ผู้ ร อ ค อ ย . . .
ผู้รอคอย
๑). แดดเดือนสามกำลังแรง ฟ้าโปร่งโล่งตลอดเหนือผืนน้ำทะเล ลิบลิบสุดตานั่นคือเส้นที่ แบ่งโลกเป็นสองโลก คงมีเพียงนางนวลกระมัง? ที่อาจหาญบินสูงเสียดฟ้า ร่อนโล้ทวนลมบกลมทะเล ข้ามวันข้ามคืนด้วยแรงปีกเรียว เพื่อนนำข่าวสักข่าวไปยังใครสักคน แหละด้วยปีกเรียวนี่แหละ ที่จะนำความขาวแห่งนางนวลคืนฝั่ง พร้อมข่าวอีกข่าวจากใครอีกคน แก่ผู้รอคอย ณ โลกใบนี้
มันเป็นความสุขหรือไร? กับการนั่งชันเข่าริมหาด เหม่อมองเลื่อนลอยอยู่ในภวังค์ มิ หลับหากก็มิตื่น ละอองทรายที่ลมปาดหาดแล้วหอบมารายเนื้อหน้า คาวเค็มที่คลื่นโยนฟองเป็นดวงดอกมาจับเนื้อหนังจนเหนียวเหนอะ แดดแรง ลมกล้า และเสียงใบสนลมเสียดอยู่ระบัด
มันเป็นความสุขเช่นนั้นหรือ? กับวิญญาณร่อนเร่ไปในความเวิ้งว้าง มิรู้อาณาเขต มิมี จุดจบ ความเงียบ ความกว้าง ความสูง และความลึกดิ่งดำลงสู่สะดือสมุทร เป็นความสุขนักหรือไร? กับการรอคอยบางสิ่งบางอย่างจะลอยแผ่วมาเหนือทิวคลื่น
ว่ากันว่า - กว่าดอกไม้สักดอกจะผลิบาน ต้องการการกรองกลั่นโดยวันเวลาอัน นานยาว นานเนิ่นเพียงพอที่ดอกเก่าจักร่วงโรยประดับความเหี่ยวเฉาให้กับผืนดินดำ แหละกว่าดอกใหม่จะตูมขึ้นมาอวดเต่ง ไม้ดอกชนิดนั้นได้ผ่านการร่ำไห้สิ้นหวัง และรอคอยมาอย่างร้าวราน
เธออยู่ ณ โลกของเธอ ไกลลิบ ณ ที่ซึ่งมองมิเห็นสักยอดคลื่น โลกของเธออยู่ในดิน
แดนแปลกตา ณ ที่ที่มิมีแม้ภาพจำลองใดในห้วงคำนึง ดินแดนแปลกตาของเธออยู่ในความว่างเปล่า เวิ้งว้าง แหละแสนเศร้า ณ ที่กาลเวลาเลื่อนไหลอย่างไร้ความหมาย กาลเวลาของเธออยู่ในความมืดดำ อันคล้ำเข้มคลี่ผืนเกินสีอื่นใดจะพร้อยแต้ม
คือความคิดถึง เมื่อปลาน้ำลึกสักตัวกระโดดโผงขึ้นมาบิน นกขาวผวาตกใจกับความ สง่างามของผิวแสนมันปลาบ แดดบ่ายสะท้อนละอองกระเซ็นที่ปลาน้ำลึกสะบัดตัวเหวี่ยง เป็นจุดวับวับอยู่ไกลโพ้น ณ ที่ซึ่งฉันมองเห็น
เป็นความสุขกระมัง? กับการล่องลอยไปในความเหงาเปลี่ยว มีบทเพลงบางบทขับ
กล่อมด้วยเส้นเสียงเบาบาง เป็นบรรทัดห้าเส้นที่กำลังโหนตัวเป็นท่วงทำนองแผ่วโผย เป็นความแผ่วโผยจากความอ่อนล้า เหน็ยเหนื่อย สิ้นหวัง เป็นหยาดคีย์ที่ร่วงลงมาทีละดวง ทีละดวง
ดวงตาคู่หนึ่ง กำลังมองหาบางสิ่งที่จักล่องลอยมาเหนือยผืนน้ำ
๒). อาจเป็นความหอมหวานเกินใดเปรียบกระมัง? ผู้รอคอยจึงได้แสนสุขด้วยความทุกข์ ทรมานฉะนี้ มันเป็นความจริงหรือลวง? กับความรู้สึกพลุ่งพล่านที่เงียบสงบ ความอึกทึกวุ่นวายของหัวใจอันแสนจะนิ่งสงัดของดวงหน้า ความรัก - ดำรงอยู่แท้จริง หรือเป็นเพียงความรู้สึกหนึ่งที่บังเกิดขึ้นมาในห้วงขณะหนึ่ง วัยวัยหนึ่ง? ความรัก มีตัวตนชัดเจน หรือเป็นเพียงภาพฝันที่ฉายเด่นชัดในยามตื่นและหลับ ทั้งยามร่ำไห้และหัวร่อ? ความรัก เป็นเพียงความป่วยไข้ของผู้เข้มแข็ง หรือเป็นความปรกติของผู้รอคอย?
โลกของเธอที่อยู่เบื้องหน้า เป็นเส้นแบ่งแบบบางที่แยกเราห่างจากกัน เสมือนใกล้
ใกล้เพียงผุดดำมิกี่อึดใจก็ถึงฝั่ง เสมือนห่าง ห่างพอที่จะมิได้ยินเสียงดอกไม้ผลิดอกพราว
เส้นที่แบ่งโลกออกเป็นสองโลก บางเบา ไกลห่าง ทอดยาวมิมีจุดสุดท้าย กระโดง ของเรือหาปลาลำหนึ่ง กำลังโผล่ธงเล็กๆสะบัดลมโต้คลื่นเข้าฝั่ง เชื่องช้า แช่มช้อย ดั่งหนึ่งเหนื่อยล้าเหลือเกินกับการเดินทาง ร่องรอยการผ่านพายุกระแสลมหนัก กราบเรือเอียงวูบอยู่เป็นระยะ เสียงตะโกนของนายท้าย เสียงลูกเรือฮึบ ระเบ็งเซ็งแซ่แล้วเลือนหายไปในที่สุด
นกขาวแอ่นปีกล้อลม โฉบเฉี่ยวฉวัดเฉวียนปลอบประโลมเรือ เสียงน้ำแตกซ่าด้วยฝี พายเฮือกสุดท้าย ฝั่งที่มีสายตาผู้รอคอยด้วยหัวใจเปี่ยมสุข และเสียงสวดมนต์
โดยฟ้ามิพักตั้งเค้า เรือลำนั้นก็ดิ่งจมลงสู่ห้วงลึกของมหาสมุทร และผู้รอคอยกำลังเริ่ม ต้นการร้องไห้อย่างโดดเดี่ยว อีกครั้ง
๒๙ พิจิก ๒๕๔๗