตาเอาไว้แต่แรกฟัง ข้าพเจ้าเข้ากับเพื่อนร่วมหอได้เป็นอย่างดี พี่ตุดกับไอ้อ๊อฟเป็นเพื่อนจากกระบี่ ไอ้ชุนกับไอ้แจ๊คเป็นเพื่อนจากเชียงราย ไอ้ทรงเดชนี่มาจากนครสวรรค์ และไอ้ติ๊กไอ้อะไรอีก๒-๓คนมาจากเพชรบูรณ์ เป็นหอเปิดใหม่เล็กๆ เราคือผู้เช่าชุดแรกที่เจ๊เจ้าของจะต้องจดจำไปจนวันตาย

สำหรับรามฯ ความเป็นเด็กใต้คือเครื่องการันตีอย่างหนึ่งว่าเราจะปลอดภัย นี่เป็นคำสั่งสอนแรกของรุ่นพี่ที่อยู่มาก่อน และข้าพเจ้าเองก็เชื่อเช่นนั้นด้วยสิ ในเมื่อทุกครั้งที่ข้าพเจ้าแหลงใต้กับเพื่อน เราจะได้เห็นการเปิดทางให้เราเดินไปอย่างสะดวก ข้าพเจ้าใช้ชีวิตปี ๑ ที่รามฯ๒ อย่างมีความสุขยิ่ง เราตื่นกันช่วงเที่ยงๆบ่ายๆด้วยอาการเมาค้าง หาข้าวหาปลากินพอมีเรี่ยวแรงก็เดินเข้าไปในรามฯ๒ ยามเย็น นั่งริมสระเล่นกีตาร์ร้องเพลงพร้อมกับจิบเหล้าไปพลาง จนค่ำก็ตั้งวงอย่างเป็นการเป็นงาน เรื่องเล่ามากมายในวงพรั่งพรูออกมา มีเสียงหัวเราะครึกครื้นล่วงไปจนใกล้สว่าง เราจะรู้สึกง่วง และเซแยกย้ายกลับห้องใครห้องมัน เพื่อที่จะตื่นในยามเที่ยงๆบ่ายๆ วันใดที่เราพร้อมใจกันตื่นก่อนเที่ยง นั่นหมายความว่าเราจะตั้งวงเล่นไพ่กันฆ่าเวลา

ข้าพเจ้าได้รู้จักกับหมี สาวสวยอวบจากร้อยเอ็ดที่อยู่หอติดกัน ในขณะที่พี่ตุดได้สนิทสนมกับยิ้มสาวสวยจากสุราษฎร์ และไอ้อ๊อฟที่ยังคงมองน้องไก่สาวงามเมืองสุรินทร์อย่างสิ้นหวัง ทุกเย็นข้าพเจ้าจะหอบกีตาร์ของทรงเดชไปสระน้ำ นั่งเล่นกีตาร์งูๆปลาๆให้หมีฟังอย่างตั้งใจที่สุด หมีเป็นผู้หญิงอารมณ์ดี เธอขำได้ตลอดเวลา ฐานะที่บ้านจัดอยู่ในระดับร่ำรวย มีครั้งหนึ่งเธอเคยถามข้าพเจ้าว่าเคยเข้าห้องเรียนบ้างไหม? ข้าพเจ้าตกใจยิ่งนัก ด้วยลืมไปเสียสนิทว่าแม่ส่งมาให้เรียน รุ่งขึ้นข้าพเจ้าจึงตื่นแต่เช้า มองไอ้พวกขี้เมาที่ยังนอนซมแอลกอฮอล์ด้วยดวงตาเหยียดหยามหน่อยๆ เดินเข้ารามฯด้วยความภาคภูมิใจ เจอเพื่อนในซุ้มที่เกือบทุกคนจะถามเหมือนกันว่า ข้าพเจ้ายังอยู่หอตรงนั้นหรือเปล่า? ข้าพเจ้าแปลกใจนัก

บนชั้นบนสุดของหอเป็นห้องสนุ้กเกอร์ ลูกชายของเจ๊เจ้าของหอเพิ่งลงโต๊ะมาใหม่ๆ ๕ ตัว พื้นปูด้วยพรมสีเขียวสวยงาม และไอ้ต๋องเป็นผู้ดูแลหอ เขามีวัยไล่เลี่ยกับข้าพเจ้า มีศักดิ์เป็นหลานของเจ้าของหอ โดยมีอาของไอ้ต๋องเป็นผู้ควบคุมระดับบนอีกทีหนึ่ง ทั้งอาทั้งหลานล้วนแล้วเป็นสมาชิกในวงเหล้าของข้าพเจ้าทั้งสิ้น และหากวันไหนที่เมียของพี่ที่ขายข้าวด้านล่างเผลอ ในวงจะมีสมาชิกเพิ่มมาอีกคนหนึ่งอย่างปุบปับทันที เมื่อกับแกล้มหมด หรือใครคนใดคนหนึ่งหิว ร้านข้าวของพี่คนนั้นก็จะถูกปีนลงไปรื้อค้นของกินในตู้เย็น จนเช้าโน่นแหละที่เราจะได้ยินเสียงเมียของพี่คนนั้นโวยวายใส่แก เราจะตื่นขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะทิ้งหัวลงหมอนลงอีกครั้ง

ห้องสนุ้กเกอร์อยู่ชั้นบนสุด มันถูกล็อคประตูแน่นหนา วันหนึ่งพี่ตุดอุตริอยากเล่นสนุ้ก เราปีนบันไดหนีไฟขึ้นไปงัดหน้าต่างห้อง และใช้ไขควงงัดลิ้นชักที่เก็บลูกสนุ้กเอาไว้จนยับเยิน เราตีสนุ้กกันอย่างสนุกสนาน รินเหล้าใส่แก้วส่งต่อๆกันไป จนไอ้ต๋องปีนมาดูด้วยผิดปกติที่ไม่เห็นพวกเรา และได้ยินเสียงโครมครามข้างบน ความตกใจของไอ้ต๋องทำเอาเขาหน้าซีดเผือด รีบปีนบันไดหนีไฟฟ้องอาอย่างรวดเร็ว เสียงอาของไอ้ต๋องตะโกนโหวกเหวกเบื้องล่าง เราหัวเราะกัน รินแล้วส่งแก้วต่อๆกันไป ข้าพเจ้ารู้สึกถึงปริมาณในแอลกอฮอล์ที่เกินพอดี จึงสำรอกของในกระเพาะลงในพรมสีเขียวสวยงามนั้น รุ่งขึ้นสองอาหลานก็ใช้กุญแจเปิดห้อง ทำความสะอาดซ่อมแซมใหญ่โต ความโชคร้ายของสองอาหลานก็คือ ลูกชายเจ๊เจ้าของหอเขามาตรวจห้องสนุ้กเกอร์ ข้าพเจ้ายืนมองสองอาหลานที่ให้การปากสั่นด้วยความเกรงกลัว เห็นได้ชัดว่าลูกชายเจ๊แกโกรธมาก เขาด่าสองอาหลานอย่างยับเยิน อย่างยับเยินโดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้งัดหน้าต่างห้องเข้าไป

หลายเดือนต่อมา เราดื่มกันตั้งแต่ตื่นนอนตอนเที่ยง ลากยาวไปจนเย็นย่ำจนค่ำคืน อากาศร้อนอบอ้าวด้วยเป็นฤดูต้นฝน ใครคนหนึ่งออกความคิดว่าเราควรไปเล่นน้ำในสระกัน ยังไม่ทันฟังเหตุผลว่าทำไมต้องเล่นน้ำในสระ เราก็ปีนกำแพงรั้วรามฯเข้าไปแล้ว กระโดดตูมลงในสระกลาง แหวกว่ายน้ำเย็นที่กลิ่นไม่ค่อยสะอาดนักอย่างเริงร่า มียามเดินมาใกล้เราจะแอบเงียบอยู่ใต้ใบบัวเหมือนกัณหา-ชาลี ยามส่องไฟฉายกราดทั่วสระ เราค่อยๆดำน้ำลงไป จนยามเดินผ่านไปนั่นแหละ ที่เราจะแหวกว่ายส่งเสียงเฮฮาอีกครั้ง ขึ้นจากสระปีนรั้วกลับหอ แต่น้ำในสระมันเหม็นเหลือเกิน เรายืนล้างตัวใต้แท็งก์น้ำหมู่บ้าน ฉีดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนานแล้วกลับมานั่งดื่มกันต่อที่หอ

เหตุการณ์สำคัญหนึ่งก็เกิดกับข้าพเจ้าในคืนนั้น เรารู้สึกหิวเหลือกำลัง และร้านข้าวข้างล่างก็ใส่กุญแจแน่นหนา แต่แกฟากหนึ่งของรามฯ๒นั้นจะมีร้านอาหารเยอะแยะในยามดึก เราปีนกำแพงรั้วรามฯอีกครั้ง ตัดผ่านไปยังอีกกำแพงหนึ่งเพื่อปีนออกไปยังอีกฟาก เพื่อนของเรากำลังฉลองวันเกิดกันอยู่ในหอ เราหยุดดื่มร่วมแสดงความยินดีกับเขาเล็กน้อย แล้วไปร้านข้าวต้มกลางซอย หลังจากที่อิ่มหมีพีมันเสร็จ ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังแคะฟัน ก็มีวัยรุ่นผู้หญิงสองคนเดินเข้ามาหา เธอสองคนจ้องข้าพเจ้าแล้วเอ่ยขอต่อบุหรี่ ข้าพเจ้ายื่นให้ด้วยไมตรี เธอคนหนึ่งถามว่าข้าพเจ้าเป็นเด็กสงขลาหรือ? แปลกใจนัก เธอรู้ได้อย่างไรกัน ข้าพเจ้าจึงตอบไปอย่างภาคภูมิว่าใช่แล้ว แล้วเธอก็เดินจากไป เราจ่ายค่าข้าวต้มเสร็จก็กลับ หยุดร่วมฉลองวันเกิดกับเพื่อนอีกครั้งหนึ่ง วัยรุ่นผู้หญิงสองคนนั้นก็เดินมาเรียกข้าพเจ้า ไม่มีการพูดคุยอะไรแม้สักตำ ข้าพเจ้าไม่รู้จักเธอมาก่อน และแน่ใจนักว่าเธอเองก็ไม่เคยรู้จักข้าพเจ้า จึงเดินกลับมาที่โต๊ะร่วมดื่มฉลองวันเกิดเพื่อนดังเดิม พี่ตุดถามข้าพเจ้าว่านั่นใคร มันสุดปัญญาที่จะตอบได้ว่านั่นใคร พี่ตุดคะยั้นคะยอให้ข้าพเจ้าออกเดินหา เราสองคนจึงเดินออกตามหาหายเข้าไปในหมู่บ้านอันเป็นแดนต้องห้าม เราเดินไปจนถึงรางรถไฟเปลี่ยว ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความวังเวงอันน่ากลัวจึงชวนกลับ และเมื่อขณะที่กำลังจะปีนรั้วกำแพงรามฯนั้น เหล็กดุ้นหนึ่งก็ฟาดเข้าโครมที่หัวข้าพเจ้า ไอ้ป๊อบที่ปีนได้แล้วเห็นเข้าก็รีบแจ้นหายลับ พี่ตุดโดนอีกคนใช้มีดจ่อคอให้อยู่นิ่งๆ ในขณะที่ไอ้อ๊อฟยืนตกตะลึงและพี่ขายข้าวข้างล่างหอวิ่งหายไปในความมืดของหมู่บ้าน และไม่มีใครพบเห็นแกอีกเลย

ข้าพเจ้าถูกกระหน่ำด้วยเหล็กมีดและท่อนไม้ รอยเลือดสาดกระจายกับกำแพงรั้วรามฯ พี่ตุดคำนวณคร่าวๆดูแล้วพบว่าวพวกนั้นมีประมาณ ๒๐ กว่าคน แรงเฮือกสุดท้ายในการสู้รับของข้าพเจ้า คือการเตะกราดแหวกทางออกไปให้พ้นวงล้อม และนั่นหมายถึงมีดอีโต้ที่ฟันฉับเข้าหลังเท้า รอยเลือดเป็นรูปเท้าเป็นไปตามทางถนน พี่ตุดสลัดหลุดได้ก็หิ้วข้าพเจ้าวิ่งลากไป เราพ้นจากวงนั้นมาประมาณ ๒๐ เมตรจนถึงร้านข้าวต้ม มีคนยืนรอเราอยู่อีกประมาณ ๒๐ คน ในมือมีเก้าอี้ไม้และมีดรอต้อนรับ พี่ตุดกับข้าพเจ้าแหวกวงล้อมไปอย่างยากเย็น เก้าอี้ไม้หลายตัวฟาดเข้ากับหลังและหัวข้าพเจ้าอย่างไม่ปรานี เราผ่านสถานีตำรวจ เราเห็นตำรวจ ๒ นายยืนสูบบุหรี่มองเรา จนเข้าเขตฟากที่เราอยู่นั่นแหละ ข้าพเจ้าจึงปลอดภัย

จนถึงบัดนี้ก็ยังเป็นคำถามว่าพวกนั้นเป็นใคร? มีเรื่องบาดหมางอันใดมาก่อนไหมกับข้าพเจ้า?  ผู้หญิงสองคนนั่นอีกล่ะ? ข้าพเจ้าวิ่งไปนอนสลบอยู่หน้าหอผู้หญิง พี่ตุดกดออดเรียกเจ้าของหออย่างเร่งรีบ เขาเปิดประตูออกมาด้วยใบหน้าถมึงทึง เขาไม่ค่อยชอบพวกเรานัก แต่เมื่อเห็นสภาพข้าพเจ้าเท่านั้น เขารีบออกรถพาข้าพเจ้าไปโรงพยาบาลบางนา ข้าพเจ้าได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น แผลทุกแผลและรอยเลือดได้รับการรักษา กลับมาที่หอข้าพเจ้าก็นอนหลับไปอย่างอ่อนเพลีย ตื่นขึ้นมาพบว่าเพื่อนสมัยมัธยมมาเยี่ยม เขามาจากลาดกระบังด้วยความรู้สึกสังหรณ์ใจ และเกิดอาการเป็นห่วงข้าพเจ้าอย่างรุนแรง มาพบข้าพเจ้าในสภาพที่เหมือนศพ แขนหักหัวแตกเท้าฉีก ข้าพเจ้าพยายามอ้าปากคุยกับเขา พบว่ามันช่างลำบากเหลือเกิน เขาหาข้าวต้มมาให้เป็นมื้อเช้า ข้าพเจ้าก็อ้าปากเคี้ยวไม่ได้ เขาโทรฯหาพี่สาวข้าพเจ้าทันที

ผลการตรวจอย่างละเอียดของโรงพยาบาลภูมิพลพบว่า ข้าพเจ้ากรามหักสามท่อน  หมอใช้ลวดยึดฟันบนกับล่างเอาไว้แน่นหนา  ข้าพเจ้ากินได้เพียงแต่นมเท่านั้น พี่สาวพาข้าพเจ้าไปรักษาตัวอยู่กับน้าแถวลาดปลาเค้า ระยะเวลาสามเดือนนั้นข้าพเจ้าค่อยๆฟื้นเป็นปกติ แม่ร้องห่มร้องไห้เสียใจที่ลูกชายคนเดียวของแม่เกเร ข้าพเจ้ากลับบ้านไปรักษาตัวอยู่อีกระยะก็กลับกรุงเทพ เมื่อเหยียบย่างเข้าหอวันแรก ไอ้ติ๊กก็ถามข้าพเจ้าว่ามาทำไม เมื่อคืนมีคนแปลกหน้าเข้ามาถามหาข้าพเจ้าถึงในหอ ข้าพเจ้ายืนฟังเงียบๆ เปิดประตูห้องแล้วก็นอนตอบคำถามว่าใครและทำไม?

เจ๊เจ้าของหอนำตำรวจมาจำนวนหนึ่ง เพื่อบังคับให้เราออกจากหอไปเสียที เราต่อรองอย่างเต็มความสามารถ จนเจ๊แกใจอ่อนให้เราย้ายไปอยู่หอเล็กซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก โดยมีข้อแม้ว่าเราต้องจ่ายค่าหอที่ค้างเอาไว้ตั้งแต่เดือนแรกนั้นให้หมดเสียก่อน พวกเรายินดีและพร้อมย้าย มันเป็นตึกสี่ชั้นเหมือนกัน เพียงแต่ไม่มีดาดฟ้าเหมือนหอข้างๆ ใครคนหนึ่งจึงทำดาดฟ้าขึ้นมาด้วยการรื้อหลังคาออก เขาปีนห้องน้ำแล้วดึงกระเบื้องสอดตัวปีนขึ้นไป เรายืนรับลมทุ่งบางนาในคืนที่ดาวสว่างไสวทั่วฟ้า ลมนั้นแรงมาก ข้าพเจ้าเซตกลงไปในรางระบายน้ำ โชคร้ายที่มันมีกระเบื้องขวดเหล้าอยู่เต็ม มันบาดเข้าตาตุ่มข้าพเจ้า เลือดรินทะลักไหลเป็นทาง เดือดร้อนไอ้อ๊อดเด็ดพิจิตรต้องแบกข้าพเจ้าปีนลงมา และกลายเป็นภาระหนึ่งของเขา ที่จะต้องแบกข้าพเจ้าไปกินข้าวเช้าในรามฯ แบกไปดูเขาเล่นบาส แบกไปกินข้าวเย็น แบกไปไหนต่อไหนในทุกที่ที่เขาไป เขาเป็นคนดูแลเรื่องหยูกยาอาหารที่ดี จนกระทั่งข้าพเจ้าย้ายไปอยู่หน้ารามฯ๑ เราก็แยกย้ายกันไม่ได้เจอะเจออีกเลย

หลายปีต่อมามีข่าวจากเพื่อนเก่ารามฯ๒ ว่าวันหนึ่งไอ้โตเด็กสุรินทร์มาถามหาข้าพเจ้าที่หอเล็ก เมื่อรู้ว่าข้าพเจ้าได้ย้ายไปเสียแล้ว เขาก็ถามว่ามีใครจะไปล้างแค้นให้ข้าพเจ้าบ้างไหม? มันเป็นคืนวาเลนไทน์ปี๓๐ ไอ้โตพาพวกไปกระหน่ำวงเหล้าของเด็กในหมู่บ้านจนยับเยิน แล้วก็เก็บข้าวของที่รวบรวมไว้แล้ววิ่งหนีตัดทุ่งออกถนนใหญ่ โดยมีขบวนมอเตอร์ไซค์ของพวกนั้นไล่ตามมาติดๆ ข้าพเจ้ารับฟังเงียบๆ ข้าพเจ้านึกถึงนกพิราบปีกหักตัวนั้น มันถูกยิงด้วยหนังสติ๊กจนเนื้อเหวอะกระดูกปีกเคลื่อน มันบาดเจ็บและปางตาย การโบยบินของมันอย่างเสรีทำให้มันไม่เข้าใจหรอกว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความรุนแรง ข้าพเจ้าถามหาหมีกับเพื่อนคนนั้น และได้แต่อวยพรให้ชีวิตสมรสของเธอสวยงาม

๓).

มันคงจะแข็งแรงดี และโบกโบยไปในท้องฟ้าได้ตามปรารถนา ปีกที่ข้าพเจ้าได้ดูแลรักษานั้นคงกระพือและร่อนหาเมล็ดถั่วเขียวจากมือคนเมตตา ดาดฟ้ายังคงมีไม้กระถางอยู่เต็ม มันช่วยลดความร้อนของแดดได้ดี แอ่งน้ำนั้นก็ยังคงมีปลาเล็กๆแหวกว่ายอยู่ใต้ร่มเฟื่องฟ้า ข้าพเจ้าชอบนั่งดื่มเหล้าในยามกลางคืนบนดาดฟ้า โลกที่สูงขึ้นไปนั่นมีดาวระยิบพริบพราว มีเพียงความเงียบของสายลมที่พัดแผ่วมาบางๆ เอกเขนกเอนหลังพิงกับฝาห้อง เปิดโคมไฟ ๖๐ วัตต์ รินเหล้าแล้วนั่งมองดาว มันเป็นความตื่นเต้นที่จะได้ไปเรียนต่อในกรุงเทพ ข้าพเจ้าวาดฝันถึงชีวิตข้างหน้าอย่างเปี่ยมสุข

มันไม่น่าจะใช่ตัวเดียวกันเลย  มันอาจจะเป็นคนละตัวกันก็เป็นได้ แต่เมื่อข้าพเจ้าแหวกขนที่ปีกติดอก กลับเห็นร่องรอยแผลเป็นขนาดเล็กกว่าหัวแม่โป้ง ใจหายวาบทันที มันจ้องมองข้าพเจ้านิ่ง ซุกตัวอยู่ในมือข้าพเจ้าอย่างขอความช่วยเหลือ ตัวมันสั่นเทา ข้าพเจ้าประคองอุ้มมันมันขึ้นไปบนดาดฟ้าในบ่ายวันนั้น

ขณะที่กำลังเก็บร้านในบ่ายวันหนึ่ง หน้าร้านก็มีเสียงหล่นดังแปะ มันเป็นนกพิราบตัวกำลังเต็มที่ ข้าพเจ้าเดินเข้าใกล้ มันก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ปีกหนึ่งของมันมีร่องรอยโดนลวกจนขนหลุดแผลพุพอง พี่ที่ขายปาท่องโก๋เดินมาหาข้าพเจ้า บอกว่ามันบินตกลงไปในกระทะน้ำมันที่กำลังเดือดจัด เขาคว้ามันขึ้นมาได้ทันท่วงทีก่อนจะจมตาย เขาทิ้งมันไว้แถวนั้น ข้าพเจ้าใจหายอีกครั้ง เมื่อคิดว่าโชคดีเหลือเกินที่มันยังมีเรี่ยวแรงเดินมาหาข้าพเจ้า ทั้งแมวทั้งหนูตลาดกิมหยงมันชุกเหลือเกิน ข้าพเจ้ากล่าวขอบคุณเขาเบาๆ ใช้ผงซักฟอกเช็ดคราบน้ำมันออกจนหมด มันดิ้นทุรนทุรายอยู่ในมือ ใส่ยาสีม่วงที่เคยใส่ให้มันตรงบริเวณแผลพุพอง แล้วก็สร้างรังที่นอนให้มันใหม่อีกครั้งใต้ซุ้มเฟื่องฟ้าที่เดิม
ข้าพเจ้าไม่รู้หรอก ว่านกพิราบมันจะจดจำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน และเหตุใดมันจึง กระเซอะกระเซิงเดินมาหาข้าพเจ้าได้อีกครั้ง มันรู้หรือว่าเมื่อมาหาข้าพเจ้ามันจะได้รับการรักษา มันแน่ใจได้หรือว่าการมาหาครั้งที่สองนี้ ข้าพเจ้าจะเอาใจใส่ดูแลมันเช่นครั้งก่อน ข้าพเจ้าไม่รู้คำตอบเหล่านี้ ข้าพเจ้ารู้เพียงว่าสงสารมันนัก รู้เพียงข้าพเจ้ามีหน้าที่ต้องรักษามันให้เป็นปกติที่สุดให้ได้ มันนอนซมอยู่บนดาดฟ้าหลายวัน ถั่วเขียว ๑ กิโลกินกันทั้งมันและคนในบ้านเหมือนเคย ข้าพเจ้าประคบประหงม ข้าพเจ้าไม่เข้าใจว่าทำไมมันจึงโผร่อนลงในกระทะน้ำมันทอดปาท่องโก๋นั้น หรือมันเป็นนกแสวงหาที่ลองผิดลองถูกเอากับชีวิต?

มันหายดีและจากไปในวันหนึ่ง ข้าพเจ้ายืนมองดาดฟ้าด้วยความรู้สึกสวยงาม จนผ่านพ้น เดือนฤดูฝนหนัก เราก็ไม่ได้เจอมันอีกเลย ข้าพเจ้าแบกเป้ทะเลเตรียมขึ้นรถไฟ พร้อมกับเพื่อนคนหนึ่งที่นัดหมายไว้ เราจะไปแสวงหา!


๙ พฤษภาคม ๒๕๕๐

แสดงความคิดเห็น

« 3575
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 24 user(s)

User count is 2280339 person(s) and 9165835 hit(s) since 29 เม.ย. 2567 , Total 550 member(s).