มาจากร้านหมี่เป็ดศิริวัฒน์ : รางวัลแด่คนช่างฝัน

by หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก @4 มิ.ย.48 20.18 ( IP : 203...9 ) | Tags : เรื่องสั้น-ความเรียง

มาจากร้านหมี่เป็ดศิริวัฒน์ : รางวัลแด่คนช่างฝัน

อย่างกับนักฟิสิกส์ที่กำลังแปลสมการหาค่าความเป็นไปได้จากอากาศธาตุ!

๑). เมื่องวดวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๔๘    ข้าพเจ้านั่งมองล็อตเตอรี่เลขชุด ๕ ใบในมืออย่างมี ความหวัง    ครั้นอินเทอร์เนตคอนเนคได้เรียบร้อย    ข้าพเจ้าก็ไปที่เวบไซด์ของกองสลากทันที        เพียงชำเลืองเห็นเลข  ๒ ๙ ๑    ข้าพเจ้าก็แทบจะพลัดเก้าอี้ด้วยความดีใจเป็นล้นพ้น    คำนวณเงินรางวัลแล้วอยู่ที่สองหมื่นบาทเป๊ะๆ    หักเปอร์เซ็นต์ตอนขึ้นเงินสองร้อยกว่าบาทก็ไม่เป็นไร  ขนหน้าแข้งข้าพเจ้าไม่ร่วงหรอก

มันเริ่มมาจากวันหนึ่ง    จู่ๆข้าพเจ้าก็รู้สึกตัวว่าเป็นผู้เชื่อมั่นในความฝัน    แต่นั่นก็ไม่สำคัญ เท่าที่ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าข้าพเจ้าเป็นนักตีความความฝันที่แม่นยำที่สุด      เพราะครั้งหนึ่งข้าพเจ้าเคยจ้องตาสาวคนรัก    นิ่งและนานเพื่อรอคำตอบจากดวงตาคู่สวย    สายตาใสแป๋วไร้เดียงสากับการเอี้ยวคอเล็กน้อยของเธอนั้น    มันช่างว่างเปล่าเลื่อนลอย    ทั้งไร้คำตอบใดใดอย่างสิ้นเชิง    ข้าพเจ้ากะพริบตาปุหริบๆ    เค้นหาคำตอบแง่บวกจากดวงตาเด็กสาวอายุ ๑๕ ผู้นั้น    จนข้าพเจ้าเอ่ยปากลา      มันเป็นการเอ่ยลาที่ต้องการคำฉุดรั้งยึดเหนี่ยวอยู่ลึกๆในหัวใจ    เพียงเธอเอ่ยว่าเดี๋ยวก่อน    ข้าพเจ้าก็คงจะยินดียืนอยู่กับที่อยู่เช่นนั้น เมื่อคำตอบเป็น ความเงียบ    ที่มาพร้อมรอยยิ้มใสซื่อไร้เดียงสาแกมโล่งอก    ข้าพเจ้าก็หัน หลังกลับอย่างหมดเรี่ยวแรง    อย่างผู้พ่ายแพ้อย่างผู้เหน็ดเหนื่อย  อย่างผู้ชายอายุ ๑๘ อกหัก!

มันมิใช่เรื่องยากนักหรอกกับการตีความต่างๆนานา    เราทุกคนล้วนมีคำตอบรองรับอยู่ ภายในใจ    คำตอบที่มีมาจากประสบการณ์    การตั้งสมมติฐานแล้วหาเหตุผลมาอธิบาย    ซึ่งล้วนแล้วแต่อาศัยองค์ความรู้ที่เรามีเป็นบรรทัดฐาน    ใครเชี่ยวชาญด้านใดก็จะตีความไปในความเชี่ยวชาญนั้น  และแน่ล่ะ-    ที่มันต้องแตกต่างกันในด้านมุมมองกับคนอื่นๆ    ข้าพเจ้าเคยสงสัยครามครันในกองขี้หมาหนึ่งกอง      มันกองอยู่ริมถนนเยื้องร้านข้าพเจ้าไปทางซ้ายมืออยู่ตรงหน้าบ้านเจ๊สุนารีพอดี    ข้าพเจ้าพินิจพิจารณาด้วยความสงสัย    ว่าเจ๊สุนารีผู้เชื่อถือโชคลางปาฏิหาริย์ลี้ลับ  ฮวงจุ๊ยเทวดาภูตผี    โดยเฉพาะอย่างยิ่งไต้ฮงโจวซือเทพคู่เมืองหาดใหญ่    แกจะรู้สึกและคิดอย่างไร    เมื่อเปิดประตูมาดูโลกเช้าอันสดชื่น    ที่มีนกเหว่ากู่อยู่บนดาดฟ้าตึกฝั่งตรงข้าม  ลมหอมจากเขาคอหงส์ที่พัดผ่านป่ายางร่มครึ้ม    แล้วเจ๊เหลือบตาลงต่ำเพียงนิด  ทำมุมพอดีกับกองขี้หมากองนั้น?
นี่ไง  ความสำคัญขององค์ความรู้และมุมมอง  เพียงแค่เหลือบตาลงต่ำนิดเดียว    โลกเช้า ที่แสนสดชื่นก็กลายเป็นกองขี้หมาได้ทันที

องค์ความรู้ของคนนี่แหละ  ที่ข้าพเจ้าเชื่อว่ามันเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้การตีความเป็นไป ตามแนวของตน    ชาวไร่ชาวนาเชื่อว่ากองขี้หมาคือปุ๋ยอินทรีย์ชั้นดี    คนกวาดถนนเชื่อว่ามันเป็นปฏิกูล  ในขณะที่นักฟิสิกส์บอกว่านั่นคือพลังงานแรงสูงที่ดีกว่านิวเคลียร์    มุมมองที่ต่างกันก่อการตีความต่างกัน      การตีความต่างกันนำไปสู่ทฤษฎีคนละอย่าง    และทฤษฎีคนละอย่างก็คือการนำเอาวัตถุต้องสงสัยนั้นไปทดลองหาประโยชน์คุณค่าเพื่อสรุป&&    โลกคงวุ่นวายพิลึกถ้าเป็นเช่นนี้  หากบังเอิญมีหมอมาเจอกองขี้หมานั่นเข้าอีกคน  แล้วบอกว่านั่นเป็นพาหะเชื้อโรค  นักสิทธิมนุษยชนบอกว่านี่คือเสรีภาพของปัจเจก    นักปฏิวัติบอกว่านี่คือการปลดปล่อย      โลกจะเป็นอย่างไรหากต่างคนต่างเชื่อ  ต่างตั้งสมมติฐานมาถกเถียงกันไม่สิ้นสุด  มันจึงต้องมีใครสักคนลุกขึ้นยืน    แล้วประกาศเปรี้ยงชี้ชัดไปเลยว่ามันคือกองขี้หมา!  จริงด้วย!  มันเป็นเพียงกองขี้หมา  ที่มีกลิ่นสีรูปร่างและที่มาอันชวนผะอืดผะอม    คนที่ลุกขึ้นมาทุบโต๊ะปังชี้เปรี้ยงลงไปก็ต้องคนอย่างเจ๊สุนารีนี่แหละ  แล้วแกก็เอาขี้เถ้ามาโรยกลบ    โกยใส่ถุงพลางบ่นอีกราวๆชั่วโมงครึ่ง     ถึงแม้สายตาว่างเปล่าของเด็กสาวอายุ ๑๕ ในขณะนั้น  จะต่างกับกองขี้หมาลิบลิ่ว  แต่จุด ร่วมหนึ่งที่ปรากฏให้เห็นก็คือ  การเป็นกองขี้หมาก็คือกองขี้หมา  สายตาว่างเปล่าก็คือสายตาว่างเปล่า    อันเป็นสัจจธรรมอย่างที่สุด

ด้วยเหตุฉะนี้-    เมื่อท่านอ่านตั้งแต่สายตาว่างเปล่าจนถึงกองขี้หมา    ภูมิปัญญาที่ท่านควร จะมีอยู่บ้างก็จะให้เกิดความสงสัย    แล้วท่านก็จะพยายามคลี่คลายเพื่อหาคำตอบ    ว่าสายตาว่างเปล่ากับกองขี้หมานั้นหมายถึงอะไรกันแน่    นี่แหละที่เขาเรียกกันว่าการตีความ    ท่านจะตีความไปตามประสบการณ์ตน  ตามองค์ความรู้ที่มีหรือพยายามจะมีให้ได้    จึงไม่แปลกแต่อย่างไร  ที่ครั้งหนึ่ง ชาติชาย เพื่อนของข้าพเจ้าบอกว่าเด็กสาวผู้นั้นกำลังตกตะลึงตื่นเต้น    ซาบซึ้งและขวยอายเกินจะตั้งตัวตอบรักข้าพเจ้าได้ทันใด    ข้าพเจ้าลังเลอยู่บ้าง  ครั้นหวนนึกถึงคำที่แม่มักบอกว่าลูกชายของแม่หน้าตาดีเหมือนเตี่ย  ก็ให้เคลิ้มๆครึ้มอกครึ้มใจอยู่    เกิดความมั่นใจเล็กน้อย  พอที่จะยิ้มให้กับใบหน้าตัวเองในกระจกได้    หรือเช่นที่ อรุณ  พี่ชายของสาวคนนั้นที่มองข้าพเจ้าแต่หัวจรดเท้า    อาจกำลังสงสัยในคำกล่าวของชาติชาย    จึงได้หลุดปากอุทานออกมาว่า อย่างมึงนะเรอะ? การตีความเป็นเรื่องเฉพาะ  เป็นปัจเจก    เป็นความว้าเหว่วังเวงอย่างแรง

ด้วยเหตุฉะนี้-  การตีความใดใดมันจึงต้องมีกรอบ      กรอบที่เป็นเค้าโครงกว้างๆให้เอา มือล้วงเข้าไปสัมผัส  ควานหาคำตอบตามสภาพคำถาม  แล้วเราก็นิยามกรอบนั้นๆให้ดูดีดูมีการศึกษาหน่อยๆว่าทฤษฎี    เช่น-  ทฤษฎีว่าด้วยไก่พะโล้นิยมวิภาษ    ชื่อของทฤษฎีก็บอกโต้งๆอยู่แล้วว่าเรื่องอะไรหมายถึงอย่างไร    เมื่อเราเข้าใจนิยามทฤษฎีจนแตกฉาน  เราก็สามารถเข้าถึงความสูงสุดของทฤษฎีนั้น  สามารถนำมาใช้ในการอื่นได้  เช่น-ต้มไก่ไหว้เจ้า  ต้มไก่พะโล้เครื่องเทศ  ต้มไก่กับน้ำเปล่าแล้วเอาไปผัดเค็ม    นี่แหละคือการล้วงเข้าไปในกรอบของทฤษฎี    แล้วหยิบข้อมูลนั้นมาใช้ในการปฏิบัติ    จากนั้นเพื่อการง่ายในการแบ่งประเภทย่อยลงมาจากหัวข้อทฤษฎีใหญ่  เราก็สร้าง สูตร  ขึ้นมา  เป็นสูตรที่ทำนองเดียวกับสูตรคูณ  สูตรฟิสิกส์  เพื่อการง่ายขึ้นไปอีกในการแสดงวิธีทำหาผลลัพท์ ชีวิตมิใช่เรื่องง่ายๆที่เกิดมาแล้วดับสูญ    มันมีรายละเอียดปลีกย่อยคณานับเลยทีเดียว

ข้าพเจ้าเป็นนักฝัน!  ฝันได้ตะพึดตะพือ  ฝันไม่บันยะบันยัง    ข้าพเจ้าฝันได้แม้กระทั่ง ตอนลวกหมี่  มันเป็นความฝันในยามตื่น    ในยามร่างกายล้าเหนื่อยแต่ยังไม่สามารถพักผ่อนได้    การฝันโดยการนึกภาพเป็นฉากๆนี่แหละ  ที่ช่วยพยุงร่างที่อ่อนล้าให้ทรงตัวได้อยู่    ข้าพเจ้าใช้วิธีนี้ลากสังขารให้ผ่านพ้นไปในแต่ละวัน

มันเป็นความฝันที่เกิดมาจากการปรุงแต่ง    เพื่อสร้างความตื่นเต้นหรือระบายภาวะอึดอัด บางอย่างอยู่ในภวังค์  ภาพฝันหนึ่งที่ข้าพเจ้าชอบวาดและเล่าเรื่องอย่างไม่รู้เบื่อก่อนนอน    คือการหลงยุคเข้าไปในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย    ในชุดทหารลายพรางที่มีอาวุธทันสมัยครบมือ  มันเป็นอาวุธที่ใช้ได้ไม่จำกัดจำนวน  ประเภท      มีปืนเลเซอร์ที่ยิงลำแสงไปได้รอบโลก  มีกระเป๋าวิเศษราวกระเป๋าหน้าท้องของโดเรม่อน    ที่สามารถหยิบเฮลิคอปเตอร์  รถถัง  มอเตอร์ไซค์  เครื่องบินรบ  ออกมาแล้วขยายให้ใหญ่ขึ้นได้ด้วยการดีดนิ้ว  ข้าพเจ้าเดินดุ่มๆเข้าไปในหมู่บ้านที่ทหารพม่าข้าศึกกำลังกวาดล้างบ้าคลั่ง    ข้าพเจ้ากระโจนลงสงคราม    ยิงมันทุกผู้ที่โพกหัวนุ่งโสร่งอย่างไม่ไว้หน้า    สปาร์ตาร์ฟันฉับเข้าต้นคอเอาเลือดมาล้างตีน    ข้าพเจ้าไล่เตลิดเปิดเปิงไปจนถึงทัพหลวงของมัน    ที่แม่ทัพใหญ่นั่งสง่าอยู่บนหลังช้าง    เบื้องหน้าเป็นทัพจำนวนแสน    ข้าพเจ้าหยิบมอเตอร์ไซค์วิบากออกจากกระเป๋า    เสียงสตาร์ทคำรามกระหึ่มน่าขนหัวลุก    เล็งอาร์พีจีไปยังใจกลางทัพเป็นการทักทาย    ทำลายล้างวงกว้างและสั่นขวัญประสาทมันให้หล่นวูบ    ข้าพเจ้ายกล้อเหาะเหินเนินดินคันนาเข้าไปในวงล้อม ชัยชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดและเลือดชั่วที่แปดเปื้อนแผ่นดินไทย    มันทำให้ข้าพเจ้าได้รับการ ไชโยโห่ร้องต้อนรับจากชาวอยุธยา    ข้าพเจ้าเป็นวีรบุรุษ    ค้อมคอรับมาลัยแล้ววันทยาวุธตอบรับน้ำใจงดงามนั้น  แน่ล่ะ -      สาวน้อยนางหนึ่งกำลังยิ้มให้ข้าพเจ้าอย่างปีติ
แล้วข้าพเจ้าก็ตาแข็งค้างเติ่งนอนไม่หลับอีกคืนหนึ่ง

ว่ากันว่า -  ความฝันที่เราสร้างมันขึ้นมากลางอากาศ    กำหนดรูปแบบเนื้อหา  มันเกิดมา แต่เบื้องลึกของจิตสำนึก  ที่เราอยากมีอยากอยู่อยากเป็น    เราสร้างมันมาทดแทนสิ่งที่ขาดหายหรือไม่เคยมีในชีวิต    เป็นแรงผลักให้เราโผล่พรวดลุกขึ้นมาสูดอากาศจากการถูกกด    คือแรงยึดที่สั่งสมพอกพูนทบแล้วทบเล่า      อันระเบิดระบายได้ด้วยจินตนาการ    เมื่ออิ่มหนำกับความฝันหรือเหนื่อยกับการวาดจินตภาพ    เราก็จะรู้สึกตัวเบาสบาย  ปลอดโปร่งไปได้อีกวาระ  จนเมื่อภาพฝันนั้นซากซ้ำวนเวียน  เราก็จะสร้างภาพฝันใหม่ขึ้นมาแทนที่เสมอ
เราไม่สามารถตีความใดใดได้เลย  นอกเสียจะบอกว่าคนคนนั้นกำลังประสบปัญหาทาง สังคม    ที่ต้องใช้ภาพฝันส่วนตัวชุบเลี้ยงชีวิตไปวันๆ  ข้าพเจ้าคิดถึง  อาคิว  ตัวละครในนิยายของ  หลู่ซิ่น  ขึ้นมาทันที

มันยังมีอีกหนึ่งความฝัน    เป็นความฝันอันไม่รู้ตัว  ไม่มีรูปแบบไร้เนื้อหา  ล่องลอยโดด เดี่ยวในภวังค์ไร้พื้นที่เวลาไร้ตัวตน      เป็นความฝันที่เกิดมาจากการหลับลึก    และลมหายใจที่แผ่วเบาสม่ำเสมอ    เราเรียกมันว่า ความฝันแท้    และความฝันแท้นี่แหละที่น่าฉงนฉงาย  ลึกลับ  เปี่ยมรสชาติ  ตื่นเต้นและเปียกฉ่ำได้ทั่วทั้งองคาพยพของคนเรา

๒). ทุกเช้ามืด    ข้าพเจ้าจะควบมอเตอร์ไซค์ปุเลงๆไปตลาด    ซื้อหมูที่แผงพี่ตอง  เดินเลยไป หน่อยซื้อไก่ที่แผงพี่อะฉะห์      แฉลบไปทางซ้ายนิดหนึ่งซื้อเส้นก๋วยเตี๋ยว    ตามเส้นทางเดิม    คนขายหน้าเดิม    คำทักทายคำเดิม    รอยยิ้มเดิมๆ  คำถามเดิมๆจากอาซิ้มแผงของชำคนเดิมว่า    ทำไมยังไม่มีเมีย? ข้าพเจ้ายิ้มตอบอย่างมีเลศนัยเหมือนเดิม  แล้วเดินออกนอกตลาดไปซื้อซาลาเปาเจ้าเดิม  ก่อนกลับ บ้านทางเดิม

เป็นอยู่อย่างนี้-จนแทบจะรู้จักหน้ากันไปทั้งตลาด    ยิ่งใกล้ถึงวันหวยออกด้วยแล้วละก็    เสียงทัก ทายอึงมี่กระหึ่มราวเสียงผึ้งบิน    เพิ่มความอลหม่านและเสียงอันสะท้อนก้องอยู่ภายใต้หลังคาโครงเหล็ก  มันเป็นเสียงแห่งความหวังโดยแท้    ในหนึ่งเดือน-คนหาเช้ากินค่ำมีความหวังรออยู่เบื้องหน้าแค่สองวัน  คือวันที่ ๑๖ และ ๑ ของทุกเดือน    และมักเป็นพี่ตองกับพี่อะฉะห์เสมอ  ที่จะถามข้าพเจ้าถึงความฝันในคืนที่ผ่าน    โดยมีแผงใกล้ๆคอยเงี่ยหูฟัง  พร้อมออกความเห็นเล็กน้อยแต่เป็นคุ้งเป็นแคว  เมื่อความฝันของข้าพเจ้ามันจับอะไรมาตีความมิได้

มันเริ่มมาจากเมื่อสักสองปีก่อน    ไม่รู้อะไรมาดลใจพี่อะฉะห์ให้เงยหน้าจากเขียงไก่    มาสบตา ข้าพเจ้านิ่งนานด้วยสายตามุ่งมั่นอย่างที่สุด      ข้าพเจ้าหน้าเหรอด้วยมิรู้จุดหมายปลายเหตุอันใด  จนบังเลาะห์ใช้ศอกกระทุ้งสีข้างแกเบาๆนั่นแหละ  แกจึงได้ถามว่าเมื่อคืนข้าพเจ้าฝันอะไรบ้างไหม?    เป็นคำถามเบาๆ  เงียบๆ แต่หนักแน่นพอที่จะทำให้แผงใกล้ๆสี่ห้าแผงหันขวับมาเป็นตาเดียว  ด้วยมันเป็นวันที่ ๑๕  พรุ่งนี้หวยออก! ข้าพเจ้าก้มดูชุดที่สวมอยู่ว่ามันมีผ้าเขียวผ้าแดงพันรอบอยู่ไหม    ด้วยเกรงว่าจะมีใครสักคนอุตริเอาพวงมาลัยมาคล้องคอเข้า    หยิกเนื้อตัวเองแรงๆเพื่อดูว่ามีองค์ไหนมาประทับร่างเข้าทรงหรือเปล่า    ก็โล่งใจที่พบว่ายังเป็นไอ้ตี๋หน้าจืดคนเดิม    ข้าพเจ้าหัวเราะคิกน่ารักๆ  แล้วบอกพี่อะฉะห์เบาๆว่า ฝัน&. นาทีนั้นเอง-น้องพรคนสวยของข้าพเจ้าก็เดินนำร่างอวบอัดผ่านมา

ฝันว่า-มีพระ  ๘๔  รูปมาฉันเพลที่บ้านข้าพเจ้า  หลังให้พรเสร็จเรียบร้อยพระท่านก็กลับ    พี่ อะฉะห์ใช้ปังสอสับไก่กระแทกเขียงดังโป๊ก  บอกข้าพเจ้าว่า  ๙ ๘ ๔ แน่    ก็พอรู้มาเหมือนกันว่า  พระนั้นเป็นของสูงควรใช้เลขสูงคือ ๙ มาตีค่า  แต่บังเลาะห์กลับทักเบาๆอย่างเกรงใจพี่อะฉะห์ว่า  ไม่ใช่  ๘  หรือ?    ข้าพเจ้าเคยได้ยินมาเหมือนกัน    ในบางสำนักนั้นให้ค่าของพระเป็น  ๘    งวดนั้นข้าพเจ้าซื้อ  ๙ ๘ ๔  ด้วยมั่นใจว่าพระควรเป็น ๙      แหละถ้าใครบอกว่าพุทธกับอิสลามอยู่ร่วมกันไม่ได้นั้น ข้าพเจ้าเถียงคอเป็นเอ็นหลังชนฝาแน่    ท่านต้องมาดูการปรึกษาอย่างเคร่งเครียดถึงการตีความฝัน    โดยมีพี่อะฉะห์เป็นศูนย์กลาง  มีพี่แผงขนมไทย ,ป้าแผงของชำ ,เจ๊แผงหมูหยองละแวกนั้นหน้าดำคร่ำเครียดเอาเป็นเอาตาย      งวดนั้นข้าพเจ้าถูกเลขแต่ไม่ถูกเงิน    เพราะลืม กลับ ตามพระ    มันออก  ๘ ๙ ๔ ให้ข้าพเจ้ากล้ำกลืนน้ำตาเสียดายเงินหลายร้อยอย่างอาลัยอาดูรเป็นที่สุด    แต่พี่อะฉะห์ผู้คร่ำหวอดในวงการได้เงิน!

ในตลาดนั้น  เรื่องแบบนี้ละก็เดี๋ยวใจเถอะ    มันจะกระพือโหมราวไฟไหม้ทุ่งไหม้ซังข้าวเลยที เดียว      ข่าวลือเรื่องฝันแม่นของข้าพเจ้าเข้าหูพี่ตอง  แกตัดพ้อต่อว่าข้าพเจ้า  น้อยอกน้อยใจที่ไม่เคยปริปากบอกความฝันให้แกบ้าง    ข้าพเจ้ายิ้มแหยๆ    มิรู้จะแก้ตัวประการใดดี  จึงบอกแกว่าไว้งวดอื่นเถิด  หากข้าพเจ้าฝันดีมีเลขเด็ด  ข้าพเจ้าเป็นบอกพี่ตองเป็นคนแรกแน่  สัญญา แล้วน้องพรคนสวยของข้าพเจ้าก็เดินมาซื้อหมูแผงพี่ตอง    หัวใจข้าพเจ้าหล่นวูบลงไปอยู่หัวแม่ เท้า    มิรู้จะทำประการใดดีที่จะได้รู้จัก    ทุกวัน-ข้าพเจ้าได้แต่ชะแง้หาเหมือนหมาชะเง้อมองน้องพรคนสวยอยู่ดายเดียว


ยังคงไปตลาดแต่เช้ามืดทุกวันเหมือนเดิม    ซื้อหมูซื้อไก่ซื้อเส้นเหมือนเดิม    และผ่านแผงของชำ อาซิ้มคนเดิม      คำถามเดิมๆยังคอยถามอยู่เดิมๆมิมีเปลี่ยน    จนอดคิดไม่ได้ว่าคนเราจะไม่มีเมียนี่    มันสร้างความทุกข์อกทุกข์ใจอันใดแก่ใครอื่นได้ใหญ่หลวงขนาดนี้เชียวหรือ?  หรือมีเมียแล้วแต่มิได้ประกาศบอกข่าวทางหนังสือพิมพ์    มันจะสร้างความกระวนกระวายร้อนรุ่มในหัวอกทุรนทุรายให้กับชาวบ้านได้ขนาดนี้เชียวหรือ?    และการฝันของข้าพเจ้ามันสร้างความหวังให้แก่ประชาแม่ค้าแม่ขายได้ขนาดนี้เลยหรือ?

อีกงวด-แต่ครั้งนี้เป็นพี่ตองที่เอ่ยปากถามข้าพเจ้าว่าฝันอะไรมา    เป็นอีกครั้งที่ข้าพเจ้าทะลึ่งฝัน แปลกๆแล้วยังจำเอาไว้ได้แม้ยามตื่น  ผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาน่าจะสวย  ด้วยข้าพเจ้ามักจะฝันถึงผู้หญิงสวยๆเสมอ
หล่อนเดินมายิ้มเผล่ใกล้ๆข้าพเจ้า  แล้วเขียนเลข  . ๐ ๓  ตัวแดงแว้งลงในกระดาษยื่นมาให้    พี่ตองตาลุกวาวยิ้มกว้าง  บอกข้าพเจ้าว่าผู้หญิงนะน้องตี๋  เลขสี่แน่นอน    ว่ากันว่าคนเราบุญมีมันก็ต้องอาศัยกุศลช่วยหนุนบุญด้วย  นี่กระมังที่ทำให้ข้าพเจ้าผ่าไปซื้อ ๐ ๑ ๓      เออหนอ-กุศลผลกรรมใดที่จับมือข้าพเจ้าให้เขียนเลข ๑ ลงไปแทน  พี่ตองได้เงิน  และข้าพเจ้าได้ชื่อว่าฝันแม่นอีกงวด

ความฝัน -  ความฝันที่เป็นน้ำหล่อเลี้ยงชีวิต  มิให้แห้งแล้งระแหงดั่งทะเลทราย    มันสามารถมีมูล ค่าได้อย่างไม่น่าเชื่อ

มันเป็น ความฝันแท้  เป็นวิทยาศาสตร์  มันลึกยิ่งกว่าจิตสำนึกที่ผุดพรายขึ้นมาจากความ อัดอั้น    เราเรียกกันว่า จิตใต้สำนึก    มีหลายคนเชื่อว่าในขณะหลับจิตของเราถอดออกจากร่าง  เป็นเจตภูตที่ไปสู่ที่ที่แม้ไม่เคยรู้จักพบเห็น    ไปสู่ปรากฏการณ์เหนือความคาดหมายคาดเดา      เป็นพลังงานชนิดหนึ่ง    ที่ดึงดูดเจตภูตอื่นให้มาพบเจอกันในสถานการณ์หนึ่ง    เพื่อสร้างปรากฏการณ์ร่วมกัน

ไม่ว่าฝันนั้นจะดีหรือร้ายเพียงไร    มันก็คือการปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างจากเบื้องลึก ความทรงจำ  รู้สึกของตน    และฝันดีฝันร้ายนี่แหละ      ที่เมื่อเราตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าหัวใจยังเต้นโครมครามด้วยความแช่มชื่นหรือตื่นกลัวอยู่    เหตุการณ์ในฝันเสมือนจริงเสียจนเราเชื่อว่ามันเกิดขึ้นจริง  ไม่ก็มันจะต้องเกิดขึ้นในอนาคต  หรือเกิดขึ้นมาแล้วในภพชาติก่อนๆ    เราทบทวนความฝันนั้นอย่างระมัดระวัง    เก็บรายละเอียดทุกซีนทุกฉาก    เรียงลำดับทยอยๆจนเป็นรูปร่าง    เราเล่าเรื่องความฝันแท้จากจิตใต้สำนึกด้วยความฝันของจิตสำนึก    ด่ำดื่มลืมตาครุ่นคิด  พยายามแปลให้ได้ว่าที่ฝันนั้นหมายถึงอะไร?        ในเมื่อลักษณะของความฝันแท้นั้นล่องลอยไร้การควบคุม    และมนุษย์ในโลกนี้มีจำนวนมากมายมหาศาล    เราจะจัดระเบียบความฝันไร้การควบคุมนั้นได้อย่างไร?  เพื่อการเข้าใจร่วมกันของคนทั้งโลก  อย่างน้อย  ของสังคมหนึ่ง

จึงมีใครก็ไม่รู้ ที่มีความพยายามสูงยิ่งในการรวบรวมความฝัน    สังเกตสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับ นักฝันแล้วจดเป็นสถิติ  บันทึกเป็นข้อมูลเป็นตำรา    ดึงดาวทั้งกาแลกซี่มาโยงเข้ากับเส้นลายมือวันเดือนปีเกิด  เพื่อเค้นหาคำตอบมาให้กับนักฝันผู้หวั่นไหวทั้งหลาย  แล้วความฝันแท้อันล่องลอยไร้พื้นที่เวลาก็ปรากฏในรูปของศาสตร์ที่เรียกกันว่า โหร  มีความเป็นวิทยาศาสตร์รองรับเต็มเปี่ยม แน่ล่ะ  ที่การตีความความฝันมันต้องอาศัยวิธีการเดียวกับการตีความกองขี้หมาและ สายตาว่างเปล่าคู่นั้น      ตำราทาย หวย ก็เช่นเดียวกัน!

๓). ร่างกายอันอ่อนล้าอิดโรยจากการงานเมื่อกลางวัน    กับสมองหนักอึ้งมึนงงด้วยเรื่องราว มากมายที่ประสบ      ล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดความตึงเครียดอยู่ลึกๆของจิตสำนึก  และโชคร้ายที่ข้าพเจ้าเป็นคนหลับยาก  ส่วนหนึ่งนั้นมาจากภาพฝันที่ได้กำหนดขึ้นมาปลอบประโลมใจตน    เพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาดวิ่นของวัน  ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของคืน    เพื่อวันพรุ่งจะได้มีแรงลวกหมี่อย่างมีความหวัง    ชีวิตที่มีความหวัง!  มันช่างเป็นคำที่มีน้ำเสียงเสนาะหูเสียเหลือเกิน    เราผ่านคืนผ่านวันก็เพื่อวันพรุ่งที่จะมา  ข้าพเจ้าเข้าใจดี    ว่าทำไมทุกวันที่ ๑๖ และ ๑    ตลาดจึงได้คึกคักเป็นพิเศษ    พ่อซื้อแม่ขายต่างยิ้มอย่างมีความหวัง  พวกเขากำลังรอคอยช่วงเวลาบ่ายๆเย็นๆจากลำโพงวิทยุ    ใจจดใจจ่ออยู่กับการลุ้นและภาพฝันที่สร้างเอาไว้มานานนับปักษ์    แม้ตัวเลขของเขาจะไม่ถูกหรือเฉียดใกล้เลยก็ตามที    แต่ภาวะช่วงที่กำลังรอคอยอย่างมีความหวังนี้มิใช่หรือ?  ที่เป็นความสุขของชีวิต
ความสุขเล็กๆน้อยๆที่พอจะหาได้  เช่นที่ข้าพเจ้าได้ชะแง้มองหาน้องพรทุกเช้ามืดในตลาด นั่นแหละ

๑  มีนาคม  ๒๕๔๘

Comment #1
Posted @4 มิ.ย.48 23.20 ip : 203...169

ผมเอง .. ก็มีความสุขกับ 2 วันนี่เหมือนกันครับ

Comment #2
ใครสักคน (Not Member)
Posted @5 มิ.ย.48 8.46 ip : 203...10

ปล .. ของพี่น่ะมันเครียดไป เหอๆๆๆ (ตามประสาคนอารมณ์ดีเกินเหตุ)


กูแทบจะพลัดตกเก้าอี้ด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด

ก็แน่ละสิ !!

ที่กูมั่นใจขนาดนี้ .. เจ้าพ่อยืนยันเป็นนักเป็นหนา

ได้ล้มหมู เชือดวัว กินให้นอนใน ก็คราวนี้แหละ

........................................

กูหมุนคลื่นเอฟเอ็ม

ฉอ-ฉ่า-ฉอ-ฉ่า

สลับกันไปมากับเสียงโฆษก

หูได้ยินอะไรห้าห้าห๊ะห๊ะ

โอ๊ย กูฟังไม่รู้เรื่องแล้ว

ก็มันตื่นเต้นนี่นา..ทำไงได้

.........................................

เอาวะ!! กูถูกหวยว่ะ เลขท้าย 3  ตัว

ไปโรงหมู ..

ไปเลือกหมู ..

กูว่า " เออ หมูนี้มันน่าสงสารจังเลยนะ "

กูอีกน่ะแหละที่ว่า  "ทำไงได้ว๊า ก็กูถูกหวย ไม่ฆ่าหมู ให้ไปฆ่าแมวที่ไหน"

และคืนนั้น กูก็กินหมู กินเหล้า กินข้าว กินไพ่ .. อิ่มหนำสำราญจริงๆ .........................................

กูเข้าเมือง

ด้วยความรู้สึกสยิวกิ๊ว..กริ่มๆ จะอ้วกหน่อยๆ

ไปยื่นอะไรต่ออะไรมากมาย

ซึ่งกูก็ไม่รู้เหมือนกัน

ไอ้เจ้าหน้าที่มันเริ่มมองหน้ากัน

เลิ่กลั่ก

...........................................

ทำไมล่ะวะ ??

กูสงสัยอีกน่ะแหละ

หรือกูจะลืมรูดซิป ลืมติดกระดุม ...........................................

มันบอกกูว่า

"เอ่อ เอ่อ ป้าครับ ป้าซื้อเลขอะไรนะครับ"

" 5 5 5 "

" ครับ "

" ทำไมล่ะ "

" มันออก 515 ครับป้า"

.............................................

กูโอดครวญเสียงอ่อย

" แล้วกูจะเอาเงินที่ไหนไปเสียฆ่าหมูวะเนี่ย "

.....................................................

Comment #3
Posted @5 มิ.ย.48 17.00 ip : 203...71

ก็ไปรับเลี้ยงหมูให้เขาซะสิ

เล่นกินล่วงหน้ายังงี้มีที่ไหนเล่า

Comment #4
555 (Not Member)
Posted @13 ธ.ค.49 13.32 ip : 203...158

แฮกกกกกกกกกกกก

Comment #5
ok (Not Member)
Posted @7 ม.ค.51 14.17 ip : 125...156

5555+เลยปีใหม่ซากกกกที..ดีจายเยี่ยมเลย

แสดงความคิดเห็น

« 3575
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 5 user(s)

User count is 2285772 person(s) and 9312493 hit(s) since 6 พ.ค. 2567 , Total 550 member(s).