Topic List
เรือกลางทะเล๑).ลิบลิบโน่นแน่ะเส้นขอบฟ้าเรือลำน้อยบ่ายหน้าแล่นฝ่าคลื่นคลื่นครามยามลมได้โครมครืนก็แตกดอกออกดื่นเหนือผืนน้ำปรากฏเป็นดวงเก็จราวเพชรระยับหายวับ-แล้วแตกเก็จเป็นเม็ดฉ่ำเรือลำน้อยน้อยยังลอยลำรอค่ำร่ำลมจะพรมเรือเกรียมแดดเกรียมฟ้ากลางมหาสมุทรมนุษย์-ผู้มั่นในความเชื่อคาว
๑).ที่รักยเดี๋ยวอีกสักเพียงครู่ก็ตรู่รุ่งกลิ่นดอกเช้าแสนหอมจะหอมฟุ้งชโลมคุ้งขอบโลกมาโกรกเรือนอีกเพียงมิกี่กะพริบของดวงดาวความชืดหนาวแสนมืดจะจืดเฝื่อนเพื่อจะทอแสงรางขึ้นรางเลือนแล้วแรเลื่อนไล่รางจนรางรางแหละอีกมินานเลยจักเผยภาพอันอาบแสงพรายแดดสายพร่างส่องฉาดสาดฉายทุกสายทางจัด
๑).ดึกนี้ลูกหนาวแท้-แม่จ๋ามองฝ่าทางไหนก็ไม่เห็นฝนม่านซ่านฟองละอองเย็นลมพัดกระทบเต้นกระเซ็นละอองมากระทบกระจกเต้นอยู่เป็นเม็ดเต้นเสร็จก็แตกพรายแล้ววายฟ่องบานเกล็ดสะท้อนเงา-ลูกเฝ้ามองตาสบตาตนจ้องเต็มสองตานี่หรือลูกชายแม่-ขี้แยจริงขี้แยยิ่งลูกแหง่เชียวแม่จ๋าชีวิตอันดายเดียวลูกเยียว
แหลกร่วงแล้วเอยหัวใจแหลกร้าวกราวไหลแล้วนั่นปล่อยเถิดกองพื้นท่วมคืนวันปล่อยมันผันผ่านล่วงวันคืนให้ลมพัดขัดเงาจนวาวงามให้แดดลามเลียจนมันมนลื่นแหละน้ำค้างอาบชุ่มจนนุ่มพื้นจนแสงขื่นขับช่วงแข่งดวงดาวปล่อยมันอยู่อย่างนี้เถิดที่รัก........ในปลักในตม--ในลมหนาวเผื่อว่าวันหนึ่งเมื่อถึงคราว
๑).พอฝนตั้งเค้าขึ้นเงาเมฆฟ้าก็เสกแผ่นน้ำขึ้นฉ่ำหาวเต็มแผ่นแน่นพืดอยู่ยืดยาวรอร้าวลมแรงมาแทงเค้าแตกเป็นฝนเม็ดน้อยที่ลอยลิ่วร่วงปลิวลงหล้าลงป่าเขาขณะเมฆดำปลอดยังทอดเงาเหนือลำเนาพฤกษ์พง-เหนือดงไม้๒).หนึ่งหยดน้ำค้างใบของไม้เขียวก็จะเรียวดวงหยดเม็ดสดใสมาซบผืนดินชุ่มให้อุ้มไว้เพ
๑).มิตรรัก-คือเคราะห์หนักความเจ็บปวดเฝ้าหวดแส้ด้วยคลื่นอันปั่นป่วน-ลมปรวนแปรโหมซัดแพให้ขื่นเข็ญมิเว้นคืนแพที่ล่องลอยไปในโลกกว้างลอยควะคว้างกลางทะเลเห่เสียงคลื่นฟั่นเกลียวโถมโหมเกลียวถั่งดังโครมครืนจะเกยตื้นให้ขื่นเข็ญมิเว้นวันเธอ - ผู้ทรงตัวด้วยหัวใจลมล่าไล่ไสเสือกเทือกคลื่นหลั่น
๑).ดูเหมือนว่ายท่านกับข้าพเจ้ามีความเหมือนสัมผัสทุกสิ่งอย่างอย่างรางเลือนไร้เพื่อนไร้ใคร-ไร้มิตรภายในกรอบแคบแคบ-เราแอบตนต่างคนโบกปูนก่ออิฐล้อมบ้านกั้นทางขวางทิศเก็บตัวอยู่มิดชิดฃ-ชีวิตเราดูเหมือนว่ายดวงตาอ้างว้างเราว่างเปล่าเสียงผิวปากเรียกนกให้ผกเงาส่อชัดความเศร้าของเงาตา
๑).ปลิดทิ้ง--อิ่งอ้อยอ่อยเอื่อยร่วงเปลือยกิ่งก้านอันสานไขว้ฤดูนี้แล้งจัด--ไม้ผลัดใบรอยไหม้ไล่รอบใบกรอบแดงฟ้าสูงและเมฆกำลังพวยขาวปลอดตลอดมวยเหนือห้วยแห้งถัดมาเป็นลานกว้าง--กลางแปลง ฝุ่นแล้งตลบฟุ้งคละคลุ้งลานใบผากตากแดดจนแสดเกรียมมน-เหลี่ยมเกรียมลมจนกรมกร้านจะแหลกผงทันตา--มิช้า
๑).เราเห็น-ภูหมอกนั้นขาวโพลนลมโยนปุยเหงาอยู่เบาแผ่วข่าวภู-ฤดูหนาวใกล้เข้าแล้วเหนือแนวเทือกทอดตลอดภูฟ้าปิด-ละอองหมอกแตกดอกบาน ฟ้าหลัวมัวน่านฟ้านานอยู่แหละตะวันโรยแรงร่วงแสงพรูโรยปูแสงว้างเวิ้งทางเท้านวลแสงกลางหมอกหม่น-สนธยาคือสีแดงแสงตาแห่งพระเจ้าลมโศก-
๑).โดยหมายว่า-ขบวนรถไฟสายความฝันวิ่งทะยานปานคันธนูแผลงในช่วงที่แดดดวงเริ่มร่วงแรง บทเพลงแห่งการเดินทางบนรางยาวแน่ที่สุด-เสียงโหยหวูดย่อมพูดว่าวันจะผลิ-นาฬิกาต้องกล้าก้าวฟังอีกครั้ง-ระยะทางหว่างดินดาวหวูดต้องกร้าวเสียงอึงจึงถึงฟ้าและโดยขบวนรถไฟสายความฝันเมื่อโง้งคันธนูง้