มาจากร้านหมี่เป็ดศิริวัฒน์ : คำถามของเพื่อนกวีที่ยังไม่มีคำตอบ

by หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก @13 ธ.ค.47 17.24 ( IP : 203...111 ) | Tags : เรื่องสั้น-ความเรียง

มาจากร้านหมี่เป็ดศิริวัฒน์ : คำถามของเพื่อนกวีที่ยังไม่มีคำตอบ


ข้าพเจ้ามองหน้า  ไม้หนึ่ง  ก กุนที  กวีหนุ่มมติชนผู้ที่ฮอตที่สุดใน พ.ศ. นั้นอย่างไม่เข้าใจคำถาม

๑).

เป็นปีก่อนน้ำท่วมใหญ่      และเป็นปีหลังจากที่เราได้เปิดตัวหนังสือรวมบทกวีร่วมกันที่ร้านนายอิน  ท่าพระจันทร์      กลิ่นสาปเป็ดที่เราสองคลุกคลีกันโดยอาชีพ  ได้ชักนำเราสองให้กลายเป็นมิตรที่เสมือนพี่น้อง        เราสองคนมาถึงวงการวรรณกวีไล่เรี่ยกัน    และพูดได้ว่าเราสองเป็นกวีหนุ่มที่คลับคล้ายจะเป็นคู่แฝดเลยทีเดียว    ในเมื่อมือของเราต่างถือปังตอขนาดใหญ่ไว้สับเป็ด    และมือเดียวกันนี้แหละที่จับปากกาเขียนบทกวีอันเกี่ยวเนื่องอยู่กับสัมมาชีพของเรา

ประเทศนี้  กวีแบบเป็ดเป็ดมีอยู่เพียงแค่สองนามเท่านั้น!


ก่อนปีน้ำท่วมใหญ่นั่นแหละ  ไม้หนึ่งได้จรมายังบ้านข้าพเจ้าอย่างฉับพลัน      ความรู้สึกร่วมในอาชีพของเรา    เป็นมิตรภาพแรกเริ่มที่เปิดอ้าแขนวงกว้างต้อนรับ      ให้เรารักใคร่ห่วงใยและดูแลกันมาจนบัดนี้      เขาได้เห็นและได้รับการอธิบายวิธีการทำเส้นบะหมี่ที่ข้าพเจ้าหวงแหนยิ่งนัก    ข้าพเจ้าบอกสูตรวิธีต้มเป็ดและวิธีการทำน้ำพะโล้ให้แก่เขา  ไม้หนึ่งสนอกสนใจและกระตือรือร้นในการรับรู้อย่างดียิ่ง    กระนั้นก็เถอะ  เพราะไม้หนึ่งยังไม่ได้ลงมือทำเอง  มันจึงยังกลายเป็นของยาก  และของหวงห้ามเฉพาะของข้าพเจ้าอยู่ต่อมา    ข้าพเจ้าตระเวนมอเตอร์ไซค์คู่ชีพพาไม้หนึ่งดูเมืองหาดใหญ่      ถนนหนทางสายหลักมีประวัติศาสตร์    หาดใหญ่ที่เตี่ยข้าพเจ้าก็เป็นรุ่นบุกเบิกก่อร่างสร้างเมืองมาเงียบๆด้วยอีกนาม      คืนหนึ่งเขาก็ถามคำถามแก่ข้าพเจ้าเอาดื้อๆ  ในขณะที่เรากำลังขับผ่านถนนสายสองตรงสี่แยกใหญ่      เฮีย  หาดใหญ่นี่ไม่มีตำรวจเลยหรือ?

ข้าพเจ้าจำได้    ข้าพเจ้าตอบไม้หนึ่งไปอย่างอ้อมแอ้ม  และไม่มั่นใจในคำตอบนั้นนักว่า&ที่นี่เมื่อเกิดอะไรขึ้น  เราเคลียกันเองได้      โอว&คำตอบที่แสนอหังการ!


ก็แล้วจะให้ข้าพเจ้าตอบได้อย่างไรเล่า    ว่าข้าพเจ้าเองก็ไม่ค่อยได้เห็นตำรวจนัก    ด้วยการประกอบอาชีพสุจริต  อีกทั้งไม่มีอะไรเป็นแผลหวะกลางหลัง  ข้าพเจ้าจะคำนึงทำไมว่าจะเจอตำรวจไหมหนอในยามนั้นนั้น    แหละเชื่อว่าการไม่เห็นตำรวจนี่คือสัญญาณบอกเราว่า  หาดใหญ่ของข้าพเจ้าสงบ  เรียบร้อย  และอยู่เย็นเป็นสุขยิ่ง  มิใช่หรือ?   


ว่าไปแล้ว -  หาดใหญ่มันก็เป็นเพียงเมืองเล็กๆ        ที่ภาพความเจริญอันปรากฏแก่สายตาชาวอื่นมันดูอลังการมโหฬารเหลือเกิน    ก็คงจะจริง      ถ้าหาดใหญ่หมายถึงถนนนิพัทธ์อุทิศ ๓    ที่มีความยาว ๒ กิโลเมตร      มันเริ่มต้นจากตลาดกิมหยงพาดเป็นเส้นตรงผ่านสันติสุขอันลั่นเลื่อน    แล้วไปสิ้นสุดที่ร้านข้าวหมูแดง    พูดให้ชัดชี้ให้เห็นผังภูมิเลยก็ต้องพูดว่า  หาดใหญ่ที่ชาวอื่นรู้จักนั้นคือตลาดกิมหยงและสันติสุขสองแห่งนี้เท่านั้นเอง      อย่างไรก็ตาม    ในยามมืดค่ำที่ดวงตะวันได้ลับไปพอสมควรแล้วนั้น    นักท่องราตรีทั้งไทยและเทศจะรู้จักหาดใหญ่ในนามของสวรรค์    อันเยี่ยมยอดในด้านโลกียกามคุณครบถ้วนทุกประการ

บางที - เราอาจต้องสร้างอนุสาวรีย์หญิงคณิกาและกะเทยเอาไว้ทั้งสี่มุมเมือง


คำตอบที่ข้าพเจ้าให้แก่ไม้หนึ่งนั้นลังเลไม่แน่ใจ    น้ำเสียงที่ออกมามันก็ฟ้องอยู่โทนโท่ถึงคู่คิ้วที่ขมวดเข้าหากันอย่างครุ่นคิดหนักใจ    แหละการเงียบอึ้งไปพักใหญ่ของไม้หนึ่ง    มันก็น่าจะบอกข้าพเจ้าว่าเขาไม่ค่อยมั่นใจนัก    ว่านั่นจะเป็นคำตอบที่ข้าพเจ้ามั่นใจ    จวบจนไม้หนึ่งกลับกรุงเทพไปพร้อมกับคำตอบแบบงงงง      และทิ้งคำถามของเขาให้ข้าพเจ้าขบคิดปวดกบาลเล่น


ข้าพเจ้าควบมอเตอร์ไซค์ไปยังบ้านของโจ      เพื่อนที่คบหาสมัยเรียนมัธยมมาด้วยกัน ผ่านอาบอบนวดหรูหราเลี้ยวขวาเข้าซอยก็ถึงหน้าบ้าน    ไอ้เบื๊อกหมาพันธุ์ทางแท้วิ่งกระดิกหางมาต้อนรับเป็นลำดับแรก      ข้าพเจ้าใช้เท้าเขี่ยๆปากมันเป็นการทักตอบ    ก่อนจะถีบมันไปห่างๆด้วยเหม็นสาปเหลือแสน      มันเป็นหมาที่เกิดมาจากอีเมา    อีเมาโดนรถชนตายไปหลายปีดีดักขณะที่ไอ้เบื๊อกยังเล็กอยู่มาก    มันจึงเติบโตขึ้นมาอย่างทรหดอดทน      ทนมือทนตีนเป็นที่สุด    โจกระเตงมันมาอยู่ซอยนี้ก็นับร่วมๆจะสิบปี    มันกำราบไอ้เขียวหมานักเลงท้ายซอยเสียจนไม่กล้าเดินแกว่งหางออกปากซอย      สาวๆทุกตัวล้วนถูกไอ้เบื๊อกใช้ความเจ้าชู้ยักษ์กล่อมเสียจนท้องโย้มีลูกเป็นคลอกๆ    เรื่องความเจ้าชู้ของมันนี่แหละ    ที่เราต่างรู้สึกเสียหน้าและอับอายมันเหลือเกิน      ไอ้เบื๊อกเองก็เหมือนจะรู้    เมื่อใดที่เราหงุดหงิดหาที่ระบายไม่ได้    ถ้าไม่ดึงหูมันมาด่า    เราก็มักจะเตะมันสักป๊าบระบายอารมณ์    จึง  เมื่อใดที่เราอยู่กันพร้อมหน้า  เมื่อนั้นมันมักจะวิ่งเข้าท้ายซอย  เห่าดังๆแสดงอำนาจและบารมีเรียกสาวๆของมันให้ออกมาเดินเคียงคู่    มันจะเดินกลับมาอย่างองอาจ  ทระนงด้วยหมาตัวเมียสองตัวขนาบข้างเสมอ    ใครบางคนในกลุ่มพวกเราทะลึ่งเห็นไอ้เบื๊อกยักคิ้วอย่างกระหยิ่มและเหยียดเย้ย ข้าพเจ้ากัดฟัน      มองมันด้วยความหมั่นไส้แกมอิจฉา !

๒).

เมื่อ ๒๘ กันยายน  ๒๕๔๗  รุ่งขึ้นอีกวันก็จะเป็นวันบุญสารทเดือนสิบหนหลัง    อันนับเป็นประเพณีสำคัญยิ่งของคนใต้    ด้วยมันหมายถึงการรวมญาติพี่น้องมิตรสหายที่จากหายห่างเหินกันไปให้มาพร้อมหน้ากัน    และตามความเชื่อว่าเป็นวันที่บรรพบุรุษ,คนที่จากไป    จะได้รับอานิสงค์ผลบุญใหญ่หลวง    ก็คงเหมือนกับวันสงกรานต์ที่เป็นวันสำคัญยิ่งของชาวอีสานนั่นกระมัง      ที่สำคัญขนาดยอมขัดใจนายจ้างยอมถูกไล่ออกจากงานเพื่อกลับบ้าน    คนไร้รากไร้ภูมิหลังไร้ความผูกพันต่อแผ่นดินเกิดไม่มีวันเข้าใจอารมณ์นี้เด็ดขาด 


พี่ติ่งขับมอเตอร์ไซค์ไปหาซื้อข้าวของดอกไม้เพื่อใช้ในงานเดือนสิบ    ที่เราตั้งใจจะทำบุญอุทิศผลบุญกุศลไปยังเตี่ยที่ลาจากเราไปเมื่อปีก่อน    พี่ติ่งลัดเลาะไปตามถนนหนทางที่แออัดคับคั่งของฝูงชน    รถยนต์ป้ายทะเบียนต่างจังหวัดวิ่งกันขวักไขว่  นั่นหมายความว่าพวกเขากลับมาบ้านแล้ว  เลี้ยวซ้ายเข้าสามชัยไปจนถึงร้านขนมจีนชิ่อดัง  พลันนั้นวัยรุ่นสองคนก็ขับมอเตอรไซค์ปราดเข้ามากระชากกระเป๋า    แล้วถีบล้มลงคว่ำเค้เก้    พี่ติ่งไม่รู้หรอกว่าจะมีเสียงหวีดร้องของคนย่านนั้นหรือไม่      ไม่สลบ  แต่ก็ไม่มีสติเพียงพอที่จะจดจำรายละเอียดใดใดได้เลย    มูลนิธิท่งเซียเซี้ยงตึ๊งเปิดหวอแดงวับวับมาแต่ไกล    ขณะนั้นเป็นเวลา  ๔  โมงเย็นกว่าๆ&..

ข้าพเจ้ากำลังยกเบียร์ขึ้นจิบ    คุยอย่างออกรสอยู่กับ  มาโนช  นิสรา , อภิชาติ  จันทร์แดง  กวีหนุ่มที่มาเยือน      เสียงโทรศัพท์จากตัวแทนประกันก็ดังขึ้นมาทันที!


พี่ติ่งนอนอยู่ในห้องฉุกเฉินอุบัติเหตุของโรงพยาบาลเอกชน    ในสภาพเวทนาที่ข้าพเจ้าต้องเบือนหน้าหนี    เลือดที่โซมตัว    แขนขาที่หักงอเห็นชัด    ดวงตาข้างขวาที่ปูดโปนแทบทะเล็ด    ใบหน้าข้างขวาชุ่มไปด้วยเลือด ไม่มีเสียงโอดโอยอันเป็นปกติของพี่ติ่ง  ที่แม้ถูกมีดบาดก็สามารถโหวกเหวกโวยวายจนบ้านแทบระเบิด    พี่ติ่งนอนเงียบจนอดใจหายไม่ได้    หัวใจเย็นวาบกับสภาพครึ่งคนครึ่งศพนั้น    ข้าพเจ้านึกถึงแม่ในทันใด    แม่ต้องรู้แน่    ไม่บอกวันนี้พรุ่งนี้ก็ต้องรู้    แกอายุมากแล้ว    ซ้ำหลายปีมานี้มีเรื่องให้แกปวดหัวกลุ้มใจอยู่มิได้ขาด    เรารับเรื่องร้ายๆที่โถมเข้ามาจนมิได้หยุดหายใจเลยใน ๒ ปีที่ผ่าน    เราควรจะมีโชคบ้างสิ    เราผจญกับความโชคร้ายมาพอควรแล้ว  เรา  ข้าพเจ้ากับพี่หมวยตกลงกันว่าค่อยบอกแม่วันพรุ่งนี้  อย่างน้อย  คืนนี้ก็ขอให้แม่นอนหลับอิ่มตาสักคืน..

หมอของโรงพยาบาลเอกชนแห่งนั้นวินิจฉัยว่า    ขาขวาหักสามท่อน    เข่าทรุด    แขนหัก  ดั้งจมูกหัก    และกำลังดูอาการว่าฐานรองกะโหลกจะเป็นอะไรหรือไม่    นี่มันไม่ใช่คดีฉกชิงวิ่งราวธรรมดาแล้ว    มันคดีพยายามฆ่าชัดๆ!    ข้าพเจ้าสอบถามค่ารักษาจากทางโรงพยาบาลด้วยความกังวลใจ    สิทธิจากประกันชีวิตของพี่ติ่งนั้น  ข้าพเจ้าไม่รู้เลยว่ามีอะไรบ้าง    เจ้าหน้าที่คำนวณตัวเลขในใจ  แล้วงบอกจำนวนแสนกว่าเป็นอย่างน้อย        ข้าพเจ้ามองหน้าพี่หมวย      เราสองคนคิดถึงโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (รพ.มอ.)ขึ้นมาทันที


ด้วยความสัตย์จริง        ข้าพเจ้าปรารถนาให้พี่ติ่งได้รับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน    ก็ด้วยเหตุผลเดียวคือ  สภาพแวดล้อมอันไม่รันทดหดหู่เวทนานัก    ข้าพเจ้าเชื่อว่าบรรยากาศที่ดี    จะเป็นการรักษาที่ได้ผลดียิ่งขึ้น  มันเป็นเหตุผลที่สมเหตุผลพอสมควร    หากเรามีกำลังเพียงพอในการใช้จ่าย  แต่เนื่องด้วยข้าพเจ้ามีรายจ่ายมากมายในปีก่อน  และมันยังไม่ฟื้นคืนมาเลยแม้สักนิดเดียวนี่สิ    การย้ายคนเจ็บไป รพ.มอ. จึงต้องกระทำกันในคืนนั้น    และด้วยความร่วมมือจากโรงพยาบาลทั้งสอง  ข้าพเจ้าขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย


สิ่งที่น่ากลัวกว่าอาการบาดเจ็บของพี่ติ่ง    คือการที่พยาบาลของ รพ.มอ. บอกว่าในแต่ละวัน    มีผู้บาดเจ็บจากกรณีเช่นนี้ส่งมารักษาตัวเยอะมาก    มากเสียจนพยาบาลวอร์ดอุบัติเหตุได้แต่ส่ายหน้าถอนใจ    ก่อนหน้านี้ก็ได้ยินคนลือกันบ่อยๆ  ว่าหาดใหญ่เดี๋ยวนี้เต็มไปด้วยโจรวัยรุ่น  ที่แรกๆก็ก่อคดีฉกฉวยกระเป๋าสาวๆที่วางในตะกร้าหน้ามอเตอร์ไซค์    พอเหยื่อรู้ทันมุขหันมาสะพายแทน    มันก็เปลี่ยนเป็นกระชากเอาหน้าด้านๆ      ครั้นเหยื่อสวมเสื้อเจ็กเก็ตคลุมไว้อีกชั้น  คราวนี้มันกระชากกระเป๋าแล้วถีบมอเตอร์ไซค์เสียเลย    มีคนลือกันหนาหูอีกว่า    หลายครั้งที่มันถีบแล้วลงไปกระทืบซ้ำ    หากเหยื่อยังจับกระเป๋าตนเองไว้แน่น

ถ้าเป็นเรื่องจริงก็น่ากลัวมาก    ยิ่งที่ลือกันว่ามันสามารถถีบคนท้องแก่ลงไปนอนเค้งเก้งได้ด้วย  หรือถีบคันที่พ่อขับแม่อุ้มลูกตัวเล็ก  จนลูกไม่กี่ขวบลอยกระเด็นหัวฟาดฟุตบาธ    มันคงไม่ใช่น่ากลัวเพียงอย่างเดียวแล้วกระมัง?  มันเป็นเรื่องสยดสยองขนหัวลุกชัดๆ


ที่ไหนๆมันก็มีโจร    ข้าพเจ้าบอกทุกคนที่ถามไถ่อาการของพี่ติ่ง    เพียงแต่ว่าไอ้ที่ไหนๆนั้น    โจรจะเยอะจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งเอาการเอางานของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีแค่ไหน    การช่วยกันสอดส่องดูแลของคนในสังคมมีแค่ไหน      มี ข่าวลือ หนาหูเกี่ยวกับการอาละวาดของโจรวัยรุ่น    ไม่กี่เดือนก่อนตึกแถวล็อคเดียวกับบ้านข้าพเจ้า    บนดาดฟ้าที่เจ้าของบ้านกั้นลูกกรงปิดไว้อีกชั้นนั้น    ถูกแมวตัวเขื่องเจาะช่องเป็นรูสามหลัง    มันไม่ได้อะไรไปหรอก    คาดว่าคงจะเจาะดูลาดเลา    แล้วคอยหาโอกาสอันเหมาะเท่านั้นมากกว่า    ข่าวลือเรื่องโจรกระชากกระเป๋าแล้วถีบมอเตอร์ไซค์มีเยอะมาก    สี่ทุ่มคืนหนึ่งหลังแบงก์ชาติ    มันจี้เอากางเกงผู้ชายคนขับ  แล้วหิ้วผู้หญิงที่นั่งซ้อนท้ายหายไปลับตา    ผู้หญิงท้องแก่มันยังถีบรถได้ลงคอ    ถีบจนทารกที่แม่อุ้มนั้นลอยหัวฟาดฟุตบาธ    ๗ โมงเช้าที่หน้าโรงเรียน    ที่โน่นที่นั่น  ดูเหมือนที่ไหนๆก็จะมีแต่เรื่องอาชญากรรมลักษณะนี้  หนักบ้างเบาบ้างแล้วแต่โชคของผู้ประสบเคราะห์    ปีก่อน  ร้านเกมตรงข้ามบ้านข้าพเจ้าเวลา ๑ ทุ่ม  ที่รถวิ่งกันพลุกพล่านคนเดินถนนขวักไขว่    และเด็กนั่งเล่นเกมในร้านเต็มทุกที่    เจ้าของร้านโดนโจรวัยรุ่นใช้ปืนจี้หัวบังคับให้ถอดสร้อย    ลูกตาล  เด็กสาวที่ข้าพเจ้ารู้จัก  ไปแจ้งความเรื่องถูกกระชากกระเป๋า  ตำรวจถอนหายใจเหนื่อยอ่อนและบอกว่า  นี่รายที่ ๔๐ กว่าแล้วของวันนั้น

มีคนตายและมีคนเจ็บหนักถึงขั้นเป็นเจ้าหญิงนิทรา  มีความน่ากลัวปกคลุมเต็มเมือง!


จริงอยู่  มันเป็นข่าวลือ    ที่ปากต่อปากบอกต่อๆกันไปขยายวงกว้างขึ้น  และอาจจะขยายเนื้อเรื่องออกไปตามปาก      แต่พยาบาลยืนยันว่ามีคนถูกนำส่งโรงพยาบาลวันละหลายรายจากเหตุดังกล่าวนี้      ข้าพเจ้ามองบ้านเกิดของตัวเองอย่างแปลกหน้าเข้าไปทุกที    ที่เห็นเต็มตาชัดๆแจ่มๆที่สุด  ก็วันฮารีรายอที่ผ่านมา    นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียที่หายหน้าไปนานหลายเดือนได้เริ่มมาเที่ยวกันอีกครั้ง    แม้จะเป็นจำนวนน้อยนิดก็ตามที  แต่ก็เป็นสัญญาณดีมิใช่หรือ?    ว่าเขากำลังเริ่มไว้วางใจสถานการณ์ของบ้านเมืองเรา  และเหตุการชายแดนใต้ไม่ได้เป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับเขาเลย    ขณะนั้นข้าพเจ้ากำลังสับไก่  มีดอีโต้คมวับกระหน่ำบนไก่อย่างละเมียด  พลันได้ยินเสียงเอะอะโวยวายภาษาจีนล้งเล้งอยู่ตรงข้ามบ้าน    เงยหน้าจากไก่ขึ้นดูก็เห็นการยื้อยุดกระเป๋าระหว่างหญิงกลางคนชาวมาเลเซียกับโจรวัยรุ่นสองคน    ทีแรกข้าพเจ้าคิดว่าวัยรุ่นตีกัน    ด้วยมีรถตุ๊กตุ๊กบังหน้าอยู่อีกชั้นหนึ่ง    โจรเสียหลักมอเตอร์ไซค์ล้ม    มีผู้ชายสองสามคนวิ่งกรูข้ามฟากไปยังที่เกิดเหตุ  น่าเสียดายที่โจรมันไปได้เสียก่อน    มันเป็นเวลา  ๖  โมงเช้าแท้ๆ    เวลาที่พระออกบิณฑบาตรแท้ๆ  เวลาที่โลกกำลังเริ่มต้นใหม่อีกวันด้วยความสดชื่นของลมเย็นๆจากเขาคอหงส์แท้ๆ

คืนนั้นข้าพเจ้านอนกระดิกนิ้วเท้าครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง    มันเกิดอะไรขึ้นวะ?


ที่ไหนไหนมันก็มีโจร    นี่เป็นเรื่องจริง    แต่ที่ไหนไหนที่อื่นๆที่โจรน้อยหน่อยนั้น    เราจะอนุมานประมวลสรุปได้อย่างไร  ถ้าไม่ใช่เพราะโจรเกรงกลัวกฎหมาย?    นั่นหมายความว่าผู้รักษากฎหมายเข้มแข็ง    ปฏิบัติหน้าที่ราชการได้สมศักดิ์ศรีตำรวจที่มีเกียรติ    สำนึกตำรวจมีอยู่ล้นพ้น    ประชาชนที่ไหนไหนที่อื่นๆที่มีตำรวจอย่างนี้  เขาก็นอนตาหลับได้สนิทใจ  ไปไหนมาไหนได้โดยไม่ต้องสงสัยความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตน    มันควรจะเป็นเช่นนี้    สังคมควรจะสงบ    อยู่กันพึ่งพากันเกื้อกูลกัน    มีกฎหมายไว้ให้ปฏิบัติตาม  มันควรจะเป็นเช่นนี้มิใช่หรือ?


สังคมเติบโตขึ้นตามพัฒนาการ    ความน่ากลัวของมันซับซ้อนยิ่งขึ้น    เช่นที่ความปลอดภัยของเราก็ยิ่งน้อยลง  สังคมโตขึ้น  ความปลอดภัยน้อยลง    ความปลอดภัยน้อยลง  เรายิ่งดิ้นรนป้องกันตัวเอง  และที่สุด  มันก็จะเท่ากับความไม่ไว้วางใจในเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน      นี่มันเป็นสังคมประเภทไหนหนอ?    ข้าพเจ้ามิเคยปรารถนาสังคมเช่นนี้เลย    แน่ล่ะ  ที่เราจะหวังพึ่งตำรวจฝ่ายเดียวคงไม่ได้    การหาทางป้องกันจึงยังเป็นมาตรการที่จำเป็น  และสำคัญอย่างที่สุดทุกยุคสมัย    และข้าพเจ้าเชื่อว่าการลือข่าวเป็นมาตรการป้องกันอีกทางหนึ่ง

ความไม่ไว้วางใจในเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนี่แหละ  ที่เป็นเรื่องน่ากลัวที่สุดของสังคม


เกือบจะทุกคนที่ถามถึงอาการของพี่ติ่ง    เขาต้องมีคำถามเกิดขึ้นมากมายให้ข้าพเจ้าตอบ  จับโจรได้ไหม?  ทำไมชีวิตไม่ไม่ปลอดภัยได้ขนาดนี้?  โดนเหมือนกันหรือ?  ฯลฯ      แน่ล่ะ  คนถามมิได้ต้องการคำตอบตามคำถามนั้น    แต่เขากำลังถามถึงความปลอดภัยในชีวิต  ทรัพย์สินของ เรา    ข้าพเจ้าโทรฯไปรายการร่วมด้วยช่วยกันทางสถานีวิทยุ    ทางรายการต่อสายไปยังโรงพัก    โรงพักให้คำตอบว่ากำลังพลไม่เพียงพอ      นี่เป็นคำตอบที่อภิมหาอมตนิรันดร์กาลจริงๆ


ข้าพเจ้าครึ้มอกครึ้มใจคิดเล่นๆดู    ว่าหน่วยจราจรนั้นเป็นหน้าที่โดยตรงของตำรวจจริงหรือ?    และการดูแลท้องถนนยวดยานสัญจรไปมา  การให้ความสะดวกแก่เด็กนักเรียนในการข้ามถนน    เป่านกหวีดยกมือห้ามรถโบกรถนั้น  มันสมศักดิ์ศรีตำรวจมากน้อยแค่ไหน?    ข้าพเจ้าคิดต่อไปว่า    การเป่านกหวีดห้ามรถเพื่อให้นักเรียนข้ามถนนนั้น  ลูกเสือสำรองของโรงเรียนนั้นนั้นน่าจะทำเองได้    จัดอบรมอาสาสมัครต่างๆที่มีเยอะแยะในเมืองให้มีความรู้เรื่องการจราจร  แล้วให้เขาเหล่านั้นปฏิบัติหน้าที่แทน      การตรวจจับหมวกกันน็อค  ใบขับขี่  ไม่น่าจะเหลือบ่ากว่าแรงของอาสาสมัครเลย      แล้วโอนย้ายหน่วยจราจรเข้าสู่องค์การปกครองท้องถิ่น      เอาตำรวจจราจรที่มีอยู่มากมายนั้นไปปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจให้สมนิยามผู้พิทักษ์สันติราษฏร์    มันควรจะเป็นเช่นนี้หรือมิใช่?

และข้าพเจ้าแปลกใจเป็นล้นพ้น เมื่อรู้มาว่าค่าปรับจากใบสั่งนั้น  หารครึ่งกับผู้ตรวจจับ!

๓).

แน่ล่ะ -  ไอ้เบื๊อกมันจะต้องไม่ชอบข้าพเจ้านัก    การเอียงคอเลิกคิ้วข้างเดียวจ้องข้าพเจ้านั้น    มันบอกว่ามันไม่ไว้วางใจข้าพเจ้าแต่อย่างใดเลย    แหละรู้ด้วยว่านายมันไม่เคยสนใจที่จะคิดช่วยเหลือในยามข้าพเจ้าหงุดหงิดใส่    พฤติกรรมก้าวร้าวที่มันตอบโต้ได้มีเพียงวิธีเดียว    คือการหาจุดอ่อนข้าพเจ้าให้ได้  หมามันเป็นสัตว์ที่เรียนรู้ได้เร็วจริงๆ    มันอาจจะนั่งอยู่ห่างๆ    เห็นแววบางแววในดวงตาข้าพเจ้าเมื่อมีสาวสวยเดินผ่าน    แววนั้นอาจเลื่อนลอย  ครุ่นคิด  หม่นหมอง    มันอาจกำลังยิ้มมุมปากเหยียดๆ  เย้ยถากถางแกมสมเพชในชีวิตโดดเดี่ยวโด่เด่ของข้าพเจ้า    แล้วมันก็จะวิ่งเหยาะๆไปท้ายซอย    เพื่อกลับออกมาพร้อมสาวสองตัวขนาบข้าง


จนบัดนี้ - ข้าพเจ้ายังจนปัญญาจะหาคำตอบที่ดูดีให้ไม้หนึ่งได้    และคร้านที่จะขบคิดหาคำตอบใดใดทั้งสิ้นแล้วด้วย    ตราบใดที่เรายังต้องระวังตัวทุกลมหายใจ    สิ้นไร้ความไว้วางใจในเพื่อนร่วมสังคม    เราแปลกหน้าต่อกัน    เราต่างโดดเดี่ยวต่อกัน    เราไม่เชื่อใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

เราก็คงเหมือนไอ้เบื๊อก    หมาขี้เรื้อนลูกกำพร้ากระมัง    ที่ต่างมองกันและกันด้วยวิธีเลิกคิ้วเอียงคอ ? 


๓๐  พิจิก  ๒๕๔๗

Comment #1
ภัควดี (Not Member)
Posted @14 ธ.ค.47 19.09 ip : 210...141

เสียใจด้วยค่ะกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ขอให้พี่ติ่งหายเร็ว ๆ นะคะ

ตำรวจมัวแต่ไปรับเงินตามบ่อนอยู่มั้ง  ถ้าจะหาตำรวจที่หาดใหญ่  คงต้องไปตามหาที่บ่อนค่ะ

Comment #2
Posted @14 ธ.ค.47 20.54 ip : 203...111

ไม่ก็ตามถนนที่มุมอับๆนั่นแหละพี่ภัค    จะมีการตั้งด่านจับหมวกกันน็อคอย่างเอาเป็นเอาตาย  เอาการเอางาน  ทั้งที่กฏหมายบังคับให้ตั้งด่านเป็นกิจลักษณะ  ต้องมี ตร. 5 นายขึ้นไป และต้องมีสัญญาบัตรอยู่ด้วย 


สักเดือนที่ผ่าน  ตร. ตั้งด่านหน้าโรงแรมโฆษิตตอนเช้าเลย  30 นาย!

ไหนว่ากำลังพลไม่พอ?


ตอนไปแจ้งความ  สารวัตรบอกผมว่า  ไม่มีพยาน  ไม่รู้จะตามคนร้ายยังไง?  จริงๆนี่มันคือหน้าที่โดยตรงของ ตร. มิใช่หรือ?  คุณเรียนมาก็เพื่องานเช่นนี้มิใช่หรือ?  งั้นวันหนึ่ง  ที่โจรตาถั่วมันกระชากกระเป๋าเมียผู้กำกับ  ทำไม ตร. ตามจับได้ภายในวันเดียว  ยกแก็ง 7 คนของกลางครบ?  ในเมื่อไม่มีพยานเช่นกัน

ทำไมมีหลายรายมาก  ที่ไปแจ้งความแล้วโดน ตร. บอกว่าให้ทำใจซะ  ทำไมต้องตะคอกเจ้าทุกข์  ว่าไม่ดูแลทรัพย์สินตัวเองให้ดี?  ทำไมเจ้าทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงจึงพูดเป็นเสียงเดียวว่า  ไม่เชื่อน้ำยา ตร. 


หาสดใหญ่เดี๋ยวนี้บ่อนจะยังมีเยนอะอีกไหม  ผมไม่ทราบ  แต่โต๊ะบอลนั้น  โคตรเยอะเลย  โต๊ะใหญ่ 2 โต๊ะแถวคลองแห  ว่ากันว่าจ่ายผู้ใหญ่เดือนละเกือบล้านต่อโต๊ะ !

น่าจะจริง  เพราะตอนไปแจ้งความนั้น  ตร. ใหญ่ท่านหยิบ นสพ. สตาร์ซอกเกอร์ไปอ่าน  และพูดว่า "ผมชอบดูบอล"


และจนบัดนี้เกือบๆ 3 เดือนแล้วที่พี่ติ่งเจ็บ  ยังไม่มี ตร. หน้าไหนมาสอบปากคำสักนาย  มันละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ชัดๆ


ผมไม่เคยเชื่อถือ ตร.  และเหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้ผมมอง ตร. ด้วยความรู้สึกไม่ดียิ่งขึ้น    หลายเดือนก่อน  ร้านรสอีสานข้างร้านผม  ตอนบ่าย 2  ลูกค้า 2 คนผัวเมียเขากำลังทานส้มตำ  แล้วก็มีโจรมาวิ่งราวกระเป๋าที่วางไว้บนเก้าอี้    วันนั้น ตร. พรึบมาทันทีเกือบ 10 นาย  ทั้งมอเตอร์ไซค์ทั้งกระบะ  แล้วมาถามรูปพรรณคนร้ายเอาจากพวกผมที่เห็นเหตุการณ์ตลอด

เจ้าทุกข์รายนั้นเป็นเจ้าของร้านทองย่งเตียง  ที่มี 3 สาขา ในหาดใหญ่!


ข่าวลือไม่ใช่ว่าจะเท็จเสมอไป  ยิ่งลือกันหนักหน่วง  ยิ่งผิดสังเกตุถึงความผิดปกติของสังคม    ผมขำมากที่ได้ยินข่าวลือข่าวหนึ่ง  ตร. โดนโจรจี้เอาปืนไปแถวท่าเคียน!

ผมจะพึ่ง ตร. ได้ไหมนี่?


บางที  การย้าย ตร. หาดใหญ่ไป นราธิวาส  คงเป็นเรื่องดี  และจำเป็นเร่งด่วนที่สุดกระมัง?

Comment #3
ปุถุชน (Not Member)
Posted @21 ธ.ค.47 14.58 ip : 202...201

คงจะระดมพลไปตบเท้าแถวบ้านผมกระมั้งน่ะ....

Comment #4
คัมภีร์ราม (Not Member)
Posted @22 ก.ย.50 16.39 ip : 203...100

(  พูดถึงอาหาร ) หมี่เป็ดและข้าวหน้าเป็ด...อาหารสองอย่างนี้ขาดสิ่งสำคัญสองสิ่ง.....หัวใจและเครื่องใน...จานหน้าขอด้วย....ชอบกิน

แสดงความคิดเห็น

« 3575
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 9 user(s)

User count is 2285663 person(s) and 9312298 hit(s) since 6 พ.ค. 2567 , Total 550 member(s).