ดวงตาอ่อนโยน

by หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก @20 พ.ค.50 8.43 ( IP : 203...245 ) | Tags : เรื่องสั้น-ความเรียง

ดวงตาอ่อนโยน

๑).

เขากำลังยืนโน้มตัวลงต่ำ มือเท้าเข่าสองข้างพูดคุยกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เป็นวันที่เขาหยุดร้านเพื่อพักผ่อน เขาจะมีวันหยุดปกติสองวันต่อเดือน อาจเลื่อนเข้าหรือเลื่อนออกแล้วแต่เหตุปัจจัย ผมยืนมองเขามาครู่ใหญ่ๆโดยที่เขาไม่เห็น เด็กชายคนนั้นพยักหน้าหงึกๆ สลับหัวเราะเสียงดังเป็นระยะ  ผมค่อยๆเดินเข้าไปใกล้อีกนิด เขาเห็นเด็กเบนหน้ามาทางผมก็หันหน้าตาม ส่งเสียงทักทายแล้วแนะนำผมให้เด็กรู้จัก เขาบอกว่านี่คือเด็กชายคโม ชื่อเล่นว่าน้องกาโม่ เรียนอยู่ชั้นอนุบาลสาม

เด็กชายกาโม่เป็นเด็กหน้าตาน่ารัก ตาโตๆจมูกนิดๆ รูปร่างผอมเพรียว ดูท่าจะซุกซนไม่เบาเลยทีเดียว เขาบอกว่ากาโม่เป็นลูกของคนข้างบ้าน ยกมือชี้นิ้วไปทางซ้ายแล้ววืดขึ้นท่วมหัว
“ทำไมข้างบ้านแล้วมันไกลขนาดนั้นล่ะ?” ผมถามด้วยความสงสัย เขาหัวเราะร่วน บอกว่าละแวกนี้มันเหมือนจะเป็นใจกลางของเมืองไปแล้วล่ะ รถรามากมายวิ่งกันพลุกพล่าน ตึกรามบ้านช่องก็โอ่อ่าพิสดาร เป็นเรื่องแปลกที่คนละแวกนี้รู้จักกันหมด เขาชี้ไปทางซ้ายมือถนน แล้วพาดผ่านเลยไปยังด้านขวา
“กาโม่เป็นลูกของพี่สวย พี่สวยขายปลาตู้อยู่ใกล้โรงเรียน ทุกเย็นกาโม่จะต้องเดินมาเล่นแถวนี้ โน่นแน่ะ เห็นวัดจีนนั่นไหม?” เขาชี้ฝั่งตรงข้ามเยื้องไปทางขวา “ในวัดจีนจะมีลานปูน มีเด็กๆมาวิ่งเล่นกันทุกเย็น”

เขาเป็นคนหน้าดุ แต่เรารู้กันดีว่าเขาเป็นคนเมตตาเด็ก หลายๆครั้งที่ผมเห็นเขาเล่นกับเด็กเล็กๆอย่างกับเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน เด็กเองก็รักเขาเสียด้วย แต่ครั้นเขาจำเป็นต้องดุเด็กที่เริ่มรู้สึกว่าก้าวร้าว เด็กจะกลัวจนตัวสั่นกับน้ำเสียงดังโผงผางนั้น เขาตีเด็กได้ทุกคน ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นลูกใครก็ตามที “เราต้องมีหน้าที่ดูแลเด็กๆของเรา คุณอย่าลืมสิ ผ่านไปอีกสัก๒๐ปี เด็กที่วิ่งแก้ผ้าพวกนี้แหละจะขึ้นมาเป็นตัวขับเคลื่อนสังคม กระทั่งเป็นผู้นำเราไปสู่ทิศทางใดทิศทางหนึ่ง” เขาบอกเด็กให้กลับบ้าน เขาอธิบายให้เด็กฟังว่าเขามีเพื่อนมาหามีแขกมาเยี่ยม และอาจจะมีธุระพูดคุยกัน “เข้าใจใช่ไหมครับ?” เด็กพยักหน้าตอบว่า “ครับ” แล้วก็วิ่งตื๋อจากไป

เขาชวนผมเข้าไปนั่งในบ้าน ประตูเหล็กถูกเปิดกว้างให้มีแสงสว่าง เสียบกาต้มน้ำสำหรับชงชา ดูเขามีความสุขดี ผมสังเกตปากเขา มันมีเรียวหนวดขึ้นดกหนา แต่ตรงกลางนั้นกลับว่างเปล่า มองดูเหมือนหนวดปลาดุก เขาเลิกคิ้วเมื่อเห็นผมจ้อง และอาจมีสายตาขำๆของผมให้สังเกตกระมัง เขาเลยเสเดินไปเปิดวิทยุ

ผมเพียงแค่ผ่านมาทางนี้เท่านั้น ไม่ได้มีธุระหรือเรื่องราวพูดคุยอะไรกับเขาหรอก ที่จริงผมขับรถเลยผ่านหน้าบ้านเขาไปแล้วด้วย ขณะที่ผ่านนั้นก็ได้ปรายตาชำเลืองดูว่าเขาอยู่บ้านไหม เมื่อเห็นเขากำลังพูดคุยกับเด็กเล็ก ก็เลยอยากรู้ว่าเขาคุยกับเด็กด้วยเรื่องอะไรบ้าง มันเป็นเรื่องแปลกสำหรับผม ผมไม่รู้จริงๆว่าเราจะคุยกับเด็กด้วยเรื่องอะไรกันได้ ผมมองไม่เห็นว่าสิ่งที่เด็กสนใจนั้น ผมจะสามารถรับรู้ร่วมด้วยได้อย่างไร

๒).

มันเป็นวันเปิดภาคเรียนใหม่ ถนนสายนี้มีโรงเรียนสองแห่ง มันจึงอึกทึกวุ่นวายในยามเช้า และอลหม่านในยามโรงเรียนเลิก เบื้องหน้าเรายังคงได้เห็นเด็กนักเรียนเดินพูดคุยเฮฮากลับบ้าน เห็นเด็กชายขับมอเตอร์ไซค์ผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็ว ท่อส่งเสียงดังสนั่นประสาท เขาหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นผมขมวดคิ้วมอง “อย่าเอารุ่นเราไปเปรียบกับพวกเขาเลย” เขาพูดขณะกำลังรินชาลงถ้วย
“ผมจำได้ ตอนนั้นที่เราอายุเท่าเด็กเหล่านี้ คุณเห่อbmxขนาดไหน ไอ้ที่ยกล้อไปตามถนนนั้นน่ะ มันก็ไม่ต่างนักหรอกกับเด็กที่ซิ่งพวกนี้” “แต่ bmxมันไม่อันตรายเท่า อย่างมากก็แค่ถลอกปอกเปิก” ผมเถียง และจ้องดูดวงตาเขา อยากรู้ว่าเขากำลังจะพูดเรื่องอะไรต่อ “อย่างนั้นหรือ?” เขาเลิกคิ้วสงสัย
“งั้นคุณลืมตอนที่คุณไปซ้อมbmxในเช้าที่โรงเรียนหยุด จำสนามรอยัลได้ไหม?” ผมจำได้สิ ตอนนั้นสนามรถจักรยานวิบากที่ชื่อรอยัล เป็นสนามที่มีมาตรฐานสูงสุด นักปั่นทุกคนปรารถนาจะได้ลงปั่นขึ้นเนินกันในสนามนี้ทั้งนั้น
“คุณไปสนามรอยัลในเช้าที่สนามเพิ่งปรับปรุงเสร็จใหม่เมื่อวาน” เขาฟื้นเรื่องเก่าที่ผมปั่นอย่างเร็วแล้วขึ้นเนินกระโดด มันเป็นเนินที่สูงมาก ผมลอยขึ้นไปในอากาศเวิ้งว้าง ความสูงที่ไม่เคยสูงขนาดนี้ทำให้ผมตกใจ นั่นทำให้ผมจับแฮนด์รถไม่มั่น เท้าข้างหนึ่งหลุดออกจากบันได แล้วผมก็ร่วงลงพื้นดินอันแข็งกระด้างนั้นอย่างแรง
“จำได้ไหมว่าแม่คุณตกใจเพียงไร?”
จำได้สิ แม่รีบไปดูอาการผมที่โรงพยาบาล ครั้งนั้นผมโดนตัวถังรถกระแทกเต็มหว่างขา จุกจนหายใจไม่ออก แขนซ้ายขาซ้ายเป็นแผลถลอกไปทั่ว “ผมเชื่อว่าอาเจ๊กข้างบ้านคุณก็คงมองคุณด้วยสายที่คุณมองเด็กซิ่งเมื่อกี้”
“แต่คุณก็เติบโต และสามารถมีชีวิตที่ดีงามได้นี่ ไม่ใช่หรือ?” “อย่าเอายุคสมัยของเราไปจับกับยุคสมัยของพวกเขาเลย จริงอยู่ที่เด็กซิ่งมันอาจได้รับอันตราย และอาจจะมีคนเดือดร้อนจากการซิ่ง แต่วัยของพวกเขาที่เราเคยผ่านมาแล้วนั้น คุณก็รู้ว่ามันกำลังคึกคะนอง ผมไม่ได้หมายความว่าจะสนับสนุนให้เด็กมันซิ่งหรอกนะ เพียงแต่ผมเกิดคำถามขึ้นมา ว่าทำไมเราไม่พูดคุยกับเด็กให้เข้าใจถึงอันตราย และความเดือดร้อนอื่นๆ ผมไม่ได้ตำหนิคุณหรอก ที่คุณส่งสายตาตำหนิเด็กคนนั้น ใช่ มันควรถูกตำหนิจริงนั่นแหละ เพียงแต่ก่อนตำหนิ เราน่าจะพูดคุยกับเขาก่อน ในกรณีที่เราไม่รู้จะพูดคุยกับเขาอย่างไร เราก็น่าจะทำความเข้าใจวัยและยุคสมัยของเขาผมเชื่อว่าตอนนั้นถ้ายุคสมัยของเรามียามาฮ่ามีโอ คุณก็คงจะขับด้วยความเร็ว และท่อส่งเสียงดังอย่างเด็กคนนั้นแน่”

๓).

ฟ้าเริ่มมืด ช่วงใกล้ค่ำต้นฤดูฝนลมอ้าวพัดมาแผ่วเบา อากาศร้อนอบ น้ำชาที่รินมาจนพร่องกาก็ได้รับการเติมใหม่
“ปกติคุณหยุดร้านช่วงเปิดเทอมใหม่ทุกครั้งหรือ?”
“เปล่าเลย เปิดเทอมวันแรกนี่ที่ร้านจะขายดี ผู้ปกครองจะพาเด็กมากินหมี่ก่อนไปโรงเรียน คุณเคยคุยกับเด็กๆไหม?” อยู่ๆเขาก็ถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมเริ่มจับอาการผิดสังเกตของเขา ดูเขาเหม่อลอย บอกไม่ถูกว่านั่นเขากำลังเป็นทุกข์ หรือกำลังมีความสุขกับโลกในหัวของเขา
“ยังไม่ตอบผมเลย เคยไหม?” “เคยสิ บ่อยไปที่ผมได้คุยกับเด็ก ถามทำไมหรือ?” ผมถามกลับบ้าง เขายิ้มบางๆ แต่ดวงตายังเลื่อนลอยออกไปนอกประตู ผมเหลียวดูตามก็ไม่มีอะไร นอกจากรถที่วิ่งผ่านไปมา กับคนที่เดินอยู่บนทางเท้า เขาเดินไปปิดวิทยุ เอื้อมมือหยิบแผ่นซีดีมาหนึ่งแผ่น แล้วเล่นเพลง Bringin’On The Heartbreak ของวง Def Leppard.  เขาเปิดเสียงดังลั่น มันเป็นแผ่นที่ได้มาจากน้องคนหนึ่ง เขารู้จักกันทางอินเทอร์เนต น้องคนนั้นได้ไรท์เพลงของวงร็อคนี้ส่งให้เขา ผมไม่รู้ว่าเขาจะสื่ออะไรต่อการพูดคุยจากเพลงนี้หรือไม่ ผมแปลไม่ออก ผมถนัดแต่ชาย เมืองสิงห์ มากกว่า
“เป็นวงร็อคจากอังกฤษ อยู่ในยุค๗๐-๘๐ นี่แหละ มือกลองชื่อ Rick Allen ที่ต่อมาเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขาสูญเสียแขนซ้ายไป” เขาหยิบหนังสือ Quiet Strom ที่มีรูป Rick Allen มาให้ดู
“คุณเก็บหนังสือนี้ไว้หรือ?” นี่เป็นหนังสือที่ให้ความรู้เรื่องวงการดนตรีแก่เขาเมื่อสิบกว่าปีก่อน เขาเคยเอามาให้ผมอ่าน แต่บอกแล้วว่าผมชอบอ่านที่ วัฒน์ วรรลยางกูร เขียนถึงเพลงลูกทุ่งเก่าๆมากกว่า
“วง Def เขาเล่นดนตรีกันเป็นทีม ไม่มีชิ้นไหนโดดเด่นเป็น Rock Star คุณเชื่อไหม เมื่อ Rick Allen แขนขาด พวกเขาก็ไม่ทอดทิ้งกัน พวกเขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ Rick Allen ได้ตีกลอง ตีกลองด้วยแขนข้างเดียว มันไม่น่าเชื่อ” แล้วเขาก็เปลี่ยนแผ่น
“Child In Time. ของ  Deep Purple. เป็นเพลงที่ผมชอบมาก ผมเองก็ไม่รู้หรอก ว่าเนื้อหาของมันหมายถึงอะไร แปลว่าอย่างไร ผมรู้เพียงแค่ว่าดนตรีมันให้ภาพถึงความกดดันของเด็กคนหนึ่ง คุณจะได้ยินเสียงหวีดร้องคลั่งบ้า และเสียงฮัมที่ให้เรารู้สึกได้ถึงความตระหนกตกใจของเด็กในเพลง”
“ในขณะที่ Bringin’On The Heartbreak ผมเคยดูหนังที่เกี่ยวกับวงดนตรีวงนี้ เป็นหนังอัตประวัติของวงดนตรีวงหนึ่ง  ผมคุ้นๆว่าชื่อเรื่อง Hysteria. ตอนที่พวกเขาเข้าห้องอัดเพื่อบันทึกเสียง โปรดิวเซอร์บอกโจนักร้องนำว่าให้ขึ้นเสียงสูงอีกหน่อยสำหรับท่อนนี้” แล้วเขาก็ร้องท่อนที่ว่า Oh Can You See. You Bringin’On the Heartbreak. โดยขึ้นเสียงสูงให้เท่ากับที่โจได้ทำ “โจเป็นนักร้องเสียงสูง แต่ท่อนนี้เขาไม่สามารถขึ้นสูงให้ได้ดั่งใจของโปรดิวเซอร์ โจหัวเสีย และทะเลาะกับโปรดิวเซอร์เอาเป็นเอาตาย คุณว่าโปรดิวเซอร์คนนั้นเขาทำอย่างไร?” “เขายิ้ม รับฟังโจพูด และบอกโจว่าคุณทำได้ เข้าไปในห้องอัดสิ แล้วจัดการหน้าที่นั้นซะ” “ผู้ใหญ่พูดกับเด็ก อธิบายให้เด็กฟังอย่างมีเหตุผล และเชื่อมั่นสิ ว่าเด็กต้องทำได้”

เขาลุกไปปิดเครื่องเล่น เดินเลยไปตู้เย็น หยิบเบียร์ออกมาสองขวด เขาว่าหมดเวลาน้ำชาแล้ว สีหน้าเขาอมทุกข์อมโศกอย่างไรไม่รู้ ไม่บ่อยนักหรอกที่ผมจะได้เห็นสีหน้าเช่นนี้ ผมถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น มีอะไรหนักใจอยู่หรือไม่ เขายิ้มเหนื่อยๆ “ไม่ใช่เรื่องของผมหรอก เรื่องของกาโม่มันน่ะ” ผมพยักหน้าช้าๆ ครุ่นคิดและพยายามนึกทบทวนหน้าตาของเด็กคนนั้น เป็นเด็กหน้าตาสะอาด ตาโตยิ้มหวานพูดเก่ง ท่าทางน่าจะเป็นเด็กฉลาด
“ก็ไม่ใช่เรื่องของกาโม่มันอีกนั่นแหละ เป็นเรื่องของพี่ชายเขา” ดูมันจะซับซ้อนขึ้นไปทุกที ผมทบทวนอีกครั้ง กาโม่ เด็กรถซิ่ง เพลงร็อค พี่ชายของกาโม่
“มันเกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายกาโม่?” เขารินเบียร์ฟองฟูแก้ว ยกขึ้นดื่มอย่างละเมียด แต่ผมยังไม่อยากดื่ม จึงนั่งคลึงแก้วเล่นอยู่อย่างนั้น “กันดั้มเรียนอยู่ชั้นมัธยมสาม เป็นเด็กชายซูบซีด สวมแว่นสายตาหนาเตอะ หน้าตาจัดว่าหล่อเอาการ เสียแต่คู่คิ้วนั้นขมวดชิดเข้าหากันเสมอ เป็นเด็กครุ่นคิดตลอดเวลา ทุกวันหลังโรงเรียนเลิก เขาไปเรียนต่อที่สถาบันติว กลับบ้านค่ำมืดดึกดื่น กาโม่บอกว่าดึกๆก็ยังเห็นกันดั้มนั่งอ่านหนังสือเรียน กันดั้มเป็นเด็กขยัน เรียนเก่ง เสาร์อาทิตย์จะตื่นแต่เช้า กินข้าวปลาเสร็จก็รีบไปติว ช่วงนี้กันดั้มเครียดหนัก เพราะต้องสอบเข้ามัธยมปลายในโรงเรียนแห่งหนึ่ง” เขาเอ่ยชื่อโรงเรียนโด่งดังระดับประเทศ “ไงต่อ?” ผมชักเริ่มรู้สึกความผิดปกติของเด็กชายคนนี้ “พี่สวยอยากให้กันดั้มเรียนหมอ” “แต่กันดั้มเคยบอกผมว่าอยากเรียนวิศวะ และนั่นทำให้พี่สวยต้องทะเลาะกับเขาหนักหน่วง พี่สวยอยากให้เขาเป็นหมอ และนั่นเขาต้องเรียนมัธยมปลายในโปรแกรมวิทย์-คณิต ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกินความสามารถของเขาหรอก แต่ปัญหามันอยู่ที่เขาไม่อยากเป็นหมอ” “เขาทะเลาะรุนแรงในวันหนึ่ง วันนั้นเขาเดินผ่านหน้าร้านขณะที่ผมยืนลวกหมี่ ถามเขาว่าไปไหน เขาตอบว่าไม่รู้” “ผมก็ไม่ได้สนใจเพราะลูกค้าเต็มร้าน จนกลางคืนเขาก็เดินกลับผ่านมาอีก ในสภาพเมาแประ” เขายกแก้วเบียร์ชนกับแก้วผม ผมยกขึ้นดื่มเล็กน้อย และบอกเขาว่าฟองเบียร์ติดหนวด  ให้เช็ดออกซะ เพราผมรู้สึกรำคาญแทน
“แต่ตรงกลางไม่ต้องเช็ดนะ มันไม่มีฟองติดอยู่เลย”

๔).

คืนนั้นพี่สวยเฆี่ยนกันดั้มเป็นแผลยับไปทั้งตัว ชี้นิ้วใส่หน้าด่าทออย่างเอาเป็นเอาตาย พร้อมทั้งร้องไห้บ่นพร่ำว่าลูกไม่รักดี และบังคับหนักเข้าไปอีก เขาบอกว่ากันดั้มเครียดจัด กันดั้มไม่มีพ่อ พ่อได้แยกทางกับแม่ไปนานแล้ว หลังจากที่กาโม่ลืมตาดูโลกได้เพียงไม่กี่เดือน
“อย่างที่บอกแต่แรกไง ละแวกนี้คล้ายๆกึ่งเมืองกึ่งชนบท ไปมาหาสู่กัน นั่งพูดคุยกันหน้าบ้าน มีอะไรก็แบ่งกันกิน เรื่องของครอบครัวหนึ่งมันจึงได้ยินไปทั้งย่าน” “กันดั้มฆ่าตัวตายในไม่กี่วันต่อมา เขากระโดดลงในคลองหลังบ้านผมนี่แหละ ปีนั้นน้ำกำลังหลากใกล้จะท่วมเมืองเต็มที ฝนก็ตกลงมาหนักติดต่อกันหลายวัน แต่มันไม่ท่วมหรอกแค่ปริ่มๆตลิ่ง มีคนเห็นกันดั้มวิ่งออกจากบ้านในคืนนั้น หลังจากที่เสียงตะโกนไม่เป็นภาษาได้ถูกระเบิดออกมา เขาลอยติดกับสะพานจึงมีคนเห็น โชคดีที่น้ำปริ่มฐานพะสานข้ามคลอง ไม่อย่างนั้นก็คงเปื่อยหายไปกับสายน้ำแล้วล่ะ” ความเงียบปกคลุมวงสนทนา เป็นเขาอีกที่เดินไปเปิดแผ่นของชาย เมืองสิงห์ หันมาถามผมว่าเพลง๑๕หยกๆดี หรือเพลงมอดกัดไม้? ผมตอบไปว่าตามใจเถอะ “ผมจึงบอกเด็กทุกคนที่ผ่านหน้าร้าน ว่าในวัดจีนนั้นมีลานปูน ไปวิ่งเล่นสิ ตี่จับกระโดดยางหรือวิ่งเปรี้ยวก็ตามแต่ใจ ผมซื้อลูกบอลพลาสติกไว้หลายลูก วันที่ผมว่างตอนเย็นๆ ก็จะตะโกนเรียกเด็กๆให้ออกจากบ้าน มาเร็ว มาเตะบอลกัน เฮ้ยโรนัลดิญโญ่ใส่รองเท้าก่อน เบคแฮมล่ะไปไหน” “ผมทำได้เท่านี้จริงๆสำหรับเด็กๆของพวกเรา” “นี่ก็คิดๆอยู่นะ ว่าอยากทำโครงการร็อคสตาร์ให้เด็กๆ” เขาหัวเราะออกมาอย่างขำกับความคิดตัวเอง “ให้เด็กได้ตะโกนอย่างบ้าคลั่งออกมา ให้มันได้ระเบิดระบายหลุดออกมาจากใจให้หมด เพลงอะไรก็ได้ เพลงช้างก็ได้ แต่ให้ร้องแบบร็อค พวกเขาทำได้ คุณเชื่อผมสิ เด็กๆทำได้ แต่คุณทำไม่ได้แน่” เขาหัวเราะอีกครั้ง “เอ้อ ที่คุณว่าเคยคุยกับเด็กๆนั้น คุยเรื่องอะไรบ้างล่ะ?” เขาช่างจดจำจริงๆ ทั้งที่ผมเป็นคนบอกแท้ๆยังลืมไปแล้ว “ก็เรื่องทั่วไป ทำไมหรือ?” เขายิ้ม แล้วบอกให้ผมซดเบียร์ให้หมด “อย่าให้ดึกมากนัก เดี๋ยวจะเมา คุณจะขับรถลำบาก” “คุยกับเด็ก เราต้องใช้ความเป็นเด็กในตัวเราไปคุย ไม่อย่างนั้นไม่มีทางคุยกันรู้เรื่องหรอก”

เขานั่งเหยียดเท้าบนเก้าอี้อีกตัว เขาเป็นคนหน้าดุ แต่ดวงตาของเขากลับอ่อนโยนยิ่งนัก เบียร์หมดไปแล้วสี่ขวด ผมควรจะกลับได้แล้ว ผมล่ำลาพร้อมกับเดินไปสตาร์มอเตอร์ไซค์ เขาบอกให้ผมรอเดี๋ยวแล้วเดินไปหลังบ้าน ออกมาพร้อมกับบอลพลาสติกลูกหนึ่ง “ผมให้คุณไว้เล่นกับเด็กแถวบ้าน บอกพวกเขาด้วย ว่าวัดจีนแถวบ้านผมมีลานปูน เขามาวิ่งเล่นได้เสมอ”

๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๐  ๑๐:๔๐ น.

Comment #1
Posted @22 พ.ค.50 23.34 ip : 202...74

ช่วยบอกวิธีจัดการกับเด็กดื้อคนหนึ่งให้หน่อยเถอะค่ะ พี่แกไม่ค่อยยอมแปรงฟัน ทั้งขู่ ทั้งปลอบ หลอกล่อสารพัด จะง้างปากก็ร้องว๊าก ๆ  ฟันจะร่อนหมดแล้วววววว...

เอาล่ะ ก่อนสองขวบครึ่ง ต้องให้เลิกกินนมขวดให้ได้ ปณิธานของแม่!!

Comment #2
Posted @23 พ.ค.50 6.33 ip : 203...245

ก็ต้องปล่อยให้ร้องไป  มั้ง

เพราะต้องทำให้เขารู้ว่านั่นเป็นเรื่องสำคัญจำเป็น ที่ปฏิเสธไม่ได้!

จะมาถามทำไมหว่า พี่ไม่มีลูกนิ

เลิกนมขวดก็ระวังเขาจะหันมาดูดนิ้วล่ะ

หาหัวหลอนให้ก็ดี

ไม่ก็ใบกระท่อมนั่น ให้เคี้ยวตุ้ยๆไปเลย

กร๊ากส์

Comment #3
พัฒนะ ปฐมพงศ์ (Not Member)
Posted @23 พ.ค.50 7.39 ip : 125...192

พี่ครับเดี๋ยวจะติดหัวหลอนนะ ต้องยอมใจบังคับเพื่อให้เขาเรียนรู้และคุ้นเคย กว่าลูกผมจะแปรงฟันยัง 3 ขวบน่ะ ตอนนี้ 8 ขวบฟันน้ำนมหลุดไปแค่ 8 ซี่เอง สงสัยต้องเสียเงินให้ทันตแพทย์ผู้โชคดีอีกแล้ว

Comment #4
Posted @23 พ.ค.50 19.10 ip : 202...74

พี่หมี่..หลังบ้านหญิงมีแต่ใบพลู  คุณพัฒนะ..สงสัยต้องสะสมตังค์ให้หมอฟันเหมือนกันแล้วล่ะ

ขอบคุงฮ่ะ.. เดี๋ยวจะกลายเป็นกระทู้ เลี้ยงลูกให้ถูกใจ

แสดงความคิดเห็น

« 3575
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 11 user(s)

User count is 2280166 person(s) and 9160151 hit(s) since 29 เม.ย. 2567 , Total 550 member(s).