บ น เ ขา พั บ ผ้า

by หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก @23 ก.พ.51 19.39 ( IP : 125...192 ) | Tags : เรื่องสั้น-ความเรียง

บนเขาพับผ้า(๑)

๑).

มันมีเหตุให้เขาต้องไปจังหวัดตรังในเช้าวันนั้น  เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยกับการต้องเดินทางแบบฉุกละหุกเช่นนี้  มีงานแต่งงานของญาติคนหนึ่ง ไม่ใช่หรอก เป็นลูกสาวของญาติต่างหาก การ์ดเชิญมาโดยหญิงสาวลูกอีกคนของน้า เธอกำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยในเมืองที่เขาอยู่ เป็นวันเอื่อยๆเนิบช้า แดดบ่ายแรงจนเต้นเป็นตัวอยู่บนถนน  เธอมาแนะนำตัวและบอกจุดประสงค์ในขณะที่เขากำลังเอนหลังอยู่บนเปลผ้า เขางัวเงียตื่น และรับการ์ดใบนั้นโดยลืมเชื้อเชิญเธอให้นั่งก่อน

น้าดีเป็นญาติฝ่ายแม่ เมื่อตอนเขายังเด็กน้าดีเป็นผู้เลี้ยงดู เขาจำได้ว่าชอบขี่คอน้าดีแล้วเลียนเสียงม้าร้อง บอกให้น้าดีวิ่งไปรอบๆบ้าน จนแม่ต้องมาดุน้าดีว่าทำไมปล่อยให้หลานขี่คอเล่นอย่างนี้ เขาจำได้อีกว่าน้าดีเพียงแต่ยิ้มๆ และเมื่อแม่เผลอในบางครั้ง น้าดีกลับเป็นผู้เรียกเขามาขี่คอเสียเอง น้าดีเป็นผู้เดินไปซื้อข้าวเที่ยงในตลาดไกลบ้าน แล้วเดินย้อนกลับเพื่อจะเลยไปยังโรงเรียนที่อยู่ไกลออกไปอีกฟาก เขาจะรอมื้อเที่ยงจากน้าดีอย่างใจเย็น เขารู้ อย่างไรน้าดีก็ต้องมาส่งมื้อเที่ยงไม่ผิดเวลา และเป็นเช่นนั้นจริงเสียด้วย เขายิ้มมุมปากเมื่อคิดถึงน้าดี ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนเด็กว้าเหว่ได้ตกอยู่ในอ้อมกอดของแม่ แล้วเขาก็ลงบันทึกวันแต่งงานไว้ในสมุดที่เขาพกติดตัวตลอดเวลา

มันไม่น่าจะฉุกละหุกได้เลย เพราะเขารู้กำหนดการวันเวลามาเป็นอาทิตย์แล้ว  มันมีอะไรบางอย่างทำให้เขาหลงลืมไปอย่างน่าแปลกใจ แต่สิ่งนั้นมันคืออะไรล่ะ? เขาเองยังคิดไม่ออก อาจจะเป็นลูกแมวตัวหนึ่งที่พลัดหลงเข้ามาในเขตบ้าน มันเป็นแมวตัวเล็กๆ ขนพองๆของมันยังฟูๆ ส่งเสียงเมี้ยวๆเรียกเขาในขณะที่กำลังกางหนังสืออ่านอยู่ในบ้าน เขาชะโงกหน้าออกไปทางหน้าต่าง แปลกใจว่าบ้านที่ไกลจากหลังอื่นๆเช่นนี้ลูกแมวจะมาจากไหน?

มันยืนร้องเมี้ยวๆอยู่อย่างนั้น ปากแดงๆอ้าออกเห็นฟันซี่เล็กๆ เขาเดินไปอุ้มมันขึ้นมา มีตัวเห็บอยู่เต็ม เขาลังเลอยู่ว่าจะหาเห็บออกก่อนหรือหานมมาให้มันกินก่อนดี  เดินไปเปิดกล่องนมมาเทให้มัน มันเลียนมกล่องนั้นจนเกลี้ยง แล้วเอาสีข้างมาถูกับขาของเขาที่นั่งยองๆ ตั้งแต่นั้นมันจึงถือวิสาสะว่าบ้านของเขาก็เป็นบ้านของมันด้วย

เขาอยู่คนเดียวในบ้านชั้นเดียวชานเมือง ร่มรื่นด้วยไม้นานาพันธุ์ที่ขึ้นมาเองตามธรรมชาติ และต้นมะม่วงต้นหนึ่งกับต้นมะขามอีกต้นหนึ่งที่มีระยะห่างขนาดพอดีกับเปลยวน ก็กลายเป็นสถานที่อันรื่นร่มรมณีย์ของเขา เขามักจะผูกเปลยวนกับสองต้นนั้นแล้วเอนหลังอ่านหนังสือได้เป็นวันวันจนเผลอม่อยหลับไป บ้านอยู่ลึกเข้าไปประมาณสิบห้าเมตร ตลอดทางมีกระถางไม้ดอกรายเรียง หินปูเป็นทางเท้าทอดเข้าถึงประตูบ้าน บ้านไม้หลังเล็กๆชั้นเดียวหลังนี้เป็นของยายเขา เมื่อยายเสียชีวิตด้วยวัยชรา เขาผู้เป็นหลานเพียงคนเดียวก็ย้ายเข้าไปอยู่เต็มตัว และเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดนั้นห่างออกไปห้าสิบเมตร แมวตัวนี้จะเป็นของเพื่อนบ้านคนนั้นไหมเขายังสงสัย


เขารีบอาบน้ำแต่งตัว วันนี้ตื่นตามปกติ อากาศกำลังดีเหมาะแก่การนอนเล่นบนเปลแท้ๆ เขาอดชำเลืองเปลยวนอย่างเสียมิได้ เขาต้องไปตรัง เทนมใส่ชามให้ลูกแมวตัวนั้น แล้วรีบออกไปโบกรถสองแถวเพื่อไปสถานีขนส่ง เป็นรถตู้ขนาดใหญ่ ทรุดลงนั่งได้เขาก็หลับตา แอร์ในรถเย็นกำลังดี คนนั่งข้างๆเขาเป็นหญิงสาว กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆโชยมาหอมระรื่นแผ่วเบา เขารู้สึกผ่อนคลายยิ่งนัก

รถออกจากตัวเมืองไปตามเส้นทางพัทลุง เพื่อนที่อยู่ตรังโทรฯมาถามว่าถึงไหนแล้ว เขามองหน้าต่างรถ มันกำลังเข้าเขตป่าบอน    แล้วก็หลับตาลงอีกครั้ง เขาไปสาย เขาน่าจะไปให้เช้ากว่านี้ เพื่อจะได้มีเวลานั่งคุยกับเพื่อนก่อนเข้าไปในงาน แล้วงานแต่งจัดที่ไหนกัน? หยิบบัตรเชิญออกมาดู มันอยู่บนถนนสายหลักของเมือง เขาภาวนาว่าอย่าให้มันไกลนักจากบ้านของเพื่อน อย่างน้อยจะได้นั่งพูดคุยสัพเพเหระกันก่อน เขาเคยไปตรังมาครั้งหนึ่ง ระยะเวลาเดินทางเพียง ๒ ชั่วโมงเท่านั้น เขาแปลกใจที่ไปตรังแค่ครั้งเดียวได้อย่างไร ชีวิตแต่ละวันของเขาอยู่กับเปลยวนมากไปหรือเปล่า? และหนังสือเต็มตู้ที่บ้านก็ถูกอ่านจนปกเปื่อยไปแล้วทั้งนั้น นึกขำที่ตัวเองช่างมีโลกที่แสนแคบเสียเหลือเกิน ภูมิทัศน์ป่าบอนจึงแปลกตาและตื่นเต้นอย่างรุนแรง เขานั่งมองนอกหน้าต่างรถไปตลอดทาง

กลิ่นไหม้โชยอยู่ในตัวรถ ยังไม่มีใครสังเกตกลิ่นประหลาด แม้บางคนจะเริ่มทำจมูกฟุดฟิดๆ จนกระทั่งกลิ่นไหม้นั้นโชยมารุนแรงนั่นแหละ ทุกคนจึงรู้สึกได้ว่ารถกำลังวิ่งเอียงๆ โชเฟอร์จอดรถลงไปดูล้อ มันยังปกติดีอยู่ ข้างหน้ารถตู้มีรถกระบะจอดเช่นกัน เจ้าของรถกระบะเดินมาพูดคุยกับโชเฟอร์ ว่ารถของเขาก็มีกลิ่นไหม้ แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะเบาๆก่อนแยกย้าย โชเฟอร์บอกทุกคนว่าไม่มีอะไร คงมีชาวบ้านสักคนเผาซังข้าว เราจะไปถึงตรังตามเวลาแน่

เขาเห็นหญิงสาวข้างๆกระวนกระวาย ได้ยินเสียงทุกคนพูดคุยกันพำพึม มันไม่มีอะไรหรอกน่า เราต้องไว้ใจโชเฟอร์สิ เราเป็นผู้โดยสาร เราต้องเคารพทุกการตัดสินใจของคนขับ คนขับย่อมรู้ดีแน่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับรถของตน แล้วเขาก็หลับตาลงอีกครั้ง กังวลว่านี่จวนเที่ยงแล้วจะมีรถกลับหรือไม่ ลูกแมวผอมกะหร่องนั่นอีกล่ะ มันจะได้กินมื้อเที่ยงยังไงกัน แล้วเสียงระเบิดก็ดังปังที่ล้อหลัง พร้อมๆกับกลิ่นเหม็นไหม้ที่อบอยู่ในรถ ทำให้ทุกคนหวีดร้องสุดเสียง สีหน้าเขาตื่นเล็กน้อย อ๋อยางแตก โชเฟอร์จะต้องค่อยๆชะลอรถ อย่าแตะเบรกเป็นอันขาด ไม่งั้นได้พลิกคว่ำเป็นแน่ รถค่อยๆเอียงกะเท่เร่เข้าข้างทาง แต่ก็ยังวิ่งต่อไปอย่างทุลักทุเล มีเสียงผู้โดยสารบอกให้จอด โชเฟอร์ตอบกลับมาอย่างหงุดหงิดว่าจอดไม่ได้หรอก ต้องหาร้านเปลี่ยนล้อให้เจอก่อน รถวิ่งกระเดิ่งๆไปอีกหลายนาที จานล้อคงจะป่นปี้เสียแล้วกระมัง เขาพยายามชะโงกหน้าดูล้อหลัง แต่กระจกหน้าต่างมันก็บังล้อเอาไว้มิด รถวนเข้าถนนอีกเลนหนึ่งเมื่อโชเฟอร์เห็นอู่สิบล้อ เขาลงไปพูดคุยสองสามคำ ล้ออะไหล่ก็ถูกเปลี่ยนมาแทนที่ โชเฟอร์ยิ้มขึ้นรถ จ่ายค่าแรงรับใบเสร็จได้ก็รีบบึ่งไปตรังทันที ไม่มีใครเงียบสักคน และเขาเองก็ไม่กล้าหลับไปตลอดทาง จนรถเข้าเขตเขาพับผ้า มองเหวลึกลงเบื้องล่างแล้วอดคิดไม่ได้ว่า ถ้ารถยางแตกบนนี้มันจะเป็นยังไงหนอ? จึงเปิดหนังสือที่หนีบมาด้วย เขาชอบอ่านบทกวี และนั่นเป็นหนังสือรวมบทกวีเล่มใหม่ที่เพิ่งซื้อมาเมื่อวาน ปกสีฟ้าหม่นๆของกวีหนุ่มบ้านเดียวกับเขา เขาไม่ค่อยชอบกวีคนนี้นัก รู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก แต่ในร้านหนังสือมันไม่มีบทกวีเล่มอื่นออกมาวางแผงเลย  มันเป็นความจำเป็น เขาบอกตัวเอง อ่านมาจนเจอเรื่องหญิงสาวอดีตคนรักของกวี เขาส่ายหน้าแล้วปิดหนังสือ มันไม่มีอะไรจะเขียนแล้วหรืออย่างไร?

หญิงสาวข้างๆเขารูปร่างดี เหลือบชำเลืองดูช่วงขาเรียวยาวอย่างชื่นชม เธอนุ่งกางเกงยีนขากระบอก สวมรองเท้าส้นสูงแหลมเปี๊ยบ บนตักมีกระเป๋าสีดำใบหนึ่ง เธอนั่งกอดมันไว้แน่น เขาเสเปิดหนังสืออีกครั้ง แล้วเอนหลังลงพนักพิง เปิดเจอเรื่องไหนเขาก็อ่านเรื่องนั้น แหมกวีขี้เมา เขียนเรื่องด้านลบตัวเองเพื่ออะไรกัน? ปรายหางตาไปทางซ้ายมือเล็กน้อย เธอสวมเสื้อยืดรัดรูปสีแดงสด หน้าอกเป็นเต้าได้ส่วน เขารีบหลบตาลงต่ำ รู้สึกผิดที่แอบมองหน้าอกของเธอ แล้วรถก็ผ่านเข้าไปในตัวเมือง โชเฟอร์ถามว่าใครลงที่ไหนบ้าง เขารีบตอบจุดหมาย เขาไม่รู้ว่าที่ไหนเป็นที่ไหน การบอกล่วงหน้าเป็นเรื่องที่รอบคอบที่สุด เงี่ยหูฟังดูว่าเธอลงที่ไหน หัวใจเต้นตูมตามที่เป็นจุดหมายเดียวกัน คราวนี้แหละที่เขามองหน้าเธอได้เต็มตาโดยไม่ต้องแอบ เธอสวย หัวใจเขาเย็นวาบ เขาไม่เคยเห็นคนสวยได้ขนาดนี้มาก่อน  ลงจากรถก็ได้แต่ยืนหมุนซ้ายขวา บ้านของเพื่อนเขาอยู่ตรงไหนนะ?

เขาก้าวเข้าบ้านเพื่อน โบกมือทักทายเสียงดังลั่น เริ่มต้นการสนทนาด้วยการบ่นเรื่องรถยางแตกสักครึ่งชั่วโมง จากนั้นถ้อยคำห่วงหาอาทรก็พรั่งพรูออกมาอีกครู่หนึ่ง ตามมาด้วยเรื่องการเมืองที่มันวุ่นวายยุ่งเหยิงไม่มีที่สิ้นสุด เรื่องนี้เขาเป็นนักฟังที่ดี พยักหน้าไปตามเรื่องตามราว แล้วเรื่องสุดท้ายก็ขมวดเข้ามาที่เรื่องส่วนตัวของกันและกัน แน่ล่ะที่ต้องเป็นเรื่องผู้หญิง เขาพูดถึงเธอคนนั้นในรถตู้ ใส่สีลงไปหน่อยว่าได้เอนพิงซบไหล่เธอเป็นระยะ แอบมองลอดไปทางคอเสื้อ เขาไม่เห็นอะไรหรอก แต่นั่นก็ตื่นเต้นดี  การต้อนรับเป็นไปอย่างที่ควรเป็น เบียร์ขวดแล้วขวดเล่าถูกเปิดฝาออกมาอย่างไม่มีทีท่าจะหมดตู้ เขาเหลือบดูนาฬิกายี่ห้อราโด  จวนจะห้าโมงเย็นมะรอมมะร่อ ลุกขึ้นเซเล็กน้อย ให้เพื่อนของเขาไปส่งที่งานแต่ง และนัดหมายเวลาให้ไปรับกลับมาด้วย โดยย้ำว่าอย่าลืมซื้อเบียร์มาเพิ่มอีก

คืนนั้นกว่าจะได้นอนก็ล่วงไปดึกโข มีอะไรบางอย่างติดใจเขาอยู่ตะหงิดๆ เขานึกไม่ออก เบียร์ยังไม่หมดตู้ แต่เขารู้สึกว่าดื่มต่อไม่ไหวแล้ว  และเขาก็หลับอยู่บนโซฟาหน้าบ้านของเพื่อนตรงนั้นเอง

๒)

เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อช่วงสายๆ ในหัวเหมือนมีหินก้อนใหญ่ถ่วงอยู่หนักอึ้ง พยายามยกหัวขึ้นจากที่พักแขนโซฟา โลกกำลังหมุนคว้างๆจนจับภาพไม่ได้ ล้มหัวลงไปอีก ลมหายใจกลิ่นละมุดคลุ้งจนเขารู้สึก คลื่นลมในท้องก็เริ่มปั่นป่วน เขานอนขดตัว พยายามทำตัวงอที่สุด เผื่อกระเพาะและลำไส้จะหดเล็กลงบ้าง ค่อยยังชั่ว แล้วเขาก็หลับไปอีก อากาศตรังแสนสบาย บ้านของเพื่อนอยู่บนโคก มีร่มไม้ใหญ่เป็นระยะ ลมเย็นสดชื่นโชยมาแผ่วเบา เขากำลังอยู่ในห้วงฝันอันสวยงาม รอเพียงให้แอลกอฮอล์ในเส้นเลือดระเหือดระเหยออกไปให้หมด ซึ่งต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง เขาอาจจะต้องนอนค้างพักที่ตรังอีกคืน แต่คืนนี้คงต้องไปหาโรงแรม เขาไม่อยากเป็นภาระและไม่อยากให้เพื่อนตำหนิเมื่อเขากลับไป พลิกตัวกลับข้าง สะลึมสะลืออยู่กับอากาศอันแสนสุข แล้วทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ มันนึกขึ้นมาได้แม้ว่ากำลังนอนหลับสนิท อารามตกใจทำให้เขารีบลุกพรวดขึ้นนั่ง โลกยังหมุนคว้างๆอยู่ในวงตา หัวใจเต้นแรงรัวเร็ว แมว! ลูกแมวตัวนั้น! เขาลืมไปสนิทเลยว่าละแวกบ้านของเขามีหมาใหญ่อยู่คู่หนึ่ง มันดุร้ายมาก ชาวบ้านแถวนั้นไม่มีใครอยากให้มันมาเพ่นพ่านใกล้ๆด้วยหรอก ตัวหนึ่งสีดำอีกตัวสีขาว มันเคยกัดคนออกไปกรีดยางตอนหัวรุ่ง เพียงแค่คนคนนั้นเดินเฉียดไปที่รังของมัน มันเป็นหมาจรจัดที่หิวโซอยู่เสมอ เขาเคยเจอตัวมันสักครั้งสองครั้ง โชคดีที่เขาเป็นคนปีนต้นไม้เก่ง

ลูกแมวตัวนั้นอยู่ในเขตบ้านของเขา บ้านของเขามีแนวเขตรั้วไม้ระแนง บางจุดมันผุพังล้มเอนราบพื้น และหมาดุคู่นั้นก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านเขาเท่าไหร่เลย  รีบเข้าห้องน้ำ อาศัยสายน้ำเย็นๆจากฝักบัวช่วยให้สดชื่น เขาพักที่ตรังอีกคืนไม่ได้แล้ว ลูกแมวกำลังตกอยู่ในอันตราย แต่งเนื้อแต่งตัวเรียบร้อยก็เดินไปปลุกเพื่อน ล่ำลากันอย่างฉุกละหุก เพื่อนพยายามเหนี่ยวรั้งให้เขาอยู่ต่ออีกคืน คืนนี้มีวงดนตรีมาเล่นที่ร้านเหล้า เป็นวงโปรดของเขาเสียด้วย เขาปฏิเสธแล้วรีบเดินออกมาเรียกรถตุ๊กๆ โลกยังคงหมุนคว้างๆ ตุ๊กๆก็ยังไม่มีมาสักคัน คลื่นลมในท้องเขาเริ่มปั่นป่วนอีกระลอก สุดที่จะกลั้นไว้ได้ เขาก็อาเจียนออกมารดราดถนนหน้าบ้านของเพื่อนทันที รีบเข้าไปบ้วนปาก ขอโทษขอโพยเพื่อนใหญ่โต แต่จำเป็นจริงๆที่เขาจะต้องกลับ และวานให้เพื่อนของเขาช่วยชะล้างกองอาเจียนนั่นให้ด้วย

เป็นรถตู้ขนาดใหญ่เหมือนเดิม เขาอุ่นใจหน่อยเมื่อเห็นสภาพรถยังใหม่เรี่ยม มันคงไม่มีปัญหา ตอนนี้เที่ยงตรงแล้ว กลับถึงบ้านก็คงสักบ่ายสอง  ทดให้ค่าเสียเวลาไปอีกสักชั่วโมงก็คงถึงบ่ายสาม กลิ่นเบียร์บูดๆยังอบอวลอยู่ในจมูก ลูกแมวตัวนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง? มันจะเจอรั้วระแนงช่วงที่ล้มพังนั่นไหม? ไอ้สองตัวนั่นล่ะ? แล้วเขาก็เบาใจหน่อย เมื่อนึกขึ้นได้ว่าลูกแมวอยู่ในตัวบ้าน และมันตัวเล็กเกินกว่าจะกระโดดออกทางหน้าต่าง เอนหลังลงพิงพนัก เขาลืมหนังสือบทกวีเล่มนั้นที่บ้านเพื่อน ช่างมันเหอะหนังสือเห่ยๆพรรค์นั้น โลกยังคงหมุนคว้างๆอย่างนี้ มันไม่มีอะไรดีไปกว่านอนอีกสักยก ฝนเริ่มตกหนัก รถยังไม่ออก ผู้โดยสารยังไม่เต็มคัน เขาหงุดหงิดยิ่งขึ้นเมื่อเห็นผู้ชายคนหนึ่งขึ้นรถมานั่งหน้าเขา เขาอยากให้เป็นหญิงสาวสวยที่มีเรือนผมสยายยาว เขาชอบผู้หญิงผมยาวสลวย ยังขาดอยู่อีกกี่คน? เขาเริ่มนับจำนวนผู้โดยสาร ก็เห็นที่นั่งว่างอยู่ที่เดียวคือที่ติดหน้าต่างข้างๆเขา แล้วไม่นานก็มีหญิงสาวสวยในชุดเสื้อยืดสีแดงกางเกงยีนทรงกระบอกก้าวขึ้นมา รองเท้าส้นสูงของเธอส่งเสียงบอกความมั่นใจในตน เธอยิ้มให้เขานิดหนึ่งแล้วหย่อนก้นลงนั่ง เขาแกล้งขยับที่ให้เล็กน้อย สุภาพบุรุษควรมีมรรยาทกับสุภาพสตรี หัวใจเขาโครมคราม กลิ่นน้ำหอมของเธอยังเป็นกลิ่นเดิม รถเริ่มติดเครื่องแล้วหมุนล้อช้าๆออกจากสถานี เขาใจหายวาบ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าบ้านเขามีช่องแตกตรงด้านล่างใกล้ๆประตู  ภาวนาว่าอย่าให้ไอ้หมาสองตัวนั่นมาจ๊ะเอ๋กับลูกแมวเลย ด้วยความกังวลเขาจึงทำได้แต่มองออกไปนอกตัวรถ ครั้นพบเห็นหน้าอกตูมเต่งในเสื้อยืดสีแดงเต็มตา เขาก็รีบชักสายตากลับทันที

รถวิ่งอ่อยเอื่อยไปบนถนนที่แออัด ฝนที่พรำๆลงมาก็ยิ่งสาดซัดความหนักหน่วง ฝนที่ตกหนัก รถตู้ที่แอร์เย็นฉ่ำ และหญิงสาวสวยกลิ่นหอมข้างกาย เท่านี้ก็ทำให้เขาหลับตาเอนหลังได้อย่างสบายอารมณ์ เขาควรจะฝันบ้าง ให้ชีวิตได้กระชุ่มกระชวยขึ้นมา ในฝันอยากให้เป็นหญิงสาวคนข้างๆ เกี่ยวก้อยเดินคลอบนหาดทรายขาวเนียน เขาจะชี้ให้เธอดูตะวันอัสดง มันโรแมนติกเธอคงชอบ รถเบรกดังเอี๊ยดจนหัวทิ่ม ภาพฝันพังทลายครืนเมื่อพบว่าเขาเซไปปะทะกับเธออย่างจัง ดูท่าเธอคงจะไม่พอใจเล็กน้อย เขาเอ่ยขอโทษเบาๆ บอกว่าไม่ได้ตั้งใจ เขากำลังเคลิ้ม ไม่ได้บอกหรอกว่าเขาเคลิ้มถึงเธอนั่นแหละ  จนล่วงเข้าเขตเขาพับผ้า….


(มีต่อ)

เนชั่นสุดสัปดาห์ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑

Comment #1
Posted @23 ก.พ.51 19.44 ip : 125...192

บนเขาพับผ้า(จบ)


ฝนกระหน่ำลงมาไม่ลืมหูลืมตา สาดกระจกหน้ารถตู้จนพร่ามัว รถค่อยๆไต่ขึ้นเขาไปอย่างช้าๆ และเขารู้สึกว่าดีแล้วที่ไปช้าๆ ผู้โดยสารเงียบกริบ ได้ยินเสียงถอนหายใจของใครบางคนแว่วมาจากข้างหลัง โชเฟอร์เอื้อมมือไปเปิดเพลงจากแผ่น เป็นเพลงลูกทุ่งที่กำลังโด่งดัง เสียงของนักร้องชาวใต้แสบหูเกินไป เขาหลับตาเอนหลัง ในใจกังวลถึงลูกแมว เมื่อคืนมันจะได้กินอะไรหนอ ถอนหายใจเฮ้อเบาๆอยู่ในอก แล้วผู้โดยสารทั้งรถก็กรีดร้องขึ้นมาสุดเสียง ความตระหนกตกตื่นวุ่นวายโกลาหลเกิดขึ้นในทันทีที่รถเอียงวูบลงไหล่ทาง มีกลิ่นไหม้โชยมาอบอวลอยู่ในตัวรถ  เขาสะดุ้ง เลิ่กลั่กมองหาสาเหตุว่าทำไมรถจึงวิ่งตกทาง ยางแตกอีกหรือ? หรือหม้อน้ำไหม้? ผู้โดยสารต่างชะโงกชะเง้อหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง สาวสวยข้างๆมีสีหน้าตกใจเห็นชัด คนอะไรไม่รู้ ขนาดกำลังตกใจยังสวยได้ขนาดนี้ เขายิ้มบอกเธอว่าให้ใจเย็นๆ เราต้องเชื่อมั่นในโชเฟอร์ เขาย่อมรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับรถของเขา เธอตอบค่ะมาเบาๆ เขาเห็นอกเธอกระเพื่อมขึ้นลงด้วยอาการหอบ เธอกำลังตกใจอย่างหนัก เขาควรจะปลอบเธอ ครั้นพออ้าปากจะชวนคุยให้หายกังวล เธอก็ยกโทรศัพท์กดหาใครคนหนึ่งเสียแล้ว เขาจึงเอนหลังลงพิงพนักตามเดิม มองผู้โดยสารข้างหน้าที่ลุกลี้ลุลนจะลงจากรถ โชเฟอร์หันมาบอกว่าใจเย็นๆ เขาจะลงไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเราทั้งหมดจะเดินทางถึงที่หมายอย่างปลอดภัย และตรงเวลาที่สุดเท่าที่จะทำได้ เสียงเธอคนสวยจิ๊ปากอยู่ไม่ขาดสาย เขาเหลือบไปมอง จึงรู้ว่าเธอโทรฯหาใครของเธอไม่ติด ดวงตากลมๆโตๆดำขลับของเธอมีน้ำเอ่ออยู่ปริ่ม  อยากคว้ามือเธอมากุม อยากปลอบเธอให้หายหวาดหวั่น เรายังปลอดภัย อย่างน้อยเรายังอยู่ในรถตู้ที่ยังอยู่บนถนน ฝนข้างนอกตกหนักเพียงไร รถตู้ก็ยังมีกระจกมีหลังคา ทางจะลาดชันสักเท่าไร รถตู้ก็ยังคงมีเบรกมือคอยช่วยไม่ให้รถไหลเคลื่อนลงสู่ที่ต่ำ เราต้องปลอดภัยสิ เราเลือกที่จะขึ้นรถตู้คันนี้แล้วนี่นา ก่อนขึ้นเราก็เห็นสภาพรถแล้วนี่นา แล้วเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ตอนซื้อตั๋วที่สถานี เขาและผู้โดยสารทุกคนไม่ได้เลือกรถเอง รถตู้คันนี้มันถึงคิวที่จะต้องวิ่งต่างหาก และเขากับผู้โดยสารทั้งปวงเพียงแต่มาอยู่ในช่วงจังหวะนั้นพอดี ไม่เป็นไร ใครๆก็ล้วนขึ้นรถตู้ตามช่วงจังหวะกันทั้งนั้น เขาคิดต่อ แล้วสภาพรถล่ะ? เขาเริ่มกังวลขึ้นมาบ้าง เมื่อหวนคิดถึงตอนขามาตรัง คันนั้นสภาพก็ยังใหม่อยู่เหมือนคันนี้ ไม่มีอะไรผิดปกติไปจากรถตู้ทั่วๆไป ไม่เป็นไร ความโชคร้ายของเขามันไม่น่าจะเกิดขึ้นซ้ำๆกันอย่างนี้ แล้วที่รถยังคงค้างเติ่งอยู่บนเขาพับผ้านี่ล่ะ? นั่นสิ งั้นเอาใหม่ ความโชคดีของเขาน่าจะเกิดขึ้นซ้ำๆกันบ้าง คันก่อนยางแตก โชเฟอร์ก็ยังพารถเปลี่ยนล้ออะไหล่และมาถึงตรังได้อย่างปลอดภัย ใช่ๆ มันน่าจะต้องโชคดีซ้ำๆกันบ้างสิ แล้วเขาก็รู้สึกผ่อนคลาย

นั่งมองดูความโกลาหลอลหม่านของผู้โดยสารเงียบๆ โชเฟอร์ลงจากรถไปนานแล้ว เขาเดินตรวจดูสภาพรอบๆรถอย่างถี่ถ้วน ก้มมองใต้ท้องรถ มันคงเห็นได้ไม่ชัดเพราะฝนลงหนักเหลือเกิน โชเฟอร์จึงนอนราบไปกับไหล่ทาง แถกตัวเองเข้าไปใต้ท้องรถ เขาคงนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเห็นเขารีบโผล่พรวดออกมาอย่างรวดเร็ว วิ่งไปหลังรถ เปิดกระโปรงท้ายออก ลมเย็นวูบเข้ามาพร้อมละอองฝน เสียงฝนกระทบพื้น ลมสะบัดใบยาง เกรียวกราวระงมอยู่ทั่ว โชเฟอร์หาไม้ดุ้นได้สองอัน ก็ปิดกระโปรงท้ายแล้วอัดไม้ดุ้นนั่นไว้ที่ล้อหลังทั้งสองข้าง เอาล่ะ คราวนี้โชเฟอร์ก็มุดหายเข้าไปใต้ท้องรถอีกครั้ง

เป็นภาพที่อยู่ในสายตาผู้โดยสารทุกคน เสียงตะโกนถามว่าเกิดอะไรขึ้น บางคนพยายามเปิดประตูลงมาจะ ช่วย แต่ฝนนั้นตกหนักเสียจนต้องรีบปิดประตูรถ เขาเริ่มหวาดหวั่น มันใช้เวลานานเกินไปแล้วสำหรับการจะหา สาเหตุ และเธอคนสวยก็นั่งไม่ติด เธอลุกขึ้นยืนแล้วมองชะโงกไปทางซ้ายทีขวาที บ่นพึมพำๆอยู่ตลอดเวลา สลับกับการยกโทรศัพท์กดหมายเลข รถเกิดการเคลื่อนไหววูบ มันวูบไปทางข้างซ้ายที่มองเห็นเหวเบื้องล่างลึกน่ากลัว ผู้โดยสารกรีดร้องสุดเสียง เขาทะลึ่งพรวดลุกขึ้น รู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังหน้าซีดมือสั่น เลิ่กลั่กมองคนโน้นทีคนนี้ที มีเสียงตะโกนมาจากเบาะหลัง ว่าหลีกหน่อย ฉันจะออกไปแล้ว หลีกสิ ลุกขึ้นแล้วยกเบาะเปิดทางให้หน่อย เขาเห็นคนที่นั่งติดประตูพยายามเปิดประตูรถ เขาเห็นว่าคนนั้นใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ประตูยังคงปิดแน่นสนิท มันเกิดอะไรขึ้น? อากาศในรถจะมีพอหายใจไหม? แล้วเครื่องยนต์รถก็ดับเงียบลงในตอนนั้น

เขานึกขึ้นได้ว่าควรจะโทรศัพท์หมายเลข ๑๙๑ หยิบโนเกียรุ่นโบราณออกมาก็กดทันที เสียงเครือข่ายเงียบ สนิท และขีดเครื่องหมายสัญญาณเครือข่ายก็ไม่มีอยู่เลย เขาหัวเสีย ทุกคนในรถหัวเสียทั้งนั้น เขากดอีก มันยังเงียบเหมือนเดิม เขาสบถออกมาดังๆ แล้วขว้างโนเกียโบราณนั่นไปที่กระจกหน้ารถ โชคร้ายที่มันไปโดนหัวผู้ชายคนที่นั่งหน้าเขา เขาเห็นผู้ชายคนนั้นหันขวับมาอย่างโกรธแค้น เอาสิ เป็นไรเป็นกัน เขาแค่กำลังหาทางช่วยทุกคนให้พ้นไปจากรถตู้นรกนี่ให้ได้ ไม่ทันได้ตั้งตัวเขาก็โดนหมัดลุ่นๆซัดเข้าปลายคาง เสียงด่าหยาบคายของผู้ชายคนนั้นบริภาษเขาไม่มีชิ้นดี และไม่ใช่อาการหูอื้อแต่อย่างใด ที่เขาได้ยินเสียงคนข้างหลังกำลังทะเลาะวิวาทอย่างรุนแรง เขาอธิบายว่าเราควรจะพังกระจกหน้ารถออก แล้วสอดตัวเองออกไปทีละคน ผู้ชายคนนั้นตะคอกกลับมาว่าปัญญาอ่อน นี่ไม่ใช่หนังฮอลลีวู้ด มีคนถามว่าโชเฟอร์หายไปไหนแล้ว? บางคนก็ว่าอยู่ใต้ท้องรถ อีกคนก็ว่าโน่น กำลังเดินหาคลื่นโทรศัพท์อยู่ ทุกคนหันไปทางเดียวกัน เห็นโชเฟอร์ยืนกดหมายเลขอยู่ที่หลักกิโลเมตร ลมเย็นๆละอองฝนพัดพร่างฉ่ำชื่นใต้ร่มยางที่แผ่กิ่งก้านมาคร่อมถนน ทุกคนเงียบกริบ อากาศในรถอบอ้าวจนเขาต้องถอดเสื้อ เขาเริ่มอึดอัดหายใจไม่ออก เขาไม่ชอบอากาศอึดอัด มันทำให้อาการภูมิแพ้ของเขากำเริบ ไม่ทันไรเขาก็จามฉิวจามฉาวอยู่สักเกือบๆสิบครั้ง เธอคนสวยหันมาดุเขา เธอว่าเขากำลังปล่อยเชื้อโรคทางลมหายใจ ลมหายใจที่ทุกคนต้องสูดเอาเข้าปอด เขาเถียงว่าแล้วจะให้ทำอย่างไร? ใครคันจมูกใครมันก็ต้องจามกันทั้งนั้น เขาเห็นดวงตาคู่สวยของเธอเบิกกว้าง เรียวปากเหยียดเม้มบางเฉียบ เธอชี้หน้าเขาว่าสถานการณ์อย่างนี้จะมาจามได้อย่างไร เขาควรจะอุดจมูกแล้วใช้กระดาษทิชชูเช็ดน้ำมูก ไม่ใช่ปล่อยให้เชื้อโรคกระเซ็นไปทั่วทั้งคันรถ เธอสำทับด้วยคำว่าเขาไม่มีมรรยาทเอาเสียเลย ใครคนหนึ่งชี้ให้ดูไปที่โชเฟอร์ ทุกคนเห็นเขากำลังยืนกดโทรศัพท์พร้อมๆกับสูบบุหรี่ พอมีรถสักคันวิ่งผ่าน เขาจะยื่นแขนขวาออกไปโบกขอความช่วยเหลือ ไม่มีรถคันไหนจอด และไม่มีรถตู้ในคิวของเขาวิ่งผ่านมาสักคัน เขายืนนานๆคงเมื่อย จึงนั่งลงกับหลักกิโลเมตรนั่น ทุกคนเห็นเขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วจุดบุหรี่สูบอีกมวน มันไม่ควรเป็นอย่างนี้ ผู้ชายที่ชกเขาตะโกนออกมาดังๆ เราทุกคนอุดอู้อึดอัดอยู่ในรถ เราทุกคนต่างกำลังหวาดกลัวไร้ความปลอดภัย โชเฟอร์จะมัวยืนสูบบุหรี่โบกรถอย่างดูดายพวกเราได้อย่างไรกัน? เขาแย้งเบาๆอ่อยๆว่าโชเฟอร์คงกำลังทุกข์หนัก เขากำลังหาวิธีการช่วยเหลือพวกเราอยู่ ผู้ชายที่ชกเขาก็ตะคอกกลับมาว่านั่นมันใช่วิธีการช่วยเหลือหรือ? โชเฟอร์ปัญญาอ่อนจนไม่รู้ว่าเราทุกคนกำลังอึดอัดหรือ? เขาควรจะทิ้งบุหรี่ วิ่งฝ่าสายฝนมาช่วยเปิดประตูให้เรา เสียงทุกคนตะโกนว่าใช่ๆ โชเฟอร์ต้องกลับมาแก้ปัญหานี้ให้เราก่อน เราทั้งร้อนทั้งกลัว แต่เขายืนเย็นฉ่ำโรแมนติกกลางสายฝน มันไม่ยุติธรรม เป็นเขาอีกที่เอ่ยเบาๆอีกครั้ง ว่าเราต้องเชื่อใจเขาสิ เขาเป็นโชเฟอร์ เป็นเจ้าของรถ เขารู้จักรถของเขาดี เขาจะช่วยเราออกไป แล้วเราจะถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยและตรงเวลาที่สุด เธอคนสวยหันขวับมาทันที เขาหลับตาปี๋เอามืออุดหู จึงไม่ได้ยินเสียงที่เธอฉอดๆๆๆใส่หน้า

เวลาช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน ทุกคนเหนื่อยอ่อนและระทึกตระหนก มองลงไปเบื้องล่างเหวลึกก็ รู้สึกเสียวสยองพองขน เขาได้ยินเสียงคนร้องไห้จากทางเบาะหลัง พอหันไปจะมองว่าใครหนอที่ช่างทำให้บรรยากาศแห่งความตายนี้มันเลวร้ายยิ่งขึ้น ก็พบเธอคนสวยข้างๆกำลังนั่งร้องไห้ด้วยอีกคน เขาจ้องเธอนิ่ง พยายามควบคุมสติของตนให้ครบถ้วนที่สุด คราวนี้เขากล้าพอที่จะกุมมือเธอ บอกเบาๆอย่างอ่อนโยนว่าอย่าร้องไห้เลย เราน่าจะมีความหวังหลงเหลืออยู่บ้าง เราต้องมีความหวังหลงเหลืออยู่บ้างสิ ชีวิตไม่ได้เลวร้ายเกินการตั้งมือรับ เขาเล่าถึงลูกแมวตัวนั้น ว่ามันยังเล็กเกินไปที่จะอยู่ห่างแม่ มันกระเซอะกระเซิงจากไหนมาไม่รู้ วันหนึ่งมันก็มายืนอยู่ที่หน้าบ้านของเขา ในละแวกที่หมาใหญ่ดุร้ายสองตัวกำลังหิวโซ มันอันตรายไปทั้งสิ้น แต่ลูกแมวขี้เหร่ตัวนั้นก็ยังนำพาชีวิตของมันไปด้วยความหวัง เขาตั้งข้อสันนิษฐานว่าบางทีอาจมีใครสักคนเผลอกดล็อคประตูเอาไว้ มันจึงเปิดไม่ออก เขายิ้มเหงาๆ เขารู้ตัวดีว่านี่เป็นการปลอบโยนที่โง่ที่สุด ทุกคนรู้ว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย แต่มันจะมีประโยชน์อะไรเล่า? หากมัวแต่ก่นด่าสารพัด ลนลานจนตั้งสติไม่อยู่ แล้วก็เกิดการทะเลาะวิวาทชกต่อย มันไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด เธอช้อนสายตาขึ้นมาสบดวงตาเขา ดวงตากลมโตดำขลับมีหยาดน้ำเรื่อขนตางอนเป็นแพ เธอยิ้มให้เขา มันเป็นยิ้มที่สวยที่สุดในโลก เธอบอกเขาเบาๆสั่นเครือว่าเธอกำลังกลัว  เขาวางมือเธอเบาๆไปที่หน้าตักของเธอ ก่อนคลายอุ้งมือเขากล่าวอีกนิดหน่อยว่าเราต้องผ่านพ้นวิกฤตินี้

มีใครไม่รู้เกิดตั้งข้อสันนิษฐานเดียวกับเขาจึงเอื้อมมือไปที่ประตู พบว่ามันถูกกดปิดล็อคอยู่จริงๆ เขาหัวเราะ เสียงดัง และตะโกนบอกทุกคนว่าเรารอดตายแล้วอาการของสิ่งมีชีวิตเริ่มเคลื่อนไหวอย่างตื่นเต้น ทุกคนดีใจ เฮโลกันไปที่ประตู ต้องมีคนคอยกำกับและจัดคิวให้ออกไปทีละคน ฝนข้างนอกยังคงตกหนักหน่วง แต่คราวนี้ทุกคนเลือกที่จะตากฝน มากกว่าอึดอัดขาดอากาศอยู่ในรถ สายฝนฉ่ำชื่น ลมหนาวยอดเขาปะทะมาเป็นระลอก เขายืนยิ้มอย่างมีความสุข เงยหน้ากางแขนอ้ารับสายฝน ไม่มีใครเห็นโชเฟอร์ เขาคงโบกรถคันใดคันหนึ่งได้ แล้วอาศัยรถนั้นไปยังสถานี เพื่อหารถกลับมาช่วยพวกเขา เมื่อเขาบอกเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนฟัง เสียงหัวเราะแค้นๆก็ก่นดังขึ้นมาพร้อมเพรียง ใครคนหนึ่งพูดขึ้นว่าอย่ารอเลย  เราออกเดินกันไปเองเถอะ ทุกคนเห็นด้วย แต่เขากลับเสนอแนะความคิดใหม่ว่า ถ้าเราช่วยกันซ่อมรถคันนี้ล่ะ? มันจะเป็นไปได้ไหม? เสียงถามหาว่าใครเป็นช่างยนตร์บ้างกระหึ่มรับทันที ไม่มีสักคน เขาเดินเลียบแผงรั้วกั้นไหล่ทาง ชะโงกมองลงดูหุบเหวแล้วขนลุก หันหลังกลับก็เห็นร่างโชเฟอร์เดินดุ่มๆมาจากใต้ร่มไม้  โชเฟอร์ไปยืนหลบฝนที่ใต้ต้นไม้! ทิ้งให้พวกเราอึดอัดและหวาดกลัวอยู่ในรถตู้! โชเฟอร์ทำลงไปได้อย่างไรกัน? ผู้ชายคนหนึ่งเดินอาดๆเข้าไปถามว่าโชเฟอร์หายไปไหนมา? พวกเราหาทางออกจากรถตู้นรกคันนั้นได้ ชี้นิ้วไปที่รถตู้แล้วสั่นแรงๆให้เห็น จากนั้นก็พูดต่อว่าพอเราหาทางออกได้คุณก็เดินกลับมาจากใต้ร่มไม้? แล้วชี้นิ้วมายังเขาที่ยืนดูตาปริบๆ ผู้ชายคนนี้พยายามบอกพวกเราว่าให้เชื่อใจคุณ ให้ไว้ใจคุณ เราขึ้นรถนรกนี้มาแล้วก็ต้องเชื่อมั่นว่าคุณจะพาเราไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัย และตรงเวลาที่สุด  อา! ตรงเวลาที่สุด! ปลอดภัยที่สุด! ผู้ชายคนนั้นกัดกรามแน่น ดวงตาถมึงทึงน่ากลัว แล้วก็ฟาดบ้องหูโชเฟอร์ไปฉาดใหญ่

เขาดูนาฬิการาโดเรือนงาม มันใกล้ค่ำเต็มทีแล้ว และฝนก็ยังคงตกอยู่ไม่ลืมหูลืมตา ฉงนนัก นี่เสียเวลาอยู่บนยอดเขาพับผ้ามาหลายชั่วโมงเชียวหรือ? คำนวณดูว่าถ้าจะซ่อมรถกันเองโดยไม่มีความรู้ความชำนาญ  โอกาสที่จะไปถึงบ้านมีอยู่กี่มากน้อย?  แล้วก็ส่ายหน้าในทันทีนั้น มันเป็นไปไม่ได้หรอก นอกเสียจากเดินกลับบ้าน เราต้องมีความหวังสิ ใช่ เราต้องมีความหวัง แต่ความหวังของเราต้องเป็นไปได้ และสำคัญที่สุดคือเราต้องพึ่งพาตัวเราเอง เราจะเดินไปด้วยกัน เดินไปยังจุดหมายที่เราจะเดินทางไปถึง มันอาจช้าไม่ตรงเวลา แต่มันจะต้องถึง ไปถึงในที่ที่ลูกแมวของเขากำลังรออยู่ที่บ้าน


เขาบอกทุกคนว่า มีลูกแมวรอจะกินนม มีเปลยวนใต้ร่มไม้อันเงียบสงบ มีหนังสือ มีบ้าน มีวิถีชีวิตที่ดีเยี่ยงที่ เคยมี และมีกระถางดอกไม้รายเรียงที่ต้องรดน้ำพรวนดิน  เขาหันไปจับมือกับผู้ชายที่ชกเขา “ผมจะเดินไป” ยิ้มเย้าๆว่าระหว่างเดินไปอย่าชกเขาอีกล่ะ ก่อนหันไปมองโชเฟอร์
“คุณจัดเจนเส้นทาง คุณยังต้องเดินนำเราไป แต่ถ้าคุณนำเราลงเหวอีก...” เขาเงียบไปพัก เอื้อมมือไปดึง ผู้ชายคนนั้นมาใกล้ๆ  แล้วถามโชเฟอร์ยิ้มๆว่า “จำรสมือที่บ้องหูตะกี้ได้ไหม?”  เขาเลิกคิ้วสำทับคำถามนั้น

๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๐


เนชั่นสุดสัปดาห์ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑

Comment #2
Posted @24 ก.พ.51 2.30 ip : 125...136

ตามไปอ่านในบล็อคมาแระค้าบบบ...

แสดงความคิดเห็น

« 3575
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 12 user(s)

User count is 2280130 person(s) and 9158948 hit(s) since 29 เม.ย. 2567 , Total 550 member(s).