มาจากร้านหมี่เป็ดศิริวัฒน์ : ฐานะทางประวัติศาสตร์ของร้านหมี่เป็ด

by หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก @27 ก.ย.47 15.56 ( IP : 203...119 ) | Tags : เรื่องสั้น-ความเรียง
photo  , 150x99 pixel , 3,350 bytes.

ฐานะทางประวัติศาสตร์ของร้านหมี่เป็ด


แม่มักพูดเสมอว่า&ไม่เป็นไร

๑). เราโยกย้ายมาปักหลักที่ถนนละม้ายสงเคราะห์นี้ประมาณปี ๒๕๓๔อยู่ใกล้กับโรงเรียนแสงทองวิทยา และโรงเรียนศรีนคร    ทุกเช้า-ผู้ปกครองจะพานักเรียนมากินหมี่ก่อนไปโรงเรียน    ส่วนใหญ่จะเป็นชั้นประถมที่ซุกซนเหลือกำลัง    พวกเขาจะเดินเข้ามาในร้านอย่างคุ้นเคย  นั่งประจำที่ดั่งนั่งในห้องเรียน  ส่งเสียงพูดคุยจ้อปากและบางคนก็ซนเป็นลิง    สลับกับเสียงคุณแม่ของพวกเขาที่คอยดุด่าว่ากล่าวเมื่อเห็นลิงมันซนกันนัก    ก็มีบ้างที่คุณพ่อคุณแม่บางคนปล่อยปละละเลย    ด้วยอาจเห็นว่าวัยของพวกเขาย่อมซุกซนเป็นธรรมดา    ข้าพเจ้านี่แหละที่จำเป็นต้องดุแบบนิ่มๆงามๆ    อาจถึงขั้นต้องเอ็ดตะโรเมื่อเห็นว่าข้าวของในร้านท่าจะเสียหาย    และหลายครั้งที่ข้าพเจ้าลงมือฟาดเบาะๆ    โดยนัยยะสื่อไปยังผู้ปกครองว่าคุณปล่อยลูกคุณเกินเลยไปมากแล้ว    น้ำตาล , ถั่ว ,พริกป่น    เด็กช้อนเอามาใส่รวมกันแล้วคุณไม่เห็นหรือ?  นั่นมันของกินของเข้าปาก  ไม่ใช่ของให้เด็กเล่น    เงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ที่คุณจ้องแย่งจากโต๊ะอื่นซะบ้างสิ      โตมาจนป่านนี้มีลูกมีเต้าได้ยังไงกันจึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย& ฟาดเสร็จข้าพเจ้าก็ขยี้หัวเด็กเบาๆอย่างเอ็นดู    ก่อนหันไปยิ้มให้ผู้ปกครองเด็กอย่างเปี่ยมด้วยความหวัง ดี

แหละเก้าอี้ไม้ทรงสูงที่มีเพียงตัวเดียวในร้านนี่สิ    มันกลายเป็นเก้าอี้ดนตรีสำหรับเด็กเล็กไปทุกเช้า สงครามจิตวิทยาสงครามประสาทเริ่มต้นขึ้นด้วยการวิ่งไปจับจองเก้าอี้สูง    ก่อนบอกผู้ปกครองหรืออาจเป็นข้าพเจ้าให้ช่วยยกไปให้ที่โต๊ะ      ในขณะที่เด็กเล็กคนที่วิ่งไปเอามือแตะเก้าอี้ไม่ทันได้แต่ยืนหน้างอ    มองหาข้าพเจ้าอย่างขอความช่วยเหลือ    ข้าพเจ้าจนใจที่จะเอาเก้าอี้ตัวนั้นให้เด็กคนนั้นได้  กติกามันมีอยู่  และเด็กคนที่วิ่งไปแตะไว้ก่อนนั้นเท่านั้นที่สมควรแก่การนั่ง    ทำได้ก็เพียงยิ้มปลอบใจว่าวันหลังค่อยมาแย่งใหม่    วันหลังจะต้องเป็นผู้ชนะ  เพราะผู้ชนะเท่านั้นที่จะได้ปีนเก้าอี้ทรงสูงขึ้นไปนั่งเป็นสง่า    วันนี้หนูแพ้แล้ว  หนูต้องยอมรับความพ่ายแพ้นี้ให้ได้

จากหน้างอๆมองหาความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ใจดีสักคนนั้น  ปากเล็กๆบางๆก็เริ่มเบ้  หยาดน้ำตา จะออขังรอหลั่งลงมารดแก้มยุ้ยๆ    แล้วเสียงร้องไห้โวยวายก็แผดลั่นสนั่นร้าน  เสียงดุเสียงปลอบอย่างใดไร้ผลโดยสิ้นเชิง    ท่านเคยได้ยินเสียงเด็กที่ร้องไห้แผดกรีดด้วยความเสียใจอย่างที่สุดไหม?  มันบาดลึกเข้าไปในก้อนเนื้อหัวใจผู้ใหญ่อย่างทรมานบัดซบเลยเชียวล่ะ    นอกเสียจากท่านจะเป็นผู้ใหญ่บัดซบเท่านั้น  ที่อาจจะเฉยเมยหรือกระทั่งรำคาญได้ลงคอ  ในขณะที่ข้าพเจ้ายกเก้าอี้ตัวนั้นโดยมีผู้ชนะนั่งยิ้มยินดี    ข้าพเจ้ามิกล้าเหลือบตาเหลียวมองใบหน้าอันรวดร้าวของผู้แพ้ได้เลย    เสียงสะอื้นด้วยความเสียใจเป็นล้นพ้น    ดวงตาน้อยเนื้อต่ำใจที่ยังคงอ้อนวอนร้องขอ    ข้าพเจ้าเอาเก้าอี้พลาสติคมาซ้อนๆกันให้สูง    แทนทดชดเชยเก้าอี้ไม้ที่มีอยู่เพียงตัวเดียวในร้าน    น่าแปลกที่พวกเขาไม่เคยใยดีมันแม้น้อย-สักคนเดียว!  โน่น-เก้าอี้ไม้ทรงสูงตัวนั้นต่างหากที่พวกเขายังจ้องมองมันอยู่ไม่วางตา    แม้กระทั่งเมื่อคุณแม่ป้อนหมี่เข้าปาก  เขาก็ยังสะอื้นพลางอ้าปากเคี้ยวกลืน    ข้าพเจ้าสะเทือนใจยิ่งนัก    และผู้แพ้นั้นแหละที่มักจะได้ไก่กับหมูแดงมากกว่าปกติ-เสมอ กระนั้นก็ตาม-ข้าพเจ้ามักจะยิ้มอย่างมีความสุข    ที่เห็นเด็กเล็กๆวัยไม่กี่ขวบร้องไห้    เพื่อจะแย่งเก้าอี้ที่ มีอยู่เพียงตัวเดียวในร้าน&&ข้าพเจ้ามีความสุขจริงๆ

เพราะที่จริงแล้ว-    มันไม่ใช่แค่เก้าอี้ไม้ทรงสูงราคาถูกๆอย่างที่มันเป็นเลย    มันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่มี อยู่เพียงอันเดียวในร้านเล็กๆแห่งนี้  และเด็กเล็กเหล่านั้นรู้ว่ามันมีไว้สำหรับพวกเขาเท่านั้น    ความพิเศษนี่แหละที่กลายเป็นของวิเศษให้เด็กๆปรารถนา  ให้พวกเขายึดเหนี่ยว  ให้พวกเขาภาคภูมิ    มันเป็นทิพยรสอีกชนิดหนึ่งในร้านหมี่เป็ดศิริวัฒน์!  นึกภาพดูสิ-เด็กน้อยนั่งเก้าอี้ไม้ทรงสูง  ที่โต๊ะอยู่ในระดับเดียวกับการกินได้พอดีเป๊ะ!  เขาสามารถเอื้อมมือไปดึงทิชชูมาเช็ดปากได้เองเมื่อคุณแม่บอก    เขาสามารถเอื้อมไปคว้าแก้วน้ำอ้อยมาดื่มได้เองเมื่อกระหาย    ก่อนจะปรายตามองไปยังผู้แพ้อย่างเหยียดๆ  เมื่อเห็นพวกเขาร้องบอกคุณแม่ให้ส่งแก้วน้ำเหมือนเด็กไม่รู้จักโต! การเป็นเพียงสิ่งเดียวที่มีอยู่อันเดียวนี่แหละ    คือความวิเศษสุดพิเศษพิศดารนัก    และการเป็นความ วิเศษสุดพิเศษพิศดารนี่แหละ    ที่ทำให้พวกเขารู้สึกถึงการมีตัวตน    รับรู้รสแห่งชัยชนะ    และอาจจะหวนรู้สึกถึงความพ่ายแพ้ในวันที่เขาแพ้      ความรู้สึกสองฝ่ายนี้จะติดตรึงเข้าไปยังก้นบึ้งพวกเขานับนาน  ข้าพเจ้าคาดหวังว่าเขาคงจะยังจำได้ดีถึงความรู้สึกปลื้มปีติ  และความรู้สึกรวดร้าวเมื่อเขาเติบโตขึ้น    เขาคงไม่ลืมดวงตาปวดร้าวของผู้แพ้ที่เขาเองก็เคยผ่านพบมาหลายต่อหลายครั้ง    เพื่อมันจะกลายเป็นดวงตาเมตตาและรักในเพื่อนมนุษย์ด้วยกันในวันที่เขาเป็นผู้ใหญ่เพียงพอ

ข้าพเจ้าไม่เชื่อเด็ดขาด  หากใครจะบอกว่านั่นเป็นการสอนเด็กให้เห็นแก่ตัว    ทะเยอทะยานอยากได้ จนกล้ากระทำการใดใดได้แม้ผู้อื่นจะเสียใจ    อย่าลืมสิ-พวกเขาก็เคยพ่ายแพ้มาด้วยกันทั้งนั้น    กว่าพวกเขาจะโตพอนั่งเก้าอี้พลาสติคได้  เขาต้องผ่านความพ่ายแพ้กันมาคนละเท่าไร?    และจะเป็นผู้ชนะกันได้แค่คนละกี่ครั้ง?  เราควรจะแสดงความหวังดีต่อพวกเขาให้น้อยลงสักนิด    ควรเลิกเอาระบบวิธีคิดแบบผู้ใหญ่    โดยเฉพาะแบบผู้ใหญ่ที่สิ้นคิดไปใช้กับเด็ก    เพื่อปล่อยให้พวกเขาเติบโตตามธรรมชาติตามวัย    เรียนรู้สิ่งต่างๆด้วยตนเอง  ให้พวกเขาเคี้ยวและย่อยเองบ้าง    ก่อนจะเป็นอัมพาตระบบทางเดินอาหาร  ไม่มีเด็กกล้าหาญคนใดจะไม่แย่งชิง  เช่นเดียวกับไม่มีเด็กกล้าหาญคนใดจะไม่หวงแหนมิใช่หรือ?    ทั้งท่านแหละทั้งข้าพเจ้านี่แหละ  ที่จะต้องบอกเด็กด้วยภาษาง่ายๆที่พวกเขาฟังเข้าใจ  ว่าเราแพ้ก็เพื่อให้รู้จักความชนะ  และชนะก็เพื่อให้เข้าใจความพ่ายแพ้    เป็นคำถามสำหรับท่านแหละทั้งข้าพเจ้าโดยแท้ว่าจะบอกพวกเขาอย่างไร
ข้าพเจ้าจึงมักจะยิ้มอย่างมีความสุข    ที่เห็นเด็กเล็กๆนั่งเป็นสง่าบนเก้าอี้ไม้ทรงสูงแล้วยิ้มอย่างปีติยินดี และนี่คือเหตุผลที่ข้าพเจ้าไม่ซื้อเก้าอี้สูงมาเพิ่มแม้แต่สักตัวเดียว

๒).

สามสิบห้าปีแห่งร้านหมี่เป็ดศิริวัฒน์ที่ข้าพเจ้าเกิด!  ลูกค้าที่เคยเรียกข้าพเจ้าว่าไอ้ตี๋    ก็เรียกเป็นน้อง
จนที่สุดก็เป็นพี่ไปจนกระทั่งน้า!    อย่างน่าตกใจ-ที่หลายครั้งเด็กมันเรียกข้าพเจ้าว่าลุง!  จากไอ้ขี้แยร้องไห้ขี้มูกโป่งเมื่อสมัยร้านอยู่ตลาดกิมหยง    วันนี้เธอเป็นสาวสวยคมบุคลิกภูมิฐาน    สวยจนข้าพเจ้ามิกล้าเอ่ยปากชวนคุยเหมือนเมื่อเธอยังกะโปโล    และเด็กชายขี้อายที่วันนี้เธอกลายเป็นสาวหน้าอกแหลมเปี๊ยบ!    ที่ข้าพเจ้าไม่กล้าจ้องหน้าอกเธอแม้ว่าจะแปลกใจสักเพียงใดก็ตามที

จากรุ่นสู่รุ่นจากวัยผลัดวัย    มากมายที่ผ่านพ้นลับ  และมากมายที่ยังคงซื้อขายกันอย่างสม่ำเสมอ หลายครั้งที่เราเราจำเป็นต้อง แถม ให้ลูกค้าของเรา    ท่านต้องรู้ก่อนว่าเป็ดบ้านนั้น  ไม่ว่าจะขนาดเท่าลูกนกหรือโตใหญ่ขนาดเท่าห่าน  ราคามันก็เกือบหนึ่งร้อยบาทด้วยกันทั้งสิ้น!    ข้าพเจ้าจึงจำต้องกัน น่องเป็ด ไว้สำหรับถ้วยที่สั่งพิเศษ    แต่สำหรับลูกค้าผู้น่ารักของข้าพเจ้านั้น-เอาไปเลย!    ไม่ว่าจะสั่งพิเศษหรือธรรมดา    เขาจะต้องได้น่องเป็ดชิ้นใหญ่ๆชิ้นนั้นเท่านั้น&ไม่เป็นไร

จริงอยู่-ที่ข้าพเจ้าปรารถนากำไรให้มากมายที่สุด    จริงที่สุด-ที่ข้าพเจ้าปรารถนาจะลดต้นทุนให้น้อยที่ สุด    จริงอีกนั่นแหละ-ที่ข้าพเจ้าปรารถนาเม็ดเงินจำนวนไม่รู้จักที่สุด!    ปีกหนึ่งอันที่ข้าพเจ้าแถมไปในถ้วย  มันย่อมหมายถึงกำไรหดหายไปส่วนหนึ่ง  ย่อมหมายถึงต้นทุนเข้าเนื้อไปส่วนหนึ่ง  ย่อมหมายถึงเม็ดเงินที่หลุดมือไปส่วนหนึ่ง  แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าได้รับตอบกลับมาคือความพึงพอใจของลูกค้า  คือมิตรภาพอันแสนอบอุ่น  คือการพูดคุยสนทนาในหลายๆเรื่องแม้ในสถานที่นั้นไม่ใช่ร้านศิริวัฒน์      ข้าพเจ้าขาดทุนหรือกำไร? ข้าพเจ้าไม่สนใจแล้วล่ะว่าขาดทุนหรือกำไร    ข้าพเจ้ารู้เพียงว่าทำไมปาจึงมีความสุขมากนักในการค้า ขาย    และทำไมจึงพยายามเคี่ยวเข็ญให้ข้าพเจ้าค้าขายเยี่ยงที่ปาเคยค้าขาย  ด้วยวิธีเก่าๆ  ด้วยการค้าโบราณ    ด้วยอะไรก็แล้วแต่ที่ปาเคยอิดหนาระอาใจในความไม่เอาถ่านมาก่อนของข้าพเจ้า งานศพของปา      แขกของปาที่เราไม่รู้ว่าอยู่ที่แห่งใดและมีใครบ้างทยอยมาในงานกันแต่ละคืน    จน เมื่อสืบเค้าความทรงจำได้จากแม่และจากพวกเราสามพี่น้อง  จึงรู้ว่าส่วนหนึ่งเป็นเพื่อนฝูงปาที่ยังมีชีวิตอยู่  และส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเก่าของปาทั้งสิ้น!
๓). ปาสอนวิธีค้าขายให้ข้าพเจ้า    แม่สอนวิธีอยู่ร่วมกับเพื่อนมนุษย์ให้ข้าพเจ้า    อย่างไม่น่าเชื่อว่าทั้ง สองสิ่งนี้จะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน  ข้าพเจ้ากำลังเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างจากชั่วชีวิตของปาและของแม่    แหละในร้านหมี่เป็ดศิริวัฒน์นี่แหละ  ที่สัมพันธภาพระหว่างข้าพเจ้ากับลูกค้า  เป็นสัมพันธภาพที่มีชีวิต  มีน้ำเนื้อแห่งมนุษย์    และเป็นมิตร    ปรัชญาชีวิตมากมายอยู่ในถ้วยหมี่เป็ด  เช่นเดียวกับที่อยู่ในรอยอุ่นของก้นลูกค้าบนเก้าอี้
มันเป็นวิธีการค้าแบบเก่า  ที่นักธุรกิจสมัยใหม่แห่งยุคทุนนิยมเต็มตัวฉงน  และไม่เชื่อว่านี่คือวิธีการค้าที่สามารถสร้างค่ามนุษย์ได้เต็มจำนวนเม็ดเงิน!
ท่านนักธุรกิจสมัยใหม่ยุคทุนนิยมเต็มตัว    ท่านลองฟาดเด็กเบาะๆสักครั้ง    แล้วยิ้มให้ผู้ปกครองเด็ก ด้วยความหวังดีดูสิ    ข้าพเจ้าเชื่อว่าท่านโดนชกกลับมาแน่นอน!


ไม่เป็นไร&


หมี่เป็ด  ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก

๑๙  กันย์  ๒๕๔๖

พิมพ์ครั้งแรกที่  หนังสือพิมพ์โฟกัสภาคใต้      ๒๕ - ๓๑  ตุลาคม  ๒๕๔๖

Comment #1
ผักเสี้ยว (Not Member)
Posted @28 ก.ย.47 10.51 ip : 202...9

เก็บเก้าอี้ไม้ตัวสูงไว้อีกสัก ๔-๕ ปีนะคะ พี่... เผื่อได้พาใคร ๆ ไปนั่งบ้าง

^_^

Comment #2
เดอะแหลม (Not Member)
Posted @30 ก.ย.47 1.05 ip : 203...70

เข้ามาสืบประวัติก่อนเข้าร้านหมี่ ฮา  แต่อย่างไรกระผมก็ได้มากกว่าที่คิด....

Comment #3
มัชชี่ (Not Member)
Posted @2 ต.ค.47 12.41 ip : 203...117

\"\"\"จานั่งๆๆๆๆ เก้าอี้ไม้ เก้าอี้ไม้ ไม่อาวววพ๊าดติก

แสดงความคิดเห็น

« 3575
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 3 user(s)

User count is 2285754 person(s) and 9312471 hit(s) since 6 พ.ค. 2567 , Total 550 member(s).