มาจากร้านหมี่เป็ดศิริวัฒน์ : วัฒนธรรมก้อนครึ่งไม่ชูรส

by หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก @3 ก.พ.48 17.57 ( IP : 203...162 ) | Tags : เรื่องสั้น-ความเรียง

มาจากร้านหมี่เป็ดศิริวัฒน์ : วัฒนธรรมก้อนครึ่งไม่ชูรส.

สักวันข้าพเจ้าจะโค่นล้มโรงงานผงชูรสทุกแห่ง! ๑). อาจเรียกได้ว่า -        การทำเส้นบะหมี่ของที่ร้านเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน    ด้วยเครื่องจักรไม่กี่แรงม้าสองตัว    ตัวหนึ่งส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวกึกก้องไปทั้งละม้ายสงเคราะห์    มันกระแทกประสาทผู้คนด้วยการกระหน่ำทุ่นลงเนื้อแป้งปัง  ปัง      สายพานส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเอี๊ยดอ๊าด      ขณะที่อีกตัวนั้นจะรีดแป้งที่ถูกกระหน่ำจนแบนเรียบให้ราบบางลงไปอีก    เราสร้างห้องทำเส้นเอาไว้หลังบ้าน    ปิดประตูมิดชิดเพื่อต้องการฟังเสียงราวโลกถล่มทลายไว้ตามลำพังอย่างหวงแหนยิ่ง    และเพื่อกล้ามเนื้อทุกมัดของเราจะได้หลั่งเหงื่อบริสุทธิ์ชะโลมเนื้อตัวสีทองแดงเข้ม!

แต่เครื่องจักรนั้นก็หาใช่คำตอบสำเร็จรูปไม่      สำหรับบะหมี่ที่ต้องการความเหนียวนุ่ม    และนิ้วโป้งจากลูกค้า

โรงกลึงแห่งหนึ่งในกรุงเทพได้เสนอเครื่องทำบะหมี่แบบเทแป้งลงไป    กดสวิชท์แล้วไปนั่งกระดิกเท้าอ่านหนังสือพิมพ์    รอบะหมี่ที่จะออกมาเป็นก้อนๆโดยไม่ต้องมานั่งปั้นทีละก้อนเหมือนก่อน      ข้าพเจ้าออกจะเคลิ้มๆอยู่เหมือนกันกับศักยภาพของเครื่องจักร    อีกทั้งช่วงเวลาหลายชั่วโมงยังสามารถทำอย่างอื่นได้  มันคงจะดีที่เราสามารถทุ่นแรงทุ่นเวลา    หากพลันนั้น  ข้าพเจ้ามิฉุกคิดถึงองค์ประกอบอันสำคัญยิ่งของการทำเส้น

จะว่าดักดานก็ย่อมได้    จะว่าโง่ก็ย่อมได้เข้าไปใหญ่    กับการที่ข้าพเจ้าเชื่อมั่นในคุณค่าแรงงานมนุษย์    มากกว่าระบบออโตเมติคของเครื่องจักรกล    สองมือที่นวดแป้งนับสิบกิโลให้ได้แป้งเนื้อเหนียวนั้น    มันละเอียดอ่อนเกินกว่าเครื่องจักรไร้ความรู้สึกจะสัมผัสได้    ด้วยสองมืออันแกร่งที่ขยำขยี้เนื้อแป้งจนเหนียวเหนอะเป็นเนื้อเดียวกันนี่แหละ    ที่จะรู้ว่าต้องเหนียวต้องนิ่มอีกเพียงไรจึงจะอร่อยพอดีลิ้น    เครื่องจักรที่ไหนในโลกก็ทำไม่ได้หรอกท่าน

เสียก็แต่การนวดแป้งด้วยมือนี้    มันปวดบั้นเอวชะมัด..

เถ่าชิ่วผู้ผ่านการลวกหมี่มานับสิบปี    ย่อมรู้ดีว่าทำอย่างไรหมี่หนึ่งก้อนจึงจะสุกได้นุ่มเหนียว    ทำอย่างไรจึงจะสะเด็ดน้ำออกได้หมด    เพื่อรอการคลุกน้ำมันกรุ่นหอมกระเทียมเจียว    บะหมี่แต่ละก้อนมันจึงคือผลิตผลทางศิลปะชนิดหนึ่ง    ที่ต้องศิลปินเท่านั้นจึงจะเนรมิตขึ้นมาได้  เถ่าชิ่วเจ้าอื่นอาจลวกหมี่ได้อ่อนช้อย  ท่วงท่างดงามชวนมองเพลิน    แต่สำหรับเถ่าชิ่วอย่างข้าพเจ้านั้น    ข้าพเจ้าผู้มีนัยน์ตาสีสนิมเหล็กนี่แหละ  ท่วงท่าหาได้อ่อนช้อยแช่มช้าเหมือนการรำบำบวงถวายสักการะเทพองค์ใดไม่    การเกร็งกล้ามเนื้อแขน  ลำคอ  หน้าท้อง  และขาที่แยกห่างกันเป็นฐานอันมั่นคง  ดวงตาที่จับจ้องขมึงทึง    คู่คิ้วที่ขมวดเข้าหากัน    ข้าพเจ้ามิปรารถนาแม้สักนิด      หากบะหมี่ก้อนนั้นมิผ่านอากาศก่อนร่วงลงสู่ตะแกรง    ในขณะนั้นสมองข้าพเจ้าก็กำลังคำนวณเวลา  จำนวนลูกค้าที่รออยู่    พร้อมๆกับรายการต่างๆของลูกค้าที่เรียงทะยอยออเดอร์กันมา  ข้าพเจ้าใช้ตะเกียบขนาดยาว    กวนบะหมี่ในถ้วยให้คลุกน้ำมันกระเทียมเจียว      รุนแรง  กราดเกรี้ยว  เด็ดเดี่ยว  และอย่างเด็ดขาด

เช่นนี้  ข้าพเจ้าจะเป็น บะหมี่เทพ ได้อย่างไร?    นอกเสียจาก บะหมี่เดวิล  ผู้ขายวิญญาณให้แล้วกับซาตานบะหมี่!

การจะได้มาซึ่งบะหมี่แต่ละถ้วยมันมีประวัติศาสตร์    เป็นประวัติศาสตร์ที่ถ่ายทอดจากคนไปสู่คน    แรงงานและความทุ่มเทในห้องแป้ง    การลวกที่ยืนระยะเวลามายาวนาน    ชื่อเสียงที่เตี่ยสั่งสมมานับสิบสิบปี    มันเป็นการเจือความภาคภูมิใจและรักในการงานลงในบะหมี่แต่ละถ้วย    เป็นการอยู่ร่วมกันและกันในสังคม    รสชาติคือการปรุงแต่งฉันใด    ข้าพเจ้าก็กำลังปรุงแต่งรสชาติอย่างเอาเป็นเอาตาย    จึงไม่แปลกใจนักที่จะเห็นลูกค้ามากรายสั่งบะหมี่ถ้วยละสองก้อน    สามก้อน  ไปจนถึงสี่ก้อน

บะหมี่หนึ่งก้อนมีขนาดเท่าใด?  ข้าพเจ้าคงคลี่แล้วนับเส้นให้ท่านไม่ได้หรอก    เอาเป็นว่า  สำหรับหญิงสาวสวยสะโอดสะองกินหนึ่งอิ่ม    ท่านพอจะนึกภาพออกได้บ้างกระมัง?

แต่สำหรับ ไอซ์  เด็กสาวมัธยม ๕  สวย  บอบบาง  และร่าเริงอารมณ์ดีเสมอ    เธอมั่นคงอยู่กับบะหมี่น้ำสี่ก้อน  ไก่อย่างเดียวไม่หนังไม่ผัก  ไม่กระเทียมเจียว    มาตลอด  ๑๐  ปีเต็ม    เธอจะสั่งบะหมี่อย่างไม่รู้สึกว่าต้องอับอายแต่อย่างใดกับการเป็นคนกินจุ      แม้ทุกครั้งทุกสายตาจะจับจ้องไปยังเธออย่างไม่เชื่อสายตา      ว่าเด็กสาวสวยอ้อนแอ้นอรชร  เอวบางร่างน้อยใบหน้าแฉล้ม    ยิ้มที่เบิกโลกให้สว่างไสวขึ้นในฉับพลัน  เช่นนี้    จะกินลงไปได้อย่างไรตั้ง  ๔  ก้อน!  หนำซ้ำยังเป็น  ๔  ก้อนน้ำอีกด้วย!

ไอซ์จะเดินยิ้มแต้มาแต่ไกล      พอถึงหน้าร้านก็จะเรียกข้าพเจ้าว่า น้า ดังๆ  ตามด้วย  หมี่น้ำ  ๔  ก้อน  เหมือนเดิม    ข้าพเจ้าจะเหล่ชำเลืองเพียงนิดคล้ายๆจะไม่แยแส  เปล่าหรอก  ข้าพเจ้ามิกล้าจ้องหน้าเด็กสาวคนนี้เต็มตา      เกรงว่าหัวใจเด็กหนุ่มอย่างข้าพเจ้าจะอ่อนไหวต่างหาก!

นี่แหละ    รสชาติบะหมี่เอร็ดอร่อยถึงเพียงนี้    แล้วจะไม่ให้ข้าพเจ้ามึนได้อย่างไรบะหมี่น้ำก้อนครึ่ง

ใครหนอ?    ที่มันช่างคิดริเริ่มแบ่งบะหมี่หนึ่งก้อนออกเป็นสองส่วน    แล้วให้นำส่วนหนึ่งไปรวมกับบะหมี่จำนวนเต็ม    เพื่อให้ได้บะหมี่ขาดๆเกินๆหนึ่งถ้วย    มันน่าจะเป็นผู้หญิงวัยเต็มสาว  ที่เริ่มทำงานในตำแหน่งฐานะที่กำลังไต่เต้าสู่ระดับสูง    ไม่ก็คงเป็นเด็กหนุ่มผู้กำลังชื่นชมกับเนคไทน์เชิ้ตขาว    และเริ่มมีรสนิยมเฉพาะที่ผิดแผกไปจากชาวบ้านทั่วๆไป    ข้าพเจ้าจำไม่ได้ว่าครั้งแรกที่ได้ยินบะหมี่ก้อนครึ่งนั้นเมื่อไร      แต่จำได้ชัดถึงอาการอึ้ง  งง  สงสัย  ไม่รู้จะจัดการอย่างไรดีกับบะหมี่โชคร้ายก้อนนั้น        ข้าพเจ้าซีเรียสมากกับการแบ่งแยกแล้วลวก    มันไม่มีทางที่จะได้ขนาดเท่ากันอย่างแน่นอน    คลี่บะหมี่ออก          กะขนาดที่คิดว่า เท่ากัน  ให้ใกล้เคียงที่สุด  แล้วใส่รวมกับอีกก้อน    ไม่มีปัญหา  ไม่มีอะไรที่เถ่าชิ่วร้านหมี่เป็ดศิริวัฒน์แห่งนี้ทำไม่ได้  นอกเสียจากหาลูกจ้างที่จะอยู่ร่วมกันนานๆ

แรกๆข้าพเจ้าไม่เต็มใจเลย  ไม่ยินดีกับการลวกบะหมี่ก้อนครึ่งอย่างเด็ดขาด      ข้าพเจ้าพยายามอธิบายชักจูงให้เขารู้ว่า  บะหมี่ครึ่งก้อนที่เหลือนั้น    มันจะถูกกองอยู่ในตู้อย่างไร้ผู้ใดใยดี    มันจะกรอบและแห้งหักเป็นท่อนเป็นเสี่ยงอย่างรวดร้าวเศ้ราโศกเสียใจที่สุด      ข้าพเจ้าพยายามอธิบายประวัติศาสตร์ที่มารากเหง้าของบะหมี่แต่ละก้อนอย่างเคร่งเครียดจริงจัง    พยายามให้เขาเห็นว่าเพียงอ้าปากขยับกรามแล้วกลืนลงคออีกนิด      มันไม่ได้เหน็ดเหนื่อยสักเท่าไรเลย      ข้าพเจ้าถามว่าแล้วไอ้ครึ่งก้อนที่เหลือนี่จะทำกับมันอย่างไรดี?    ข้าพเจ้าแทบร้องไห้โฮ    เมื่อไร้คำตอบสำหรับชะตากรรมของครึ่งก้อนที่เหลือนั้น

ข้าพเจ้ายอมจำนนต่อความต้องการของลูกค้า  ลวกบะหมี่พลางขออโหสิกรรมขอขมาต่อครึ่งก้อนที่เหลือด้วยความจำเป็น      ด้วยอากัปของจอมยุทธ์พเนจรผู้โดดเดี่ยว    ไร้การวิงวอนร้องขออีกต่อไป      ข้าพเจ้าตวัดกระบี่ขึ้นกลางอากาศ  ลมปราณทั้งมวลอยู่ที่ดวงตาหนึ่งส่วนลำแขนหนึ่งส่วน    มิกี่เพลงบะหมี่ก็สุกหอมอยู่ในถ้วยใบเขื่อง    ข้าพเจ้าใส่กับแล้วบรรจงห่อ

ด้วยราคาเท่ากับบะหมี่สองก้อนจำนวนเต็ม  อย่างมิตรภาพที่สุด

๒). รสนิยมของคนเป็นเรื่องแปลก    ข้าพเจ้าเห็นพวกเขาห้อยโทรศัพท์มือถือกันต่างพระเครื่อง    พานให้สงสัยนักว่าเมื่อจะคล้องคอนั้นพวกเขาอาราธนาด้วยคาถาบทใด?    จะใช่ โนกิยังอราธนานัง  หรือไม่ก็ไม่สู้แน่ใจนัก  ยิ่งวัยรุ่นเดี๋ยวนี้นิยมนุ่งกางเกงตัวหลวมโพรก    รัดเข็มขัดจนเอวยู่บริเวณก้นกอยโชว์กางเกงในสีแรดๆ  แล้วห้อยหลวงพ่อโนเกีย  หรือทัดไอ้ที่เรียกว่าบูลตูสกันต่างดอกไม้    ข้าพเจ้าว่ามันแปลกๆลูกตาอย่างไรมิทราบได้

ก็นั่นแหละ  สมัยข้าพเจ้าเป็นวัยรุ่น      แม่ก็เคยปวดหัวและมองข้าพเจ้าอย่างหมั่นไส้ๆมาก่อนเหมือนกัน    ด้วยชุดกางเกงยีนมือสองสีซีดเปื่อย    เสื้อยืดคับติ้วสีสดๆ    ลูกประตำเต็มคอ  ข้อมือและนิ้วนั้นก็เครื่องประดับหินควอยซ์    แจ็คเก็ตทหารตัวโคร่ง      รองเท้าฟองน้ำช้างดาวแบบหนีบ  และท่าเดินยกไหล่เขยกส้น    อา  วัยระเริง!

รสนิยมเป็นเรื่องเฉพาะจริงๆนั่นแหละ    มันเป็นป้ายบอกยี่ห้อของแต่ละคนในตัว  วัยรุ่นสมัยข้าพเจ้านั้นหากใครนุ่งกางเกงแพคชิโน , โดมอน  เสื้อ ดีเซล  ละก็    เขาจะเดินกันคนละฟากถนนกับไอ้หนุ่มบลูยีนส์เลยทีเดียว    ในขณะที่เราคุยกันถึงคาราบาวที่เพิ่งตั้งวงกันได้ไม่นาน    เขาก็พูดถึง ไมเคิล แจ็กสัน และท่าเต้น เบรคแดนซ์    ในขณะที่เขามองเราด้วยหางตาหมิ่นๆ    เราก็ชูคำขวัญ  ขยี้บู  ฟื้นฟูเฮฟวี่  กันลั่น    แล้วเราก็ตั้งทีมบอลพลาสติคแข่งกัน    อย่าคิดว่าไอ้หนุ่มบูติคจะสำอางไปซะทุกเรื่องเชียวล่ะ    เรื่องเตะบอลนี่มันก็ไม่ได้บันเบาเลย  ยิ่งเมื่อเกมแรงขึ้นๆจนควบคุมไม่อยู่    เด็กบูก็เตะไอ้หนุ่มเฮฟวี่เอาได้ง่ายๆเหมือนกัน

การปะทะกันของรสนิยมมันเกิดขึ้นได้เสมอฉันนี้

รสนิยมก็คือแฟชั่น    ระบาดไปอย่างรวดเร็วและทั่วถึง    ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว  ทั้งตั้งใจและทั้งไม่ตั้งใจ    บางครั้งเพียงกลัวว่าจะตกกระแสไม่เหมือนคนอื่นเขา    บางคนจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนรสนิยมบางอย่างของตน    ทั้งที่ไม่เหมาะกับบุคลิกหรือหน้าตาเอาเสียเลย    ท่านเคยเห็นกะเทยตัวใหญ่ๆ  ดำๆ  คราบไคลบนหนอกคอหลังเป็นปื้นสวมสายเดี่ยวบ้างไหม?    นี่แหละ  อำนาจของกระแสรสนิยมเลยล่ะ


แต่ละวันข้าพเจ้าต้องต้อนรับลูกค้ามากมาย  ยิ่งเสาร์  อาทิตย์นี่บ่อยครั้งที่ต้องกินมื้อเช้าเอาเมื่อตอนเก็บร้านบ่ายแก่ๆ    ข้าพเจ้าต้องจำให้ได้ว่าใครสั่งอะไร  ใส่ผักไม่ใส่ผัก  ลวกแบบสุกพอดีหรืออืดๆพองๆ    และโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้วยไหนที่ไม่เอาผงชูรส

ข้าพเจ้าเชื่อว่าร้านอาหารทุกแห่งล้วนใช้ผงชูรสกันทั้งนั้น    ไม่เว้นแม้แต่ร้านส้มตำที่ดูๆแล้วมันไม่น่าจะเข้ากันได้เลยกับผงชูรส    มันเหมือนธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับร้านอาหาร      โดยเฉพาะอาหารจีนโต๊ะกลมทั้งหลายทั้งปวงนั่นแหละ    ผงชูรสกลายเป็นปัจจัยหลักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย  ท่านต้องทำใจเลยว่าอาหารจีนนั้นคู่กันกับผงชูรส  แยกจากกันไม่ได้อย่างเด็ดขาด    เพียงแต่มันถูกโรยถูกปรุงถูกใส่มาจากในครัว    ลูกค้าผู้มีอุปการะคุณไม่อาจมองเห็นได้ถึงขั้นตอนนั้น    แม้จะสั่งกำชับไปนักหนาว่าไม่เอาไม่เอาก็ตามทีเถิด    เมื่อไม่เห็น    ท่านก็สามารถรับทานได้อย่างเอร็ดอร่อยสะดวกใจ

แต่ร้านหมี่เป็ดศิริวัฒน์แห่งนี้สิ  เราปรุงเราทำอาการกันในที่โล่งแจ้ง  มองเห็นได้แม้กระทั่งเถ่าชิ่วกำลังชำเลืองเหล่สาวสวยที่เดินผ่านหน้า      เช่นนี้  จึงทุกครั้งที่ข้าพเจ้าเอื้อมมือไปคว้าช้อนชาตักผงชูรสเพียงปลายช้อน    ก็จะมีเสียงตระหนกตกตื่นหวาดกลัวดังหวีดขึ้นมาขรมทุกเมื่อ      เอ้า  ไม่ใส่ก็ไม่ใส่  ไม่มีปัญหา    ข้าพเจ้าเสไปคว้าช้อนตักน้ำมันกระเทียมเจียวแก้ขวยต่อสายตาตำหนิรุนแรง    มันเป็นความเคยมือนะท่าน    มันเป็นไปเองอัตโนมัติเป็นสเตปๆ      และไอ้ความอัตโนยมัติตามสเตปนี่แหละที่ข้าพเจ้ามักจะโดนเสียงหวีดลั่นขรมตำหนิอยู่เสมอ      จนที่สุด  ข้าพเจ้าก็แทบจะเป็นโรคประสาทอ่อนๆ    เอื้อมมือไปคว้าช้อนตักผงชูรสคราวใด  หัวใจก็สั่นรัวหน้าซีดคราวนั้น  ได้แต่ชะงักงันเก้เก้กังกังลังเล    กลัวเสียงหวีดขรมนั้นจะแผดกัมปนาทลั่นหู

สาบานได้ว่าจำนวนผงชูรสที่ข้าพเจ้าตักใส่แต่ละถ้วยนั้นเพียงแค่ปลายช้อนชา    ไม่ได้มากมายเต็มช้อนครึ่งช้อนแต่อย่างใดเลย    เหตุผลเดียวเท่านั้นแหละท่าน    เพราะผงชูรสมันมีราคาแพง!


นานเข้า  ข้าพเจ้าก็ยิ่งเห็นความหวาดกลัวผงชูรสของคนเมืองทวีคูณขึ้น    มันขยายวงกว้างออกไปอย่างรวดเร็ว  ระบาดรุนแรงจนดูเหมือนจะขาดสติในการไตร่ตรองอะไรบางอย่าง    ผงชูรสกลายเป็นความหวาดกลัวที่หาเหตุผลให้ตัวเองไม่เจอ    ข้าพเจ้าตัดสินใจเลิกใช้ผงชูรสหน้าร้านทันที    ทั้งเพื่อตัดปัญหาต้นทุน    ตัดปัญหาลูกค้าไม่พอใจ    และตัดความรำคาญที่ข้าพเจ้าเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน      หลายครั้งที่ข้าพเจ้าแทบสิ้นสุดความอดทนกับการคอยยืนจ้องจับผิดเอาเป็นเอาตาย    การกรอกหูอยู่ซากซ้ำ  แม้กระทั่งการเสียมรรยาทชี้นิ้วใส่หน้าข้าพเจ้าสำทับ    ข้าพเจ้าอึดอัดไม่พอใจกิริยาเยี่ยงนี้เลย      มันไม่น่าดู  มันไม่สุภาพ

โรคประสาทอ่อนๆก็ทำท่าจะเป็นโรคประสาทแก่ๆเอาง่ายๆ


เฮียคนหนึ่งอายุไม่น่าจะเกิน  ๔๕  แกมักจะมา  ๖  โมงเช้าวันเสาร์    ทุกครั้งที่สั่งหมี่ก็จะสั่งเหมือนๆเดิม      หมี่น้ำสองก้อน  สองถุง  ถุงหนึ่งไม่ผักไม่กระเทียม  อีกถุงไม่น้ำมันแต่เอากระเทียม  ผักกาดหอมเยอะๆ  แต่ต้นหอมไม่เอา    ทั้งสองถุงเอาตังฉ่ายนิดเดียว  และไม่ชูรส    อ้อ -  แยกน้ำต่างหากมาให้ทั้งสองถุงด้วย      แกจะหยุดหอบนิดหนึ่งทบทวนรายการที่สั่งอยู่ในใจ    แล้วยิ้มมาย้ำอีกครั้งว่าไม่เอาชูรส   


เสาร์แรกเสาร์ที่สองเสาร์ที่สาม    จนเสาร์ปัจจุบันที่เท่าไรแล้วก็ขี้เกียจจะจำ  แกก็จะสั่งอย่างนี้ทุกๆครั้ง  เหมือนๆเดิมทุกครั้ง  หมี่น้ำสองก้อน  สองถุง  ถุงหนึ่งไม่ผักไม่กระเทียม  อีกถุงไม่น้ำมันแต่เอากระเทียม  ผักกาดหอมเยอะๆ  แต่ต้นหอมไม่เอา    ทั้งสองถุงเอาตังฉ่ายนิดเดียว  และไม่ชูรส    อ้อ -  แยกน้ำต่างหากมาให้ทั้งสองถุงด้วย  - ทุกเสาร์

ข้าพเจ้ายิ้มและบอกว่าที่นี่ไม่ใช้ผงชูรสตั้งแต่เสาร์แรก    จนปัจจุบันนี้ก็ขี้เกียจจะจำแล้วว่ากี่เสาร์  ข้าพเจ้าเหนื่อย      ครั้นเหนื่อยมากๆเข้าสั่งสมหลายๆเสาร์เข้า    ข้าพเจ้าก็รู้สึกหงุดหงิด  โรคประสาทก็ทำท่าจะกำเริบเอาได้ง่ายๆ      พอเฮียแกย้ำถึงคำสุดท้ายว่าไม่ชูรส    ข้าพเจ้าก็จะหยุดนิ่งมองแกอย่างเหนื่อยแทน    พยายามส่งสายตาว่าเฮียจำไม่ได้เลยหรือว่าที่นี่ไม่ใช้ผงชูรส    แกก็จะยิ้มแหยๆพร้อมๆกับที่ข้าพเจ้าถอนใจเหนื่อยหน่าย

คำถามแรกที่ผุดขึ้นมาก็คือ  ผงชูรสมีรสชาติหรือไม่?    มันช่วยในการทำให้อาหารอร่อยจริงหรือ?

ข้าพเจ้าเคยแตะชิมผงชูรสเปล่าๆ    ข้าพเจ้าเป็นคนขายอาหาร  ข้าพเจ้าจำต้องรู้รสชาติองค์ประกอบทุกอย่างที่ก่อรวมกันเป็นบะหมี่หนึ่งถ้วย    ต้องรู้ว่าความเข้มความเจือจางนั้นต้องผสมลงไปในส่วนเท่าไรรสชาติจึงจะพอดี    ต้องรู้ความแตกต่างระหว่างเกลือกับน้ำปลา    และเลือกใช้ให้ถูกกับลักษณะเฉพาะของคุณสมบัติ    ต้องรู้ว่าน้ำตาลเมื่อถูกไฟในองศาใดจึงจะไหม้เกรียมได้หอม    กระทั่งต้องรู้ว่าลิ้นของข้าพเจ้านั้น    สอดคล้องเพียงไรกับลิ้นของลูกค้าส่วนใหญ่  แล้วเว้นความเข้มของรสชาติบางอย่างให้ลูกค้าปรุงเองให้ถูกลิ้นตน

ข้าพเจ้าพบว่า -  ผงชูรสมีลักษณะเฉพาะอันแตกต่างจากรสชาติอื่นๆอย่างสิ้นเชิง  มันมีความโดดเด่นและขัดแย้งอยู่ในตัวอย่างไม่น่าเชื่อ      รสชาติปะแล่มๆเลี่ยนๆ      หวานก็ไม่ใช่เค็มก็ไม่เชิงนั้น    เมื่อเราแตะชิมเพียงน้อยมันจะให้ความรู้สึกคลื่นไส้บอกไม่ถูก    แต่เมื่อใดก็ตามที่อาหารจานหนึ่ง    ถูกปรุงด้วยมือที่ไม่ถึงจนรสชาติฉีกไปคนละทิศละทาง        รสชาติปะแล่มๆของผงชูรสนี่แหละที่จะละลายรสชาติทั้งปวงให้เข้าหากันได้    สมานรสชาติอันแผดจัดไร้รูปแบบให้กลมกล่อมได้      และเมื่อวัยเยาว์นั้น  ข้าพเจ้าเคยเรียนมาว่าผงชูรสทำมาจากมันสำปะหลัง    โฆษณาหลายตัวก็พยายามบอกที่มาวัตถุดิบนี้อย่างพยายามยิ่ง      ท่านกำลังกลัวมันสำปะหลัง?    โอ -    ช่างเหมือนดารานักแสดงบางคนที่กลัวแตงโม    น่ารักเหลือประมาณ!


เคยได้ยินมาเหมือนกันว่ากินผงชูรสแล้วหัวล้าน    จริงเท็จเพียงไรข้าพเจ้าไม่ทราบได้    แต่เฮีย  ๖  โมงเช้าคนนั้น  ข้าพเจ้าเห็นแกหัวล้านมาตั้งแต่แกยังเป็นหนุ่มรุ่น  ล้านแบบบางๆ  หรอมแหรมๆ  หน้าผากหายไปครึ่งหนึ่ง      แกคงจะกินนมผสมผงชูรสกระมัง?

ความกลัวผงชูรสมันกลายเป็นอาการวิตกจริตของคนเมือง      ที่สมาคมคนไม่เอาผงชูรสก็ยังหาคำตอบให้ตนเองไม่ได้ว่าทำไมจึงต้องกลัวนักกลัวหนา?  คำตอบสำเร็จรูปที่จะได้ยินทุกครั้งก็คือมันไม่ดี    ถ้าเถ่าชิ่วฝีมือเจ๋งก็ไม่ต้องพึ่งผงชูรสแต่อย่างใด      เป็นคำตอบที่เหมือนๆกันหมด  ตอบได้โดยไม่ต้องคิด  ตอบไปตามที่คนลือกันมา    ตอบไปโดยเป็นไปเอง    มีหญิงสาวคนหนึ่ง    หลังจากชี้นิ้วใส่หน้าข้าพเจ้าย้ำว่าไม่เอาชูรส    ข้าพเจ้าก็ถามกลับทันทีว่ามันอันตรายอย่างไร?    ข้าพเจ้าอยากได้คำตอบที่จริงแท้  มีการพิสูจน์ทางกระบวนการวิทยาศาสตร์    มีความน่าเชื่อถือได้  มีการผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขว่ามันอันตราย    เธอตอบข้าพเจ้าหลังจากใช้ความคิดหนักหน่วงว่า&กินผงชูรสแล้วเป็นกะเทย!

ข้าพเจ้าแทบหัวเราะออกมาก๊ากใหญ่ๆ    เธอก็สาธยายต่อไป  ชี้ให้เห็นว่าเดี๋ยวนี้กะเทยเต็มบ้านเต็มเมือง    ไม่เว้นแม้เด็กประถมก็เริ่มเป็นกะเทยกันแล้ว      ข้าพเจ้าได้แต่ทำตาปริบๆ    และยิ้มอย่างไม่รู้จะพูดหรือทำอย่างไรดี      พานให้นึกสงสัยว่าเฮีย  ๖  โมงเช้าคนนั้นแกจะเป็นกะเทยด้วยไหมหนอ?    และการล่มสลายของพรรคคอมมูนิสต์แห่งประเทศไทยนั้น    มันเกิดมาจากพลพรรคดาวแดงกินผงชูรสคลุกข้าวกันถ้วนหน้าหรืออย่างไร?

มันอันตรายถึงเพียงนี้    รุนแรงร้ายกาจถึงเพียงนี้    มันล้างทำลายมนุษยชาติให้ย่อยยับอย่างน่ากลัวขนาดนี้    ทำไมองค์การอาหารและยา  ทำไมกระทรวงสาธารณสุข  ทำไมรัฐบาล  จึงไม่สั่งห้ามผลิตและจำหน่ายไปแต่เนิ่นๆ    ทำไมไม่ลงโทษปิดโรงงานใหญ่โตนั้น?  ทำไมผงชูรสจึงกลายเป็นสินค้าส่งออก?  ทำไมยังปล่อยให้มีการโฆษณามอมเมาประชาชน?    และทำไมท่านจึงยังแกะซองผงชูรสแล้วส่งไปชิงรางวัล?    มันเป็นรสนิยมที่ตามกระแสคนรักสุขภาพ      ใครรักสุขภาพจนแทบจะกอดตัวเองหลับตาพริ้มตายจะดูเป็นคนมีความคิดดี  การศึกษาดี  รสนิยมดี    สงสัยเพียงแต่ว่าเมื่อข้าพเจ้าถาม  ทำไมท่านเหล่านั้นจึงหาคำตอบแท้ๆให้ข้าพเจ้าไม่ได้สักคน      คำตอบที่จริงแท้  ที่มีการยืนยันมาจากภาครัฐ    ไม่ใช่คำตอบที่ คิดว่า  เอาเอง    เมื่อวันสงกรานต์หลายปีก่อนโน้น    ในขณะที่ร้านไม่มีโต๊ะนั่งเหลือ    ที่ยืนรอต่อคิวก็มีอยู่เยอะ    โต๊ะหนึ่งพร้อมหน้าพ่อแม่และลูกอีกสอง    กว่าจะคีบบะหมี่เข้าปากได้นั้น    ท่านต้องเอาตะเกียบมาให้ข้าพเจ้าลวกน้ำร้อน    ทั้งที่ที่ร้านเมื่อล้างเสร็จจะเอาตะเกียบไปอังไฟอ่อนๆ      แก้วน้ำนั้นท่านก็ต้องล้างเองด้วยมือตน    หอบเอาเครื่องปรุงจำพวกพริกน้ำตาลน้ำปลามาจากที่บ้าน    ไม่มีถั่ว  อันนี้ข้าพเจ้าเข้าใจเอาว่าท่านคงกลัวจะเป็นมะเร็งตามความเชื่อพิกลพิลึกอีกอย่างของคนเมือง        เมื่อท่านรับทานจนแล้วเสร็จ  ผู้เป็นแม่ก็ลุกขึ้นยืนแจกยาให้กับสมาชิกครอบครัวสะอาด    พูดเบาๆแต่ได้ยินไปทั่วทั้งร้านว่าเป็นยาฆ่าเชื้อ    แม่เจ้า!    ทำไมชีวิตมันลำบากลำบนได้ถึงขนาดนี้เชียวหนอ?

รักสุขภาพเป็นเรื่องดี    แต่ข้าพเจ้าเกรงว่าหากรักมากไปอย่างไม่ลืมหูลืมตา    อาการวิตกจริตนั้นมันจะพานเป็นวิกลจริตเอาได้ง่ายๆ

๓). แทบทุกวันที่ข้าพเจ้าจะต้องเจอกับบะหมี่ก้อนครึ่งไม่ชูรส      หนักเข้าข้าพเจ้าก็ไม่พยายามอธิบายชักจูงอีกต่อไป  ก้มหน้าก้มตาลวกหมี่ประดุจจอมยุทธพเนจรผู้โดดเดี่ยว      บะหมี่ก้อนครึ่งไม่ชูรสมันกลายเป็นกระแสหลักของร้านหมี่เป็ดศิริวัฒน์    มากเข้าและยิ่งมากขึ้นทุกวันจนคล้ายๆมันจะกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่แห่งการกินหมี่เป็ดไปเสียแล้ว    ใครไม่สั่งก้อนครึ่งไม่ชูรสนั้น - เชย!  บอกแล้วไง  ไม่มีสิ่งใดที่เถ่าชิ่วร้านหมี่เป็ดศิริวัฒน์แห่งนี้ทำไม่ได้  นอกเสียจากการหาลูกจ้างมาอยู่ด้วยกันนานๆ    ไอซ์เองก็ยังคงนำร่างบอบบางอรชรอ้อนแอ้นมาอุดหนุนอยู่เสมอ    ยิ้มแต้มาแต่ไกลแล้วเรียกข้าพเจ้าว่า น้า ดังๆ

วัฒนธรรมก้อนครึ่งไม่ชูรส  จึงปะทะกับวัฒนธรรมสี่ก้อนน้ำไม่ผักเข้าอย่างจังในร้านหมี่เป็ดศิริวัฒน์แห่งนี้!

๑  กุมภ์  ๒๕๔๘

Comment #1
ผีเสื้อปีกบางฯ (Not Member)
Posted @4 ก.พ.48 8.59 ip : 203...11

แม่เจ้า....มีคนรสนิยมคล้ายๆกับพี่ชายหนู ร้านบะหมี่หน้าหมู่บ้านเค้าจำพี่โจ๊กแม่นเลย "บะหมี่แห้ง 4 ก้อน ไม่ ผัก  ไม่หมูแดง"  มันคือบะหมี่ 4 ก้อน ลวกคลุกกระเทียมเจียว แค่นั้นเอง

ป๋า บอกหนูว่า ถ้าเราจะกินข้าวนอกบ้าน  ก็ต้องทำใจ มองข้ามอะไรไปบ้าง  ถ้าอยากให้ถูกใจเราทุกอย่าง หรือเรามัวแต่มาคิดโน่น...นี่  ก็ต้องทำกินเอง

พี่หมี่หยิบเรื่องใกล้ตัวมาเขียนได้น่าอ่านจริงๆ ชอบๆๆๆ

Comment #2
Posted @4 ก.พ.48 11.02 ip : 203...241

ว้า แย่จัง!!!!!!

ผมว่าจะแวะไปกินซะหน่อย พอดีที่บ้านไม่มีผงชูรสกิน เหตุผมเดียวกัน คือมันแพง และรสชาติมันไม่อร่อย เลยกะว่า เวลาไปกินข้าวนอกบ้าน ก็ได้กินผงชูรสฟรีๆ อยู่แล้ว ไม่ต้องซื้อหามาไว้ที่บ้านให้เปลืองกะตังส์

หรือว่าถ้าผมสั่ง หมี่แห้ง 2 ก้อน ใส่ชูรสเยอะๆ คนขายจะเกิดอาการทางประสาทกำเริบขึ้นมาอีกหรือเปล่า สงสารจังเลย .

Comment #3
Posted @4 ก.พ.48 12.05 ip : 203...120

แวะมาสักการะบะหมี่เทพจ้ะ....เอ่อ...เครื่องเซ่นไม่ใส่ผงชูรสนะจ๊ะ

Comment #4
ญ. (Not Member)
Posted @4 ก.พ.48 16.17 ip : 202...146

ร้านขายเตี๋ยวที่บ้านหญิงนะ เขาจะมีราคา ชามธรรมดากับพิเศษ  ถ้าธรรมดา ก็ 20 พิเศษก็ 25

คิดดูมันก็ดีเหมือนกันนะพี่  คือเราคำนวณ การกินเตี๋ยวของเรามือนี้ว่า ถ้าไม่ค่อยหิว ก็สั่งแบบธรรมดา ถ้าหิวหน่อยก็สั่งแบบพิเศษ น่าจะเหมือนกับ การสั่งหมี่ก้อนครึ่งนั่นแล

ก้อนเดียวไม่พออิ่ม  2 ก้อนก็กินไม่หมด มันก็เลยลงตัวที่ ก้อนครึ่ง..

แต่ส่วนใหญ่ถ้าำไปสองคน ก็สั่งแบบธรรมดา 3 ชาม กินคนละชามครึ่ง  น่ารักป่ะ

ส่วนผงชูรสนี่  นึกขึ้นได้อย่างนึง เคยได้ยินข่าวว่า เขาใช้วัตถุดิบปลอม ที่ไม่ใช่ มันสำปะหลังมาทำ  เป็นอันตราย มันก็คงจะฝังใจกันว่า กินแล้วไม่ค่อยดี น่าจะเป็นแบบนี้นะคะ

แล้วคำว่า น้ำบอแร็กซ์ น้ำประสานทอง ที่ทำให้ลูกชิ้นกรอบ เด้งดึ๋งนี่ มันอันเดียว กับผงชูรสมั้ยนี่  ยังงง ๆ เหมือนกันแฮะ..

จากการวิเคราะห์ดินฟ้าอากาศแล้ว การที่คนเป็นกะเทยมาก เพราะกินพืช จีเอ็มโอ เลยโดนตัดแต่งพันธุกรรมน่ะ ฮ่าๆๆ

Comment #5
ปุถุชน (Not Member)
Posted @4 ก.พ.48 18.52 ip : 202...201

งานชิ้นนี้ เยี่ยมยอดมากเลย ถ้าผมเป็นบรรณาธิการ ชิ้นอื่นหลบไปก่อนเลย ขอทางให้บะหมี่เป็ดเร็ว! รี่

หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก เขียนออกมา เยี่ยงคนรู้จริง เพราะต้องนวดและปั้นมากับมือ  เวลาอ่านเหมือนกับกำลังอ่านวิธีนวดแป้ง อย่างไรจะให้ละมุน  ----อ่านแล้วทำให้รู้สึกว่า  จับไปตรงไหนก้ได้ เป็นงานศิลปะหมดเลย เขียนออกมาถ่ายทอดอย่างที่ หมี่เป็ดถอดถ่ายออกมาด้วยจิตวิญญาณของคนทำหมี่ที่แท้จริง!

Comment #6
อัญชา (Not Member)
Posted @4 ก.พ.48 21.56 ip : 202...135

ชอบมากกกกกกกกกกกก

รถขายก๋วยเตี๋ยวแถวบ้านอัญจะคล้ายๆ ของพี่หญิงค่ะ ถ้าสั่งพิเศษ จะให้ก้อนครึ่ง อ้อ ถ้าสั่งบะหมี่น้ำก็ได้ก้อนครึ่งค่ะ ราคาจะแพงกว่าสั่งแบบน้ำ 5 บาท แต่จะแบบไหนก็อร่อยยยยยยยยยย


ไว้ถ้ามีโอกาสไปชิมเตี๋ยวเป็ดร้านพี่หมี่ อัญจะไปกินหมี่ก้อนครึ่งนะคะ

Comment #7
ต้นสนฯ (Not Member)
Posted @5 ก.พ.48 17.36 ip : 202...66

อยากกินเส้นหมี่ร้อนๆ ที่ผ่านการลวกใหม่ๆ จัง

Comment #8
ขุนจวบ (Not Member)
Posted @5 ก.พ.48 20.07 ip : 168...34

กินๆเข้าไปเหอะ เรื่องมาก

Comment #9
ดินสอ (Not Member)
Posted @7 ก.พ.48 19.27 ip : 203...115

เมื่อไหร่จะได้กินหมี่ร้านพี่หมี่เป็ดน้า....

Comment #10
ปิงปอง (Not Member)
Posted @13 ก.พ.48 20.03 ip : 203...3

น้องไอซ์นี่ใช่เด็กสาวหน้าตาดีๆข้างๆบ้านที่วิ่งมาสั่งบะหมี่ตอนผมดูดบุหรี่อยู่กะพี่ป่ะ..


กินเข้าไปได้ 4 ก้อนจริงๆเหรอ!!!!


ว่าแล้วก็คิดถึงซุบเป็ดจริงพี่หมี่เอ๊ยย  ย้ายมาอยู่นี่กินอาหารไม่เคยอร่อยสักมื้อ จะหาวันหยุดลงไปกินหมี่ แกล้มเบียร์ซักรอบคงดี

Comment #11
ต้นสน... (Not Member)
Posted @22 ก.พ.48 20.16 ip : 202...242

เผยผลวิจัยล่าสุดของมหาวิทยาลัยฮิโรซากิของญี่ปุ่น ระบุกินผงชูรสอาจสะสมจนทำลายเยื่อเรตินาถึงขั้นทำให้ตาบอด ชี้คนเอเชียตะวันออกเป็นต้อหินกันมากเมื่ออายุเลย 40 เพราะกินเกินจำเป็น ผสมแม้ในขนมขบเคี้ยว ตัวแทนผู้บริโภคชี้เคยรณรงค์ให้ อย.ติดฉลากเตือน แต่พอเจอผู้ผลิตวิจัยหักล้างก็ยกเลิก จี้ สธ.ออกโรงปกป้องสุขภาพคนไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วารสาร "นิว ไซเอินทิสต์" ฉบับวันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม ได้ตีพิมพ์ผลวิจัยของนักวิจัยญี่ปุ่นที่เตือนให้ระวังการบริโภคโมโนโซเดียมกลูตาเมท หรือผงชูรสมากเกินไป เพราะอาจทำให้ตาบอดได้ ทั้งนี้ ทีมนักวิจัยนำโดยนายฮิโรชิ โอกูโระ แห่งมหาวิทยาลัยฮิโรซากิ ประเทศญี่ปุ่น ได้ทำการวิจัยกับหนูโดยแบ่งหนูทดลองเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกให้กินอาหารที่ใส่ผงชูรสมากๆ อีกกลุ่มกินอาหารใส่ผงชูรสปานกลาง และกลุ่มที่ 3 กินอาหารที่ไม่ใส่ผงชูรสเลย ปรากฏว่าหนูกลุ่มแรกมีปัญหาตามองไม่เห็น และเยื่อเรตินาหรือเยื่อชั้นในสุดของส่วนหลังลูกตาที่มีหน้าที่รับภาพจากแก้วตาจะบางลงถึงร้อยละ 75 และเมื่อทำปฏิกิริยากับแสงปรากฏว่าหนูมองไม่เห็นเลย ส่วนหนูกลุ่มที่กินอาหารปนผงชูรสปานกลางเรตินาได้รับความเสียหายเช่นกัน แต่ไม่มากเท่ากลุ่มแรก ทั้งนี้ ผงชูรสคือกรดอะมิโนที่เป็นสารเคมีที่ช่วยส่งสัญญาณสื่อสารในหมู่เซลล์สมอง ซึ่งคนเอเชียนิยมใช้ปรุงอาหาร หรือผสมในขนมขบเคี้ยว ซึ่งผลการศึกษาหลายรายการก่อนหน้านี้พบว่า เมื่อฉีดผงชูรสเข้าไปในตาโดยตรง จะไปทำลายประสาทเสียหาย แต่วารสารนิว ไซเอินทิสต์ ระบุว่า ผลวิจัยล่าสุดของนายโอกูโระ เป็นงานวิจัยชิ้นแรกที่แสดงให้เห็นว่าอาหารที่ใส่ผงชูรสก็อาจทำให้ตาบอดได้เช่นกัน โดยนักวิจัยพบผงชูรสในปริมาณเข้มข้นสูงอยู่ในของเหลวใส ที่เป็นน้ำหล่อเลี้ยงเยื่อเรตินา จึงสรุปว่าผงชูรสจะเกาะอยู่ที่เซลล์เยื่อเรตินาบางส่วน และจะทำลายเรตินาในที่สุด อีกทั้งจะเข้าไปก่อกวนการทำงานของเซลล์ที่ยังเหลืออยู่ในการส่งสัญญาณไปยังสมองด้วย

นักวิจัยระบุว่า อาหารที่มีผงชูรสเป็นส่วนประกอบในปริมาณร้อยละ 20 ถือว่าเป็นสัดส่วนที่สูง แม้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ากินผงชูรสในปริมาณเท่าใดจึงจะไม่เป็นอันตราย แต่ถึงกินในปริมาณน้อย ก็อาจสะสมไว้นานเป็นสิบๆ ปี ก่อนออกฤทธิ์ในภายหลัง ทั้งนี้ นายโอกูโระกล่าวว่า ผลวิจัยชิ้นนี้อาจอธิบายได้ว่าทำไมคนในแถบเอเชียตะวันออกถึงเป็นโรคต้อหินในอัตราสูง โดยเฉพาะเมื่อวัยขึ้นต้นด้วยเลขสี่

นางเทวี โพธิผละ สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อดีตนายกสมาคมพิทักษ์ผลประโยชน์ผู้บริโภค กล่าวว่า นับว่าเป็นข้อมูลใหม่ ที่ผ่านมามีหลายคนที่รับประทานผงชูรสไปแล้วเกิดอาการแพ้ ซึ่งต้องให้รับประทานน้ำตามเข้าไปทันทีเพื่อให้ร่างกายขับถ่ายออกมา ไม่เช่นนั้นจะเกิดการสะสมในร่างกายจนเป็นอันตรายโดยอาจส่งผลต่อไตจนมีผลทำให้ไตวายได้

"คนไทยบริโภคผงชูรสกันหนักมากโดยไม่จำเป็น ผงชูรสเป็นกรดอะมิโนที่มีส่วนประกอบของโปรตีนและเกลือซึ่งไม่จำเป็นต่อร่างกาย แต่เมื่อนำไปปรุงอาหารประเภทเนื้อสัตว์แล้วจะทำให้รสชาติดีขึ้น แต่เราใส่ผงชูรสในอาหารทุกอย่างกระทั่งผัดผักซึ่งไม่จำเป็นต้องใส่เลย คิดว่าถ้าจะใช้ก็ไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อ ก่อนหน้านี้เคยมีการรณรงค์ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)กำหนดให้ผู้ผลิตระบุคำเตือนข้างซองว่า หญิงมีครรภ์และเด็กไม่ควรบริโภค แต่ก็มีการนำผลการศึกษาของนักวิจัยมาหักล้าง ซึ่งนักวิจัยก็มีทั้งที่เป็นกลางและที่ทำเพื่อการค้า ก็มีการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จนขณะนี้ไม่ได้มีคำเตือนแล้ว" นางเทวีกล่าว

น.ส.พจศนา บุญทอง ประธานชมรมผู้ไม่บริโภคผงชูรส กล่าวว่า ทางชมรมเคยรวมตัวกันไปพบนายกร ทัพพะรังสี ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เพื่อเรียกร้องให้ สธ.ดูแลคุ้มครองผู้บริโภคโดยกำหนดให้มีการติดฉลากข้างซองผงชูรสว่า เด็กและสตรีมีครรภ์ห้ามใช้ และให้ สธ.ศึกษาวิจัยถึงความเกี่ยวพันต่อการเกิดโรคมะเร็งและไตวาย ซึ่งทาง สธ.ก็รับว่าจะดำเนินการ แต่ถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า

"ทางชมรมเคยได้ข้อมูลว่า มีเด็ก 6 ขวบ เสียชีวิตเพราะรับประทานขนมครกจิ้มผงชูรส จากผลวิจัยที่ออกมาครั้งนี้ สธ.ควรจะทบทวนเรื่องความปลอดภัยของการใช้ผงชูรสได้แล้ว เพราะขณะนี้คนไทยบริโภคกันอย่างหนัก โดยเฉพาะคนที่ต้องพึ่งอาหารนอกบ้าน ถ้าสังเกตจะพบว่าเดี๋ยวนี้มีผู้ป่วยไตวายเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าคนรวยหรือคนจน ถ้าผงชูรสไม่อันตราย ทำไมเมื่อก่อนถึงต้องมีคำเตือนติดเอาไว้ ขณะนี้ทางโรงพยาบาลรามาธิบดีก็ได้กำหนดให้เป็น ร.พ.ปลอดผงชูรส ร้านอาหารบางร้านที่เข้าร่วมโครงการกับทางชมรมก็ได้ประกาศตัวโดยขึ้นป้ายขนาดใหญ่ว่า เป็นร้านอาหารปลอดผงชูรส แต่ไม่ว่าจะดำเนินการอย่างไร สธ.ก็ไม่ได้ตอบสนองในเรื่องนี้เลย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด" น.ส.พจศนากล่าว

จาก: http://board.dserver.org/s/senateCU/00000429.html

Comment #12
หมี่เป็ด ไอ้รูปหล่อ (Not Member)
Posted @28 ก.พ.48 16.14 ip : 203...73

ไม่จริงหรอกแอน

ความรักต่างหากที่ทำให้คนตาบอด...


สบตาพี่ดูสิ...

Comment #13
สาวโรงงาน (Not Member)
Posted @14 ต.ค.50 23.17 ip : 213...222

แห้ง  2  ก้อน  พิเศษนะ  ปลายเดือนหน้าหรือต้นธันวาเราลงไปกินนะพี่หมี่เป็ดสั่งไว้ล่วงหน้า  ห้ามปิดร้านล่ะ    ชอบเรื่องนี้จัง แต่สงสารเฮียวันเสาร์ที่พี่หมี่เป็ดบอกว่า  เค้ากินนมผสมชูรส  ความจริง เค้าแค่กินงาดำน้อยไปหน่อยแค่นั้นเอง

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 78 user(s)

User count is 2464678 person(s) and 10424196 hit(s) since 22 ธ.ค. 2567 , Total 550 member(s).